อพย. 28:3 และเจ้าจงกล่าวกับช่างฝีมือทุกคน ซึ่งเราให้พวกเขาเต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา แล้วพวกเขาจะทำเสื้อตำแหน่งเพื่อแยกอาโรนออกมาปรนนิบัติเราในตำแหน่งปุโรหิต
อพย. 31:3 และเราได้ให้เขาเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า คือให้เขามีสติปัญญา ความเข้าใจและความรู้ในงานช่างทุกอย่าง
อพย. 35:31 และพระองค์ได้โปรดให้เขาเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าคือให้เขามีสติปัญญา ทักษะ และความรู้ในงานช่างทุกอย่าง
อพย. 36:1 เบซาเลลและโอโฮลีอับกับช่างฝีมือทุกคน ที่พระยาห์เวห์ประทานสติปัญญาและทักษะให้รู้จักทำงานทุกอย่างในการสร้างสถานนมัสการ พวกเขาก็ทำตามทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้แล้ว”
อพย. 36:2 โมเสสจึงเรียกเบซาเลลและโอโฮลีอับกับช่างฝีมือทุกคน ซึ่งพระยาห์เวห์ประทานสติปัญญาไว้ในใจของเขา คือทุกคนที่หัวใจของเขาเรียกร้องให้มาทำงาน
อพย. 36:4 ส่วนทุกคนที่มีสติปัญญาที่ได้ทำงานต่างๆ เพื่อสถานนมัสการนั้นมาถึง โดยต่างก็ผละจากงานของตน
ฉธบ. 4:6 จงรักษาและทำตามกฎเหล่านั้น เพราะการกระทำอย่างนั้นจะแสดงถึงสติปัญญาและความเข้าใจของพวกท่านต่อหน้าชนชาติทั้งหลาย เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินถึงกฎเกณฑ์เหล่านี้แล้ว เขาจะกล่าวว่า ‘แท้จริงชนชาติใหญ่นี้เป็นประชาชนที่มีปัญญาและมีความเข้าใจ’
ฉธบ. 34:9 และโยชูวาบุตรนูนก็ประกอบด้วยสติปัญญา เพราะโมเสสได้วางมือของท่านบนเขา ดังนั้นคนอิสราเอลจึงเชื่อฟังเขา และได้ทำดังที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสสไว้
2ซมอ. 14:20 โยอาบผู้รับใช้ของฝ่าพระบาททำสิ่งนี้ก็เพื่อจะแก้ไขเหตุการณ์นี้ แต่เจ้านายของข้าพระบาททรงมีสติปัญญา ดังสติปัญญาของทูตของพระเจ้า ทรงทราบทุกสิ่งที่อยู่บนพิภพ”
1พกษ. 4:29 และพระเจ้าประทานสติปัญญาและความเข้าใจแก่ซาโลมอนมากยิ่งนัก อีกทั้งความรอบรู้ก็กว้างขวางดุจทรายริมทะเล
1พกษ. 4:30 และสติปัญญาของซาโลมอนเหนือกว่าสติปัญญาทั้งสิ้นของชาวตะวันออกและของอียิปต์
1พกษ. 4:31 เพราะพระองค์ทรงมีสติปัญญายิ่งกว่าทุกคน ยิ่งกว่าเอธานตระกูลเอศราค และเฮมาน คาลโคล์ และดารดา บุตรทั้งหลายของมาโฮล และพระนามของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วชนทุกชาติที่อยู่ล้อมรอบ
1พกษ. 4:34 คนจากชนชาติทั้งหลายก็มาเพื่อฟังสติปัญญาของซาโลมอน พวกเขามาจากบรรดาพระราชาแห่งแผ่นดินโลก ผู้ได้ยินถึงสติปัญญาของพระองค์
1พกษ. 5:12 และพระยาห์เวห์ประทานสติปัญญาแก่ซาโลมอน ดังที่ทรงสัญญาไว้ และมีสันติภาพระหว่างฮีรามกับซาโลมอน และทั้งสองก็ทำสนธิสัญญากัน
1พกษ. 7:14 ฮูรามเป็นบุตรชายของหญิงม่ายเผ่านัฟทาลี และบิดาของเขาเป็นชาวเมืองไทระ และเป็นช่างทองสัมฤทธิ์ ฮูรามเต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา ความเข้าใจ และฝีมือที่จะทำงานทองสัมฤทธิ์ทุกอย่าง เขามาเฝ้าพระราชาซาโลมอนและทำงานทั้งสิ้นของพระองค์
1พกษ. 10:4 และเมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาทั้งสิ้นของซาโลมอน และพระราชวังที่พระองค์ทรงสร้าง
1พกษ. 10:6 พระนางทูลพระราชาว่า “ข่าวคราวซึ่งหม่อมฉันได้ยินในประเทศของหม่อมฉัน เกี่ยวกับพระราชกิจและพระสติปัญญาของฝ่าพระบาทนั้นเป็นความจริง
1พกษ. 10:7 แต่หม่อมฉันไม่ได้เชื่อถ้อยคำเหล่านั้น จนกระทั่งหม่อมฉันได้มาเฝ้า และเห็นด้วยตาของหม่อมฉันเอง ดูสิ ที่เขาบอกแก่หม่อมฉันก็ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง พระสติปัญญาและความมั่งคั่งฝ่าพระบาทก็มากยิ่งกว่าข่าวคราวที่หม่อมฉันได้ยิน
1พกษ. 10:8 บรรดาคนของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข บรรดาข้าราชการเหล่านี้ของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข คือผู้ที่คอยปรนนิบัติเฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาทเป็นประจำ และฟังพระสติปัญญาของฝ่าพระบาท
1พกษ. 10:23 ดังนั้น พระราชาซาโลมอนจึงยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อื่นๆ ในโลก ในเรื่องสมบัติและสติปัญญา
1พกษ. 10:24 และทั่วทั้งโลกก็แสวงหาที่จะเข้าเฝ้าซาโลมอน เพื่อจะฟังพระสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในพระทัยของพระองค์
1พกษ. 11:41 ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของซาโลมอน และทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ และพระสติปัญญาของพระองค์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพระราชกิจของซาโลมอนไม่ใช่หรือ?
2พศด. 1:10 ขอประทานสติปัญญาและความรู้แก่ข้าพระองค์ที่จะปกครองต่อหน้าชนชาตินี้ เพราะใครเล่าจะพิพากษาประชากรอันมากมายนี้ของพระองค์ได้”
2พศด. 1:11 พระเจ้าตรัสตอบซาโลมอนว่า “เพราะว่าสิ่งนี้อยู่ในจิตใจของเจ้า และเจ้าไม่ได้ขอทรัพย์สมบัติ ความมั่งคั่ง เกียรติหรือชีวิตของพวกคนที่เกลียดชังเจ้า และทั้งไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว แต่ได้ขอสติปัญญาและความรู้เพื่อตัวเจ้าเอง เพื่อเจ้าจะพิพากษาประชากรของเรา ผู้ซึ่งเราได้ตั้งเจ้าให้เป็นพระราชาเหนือเขาทั้งหลายนั้น
2พศด. 1:12 เราจะให้สติปัญญาและความรู้แก่เจ้า เราจะให้ทรัพย์สมบัติ ความมั่งคั่ง และเกียรติแก่เจ้าด้วยอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดผู้อยู่ก่อนเจ้า หรืออยู่ภายหลังเจ้าจะมีเหมือน”
2พศด. 9:3 และเมื่อพระราชินีแห่งเชบาทรงเห็นพระสติปัญญาของซาโลมอน และพระราชวังที่พระองค์ทรงสร้าง
2พศด. 9:5 พระนางทูลพระราชาว่า “ข่าวคราวซึ่งหม่อมฉันได้ยินในประเทศของหม่อมฉัน เกี่ยวกับพระราชกิจและพระสติปัญญาของฝ่าพระบาทเป็นความจริง
2พศด. 9:6 แต่หม่อมฉันไม่เชื่อถ้อยคำเหล่านั้น จนกระทั่งหม่อมฉันได้มาเฝ้าและเห็นกับตาเอง ดูสิ ที่เขาบอกกับหม่อมฉันก็ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของพระสติปัญญายิ่งใหญ่ของฝ่าพระบาท ฝ่าพระบาทเลิศล้ำยิ่งกว่าข่าวคราวที่หม่อมฉันได้ยินเสียอีก
2พศด. 9:7 บรรดาคนของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข บรรดาข้าราชการเหล่านี้ของฝ่าพระบาทก็เป็นสุข คือผู้ที่คอยปรนนิบัติเฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาทเป็นประจำและฟังพระสติปัญญาของฝ่าพระบาท
2พศด. 9:22 ดังนั้น พระราชาซาโลมอนจึงทรงยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์อื่นๆ ในโลกในเรื่องสมบัติและสติปัญญา
2พศด. 9:23 และพระราชาทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกก็แสวงหาที่จะเข้าเฝ้าซาโลมอน เพื่อจะฟังพระสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในใจของพระองค์
อสร. 7:25 “ส่วนเจ้า เอสรา ตามพระสติปัญญาแห่งพระเจ้าของเจ้าที่เจ้ามีอยู่ จงแต่งตั้งพนักงานผู้ปกครอง และผู้พิพากษาที่จะพิพากษาประชาชนทั้งปวงในมณฑลฟากแม่น้ำข้างตะวันตก คือทุกคนที่รู้บรรดาธรรมบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า และคนเหล่านั้นที่ไม่รู้ เจ้าทั้งหลายจะต้องสอน
โยบ 6:13 ที่จริงข้าไม่มีความช่วยเหลือในตัวข้าเลย สติปัญญาก็พรากไปจากข้า
โยบ 11:6 ขอพระองค์บอกเคล็ดลับแห่งปัญญาแก่ท่าน เพราะสติปัญญามีสองด้าน พึงทราบเถิดว่า พระเจ้าทรงเอาโทษท่านน้อยกว่าที่ท่านควรได้รับ
โยบ 12:16 กำลังและสติปัญญาอยู่กับพระองค์ ผู้ถูกหลอกลวงและผู้หลอกลวงเป็นของพระองค์
โยบ 39:26 “โดยสติปัญญาของเจ้าหรือ เหยี่ยวนกเขาโผไปมา และกางปีกของมันตรงไปทางทิศใต้?
สดด. 37:30 ปากของคนชอบธรรมกล่าวสติปัญญา และลิ้นของเขาพูดความยุติธรรม
สดด. 51:6 แน่ทีเดียว พระองค์ทรงประสงค์ความจริงในใจ เพราะฉะนั้น ขอทรงสอนสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในที่ลี้ลับ
สดด. 105:22 ให้บังคับบัญชาข้าราชการของพระองค์ตามชอบใจ และสอนสติปัญญาแก่ผู้อาวุโสของพระองค์
สดด. 111:10 ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี การสรรเสริญพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
สภษ. 2:7 พระองค์ทรงสะสมสติปัญญาไว้ให้คนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นโล่แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์
สภษ. 3:21 ลูกเอ๋ย อย่าให้สิ่งต่อไปนี้คลาดสายตาของเจ้า แต่จงเฝ้ารักษาไว้ คือสติปัญญาและความเฉลียวฉลาด
สภษ. 8:14 ข้าพเจ้ามีคำแนะนำและสติปัญญา ข้าพเจ้าเองเป็นความรอบรู้ ข้าพเจ้ามีพลัง
สภษ. 18:1 คนที่ปลีกตัวไปจากผู้อื่นก็แสวงหาแต่สิ่งที่ตนปรารถนา และขัดแย้งกับสติปัญญาทุกอย่าง
ปญจ. 1:13 และด้วยสติปัญญา ข้าพเจ้าตั้งใจค้นคว้าและตรวจสอบทุกสิ่งที่ทำกันภายใต้ฟ้าสวรรค์ และพบว่าพระเจ้าประทานภารกิจที่ยากลำบากให้มนุษย์ทำ เพื่อพวกเขาจะสาละวนกับสิ่งที่ทำ
ปญจ. 1:16 ข้าพเจ้ารำพึงว่า “ดูซิ ข้าพเจ้ามีสติปัญญามากยิ่ง มากกว่าทุกคนที่ครองอยู่เหนือกรุงเยรูซาเล็มก่อนข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเจนจัดในสติปัญญาและความรู้อย่างยิ่ง”
ปญจ. 1:17 ข้าพเจ้าก็ตั้งใจเข้าใจสติปัญญา เข้าใจความบ้าบอและความเขลา ข้าพเจ้าค้นพบว่าเรื่องนี้ก็เป็นแต่กินลมกินแล้งด้วย
ปญจ. 1:18 เพราะเมื่อมีสติปัญญามากขึ้น ก็มีความทุกข์ระทมมากขึ้น และบุคคลที่เพิ่มความรู้ก็เพิ่มความเศร้าโศก
ปญจ. 2:3 ข้าพเจ้าใคร่ครวญดูว่าจะทำอย่างไร กายจึงคึกคักด้วยเหล้าองุ่น แต่ใจยังคงแนะนำข้าพเจ้าด้วยสติปัญญา พร้อมกับยึดความเขลาไว้ด้วย จนกระทั่งข้าพเจ้าเห็นได้ว่า มีสิ่งดีอะไรที่มนุษย์จะทำได้ภายใต้ท้องฟ้าตลอดชั่วอายุไม่กี่วันของเขา
ปญจ. 2:9 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเป็นใหญ่และยิ่งใหญ่กว่าทุกคนที่เคยอยู่มาก่อนข้าพเจ้าในเยรูซาเล็ม และสติปัญญาของข้าพเจ้ายังคงอยู่กับข้าพเจ้าด้วย
ปญจ. 2:12 ข้าพเจ้าจึงหันมาพิเคราะห์สติปัญญา ความบ้าบอ และความเขลา เพราะคนที่มาภายหลังกษัตริย์จะทำอะไรได้? นอกจากทำสิ่งที่เขาทำกันมานานแล้วนั้น
ปญจ. 2:13 ข้าพเจ้าเห็นว่าสติปัญญามีประโยชน์กว่าความเขลา เหมือนความสว่างมีประโยชน์กว่าความมืด
ปญจ. 2:14 คนมีสติปัญญารู้ว่าจะเดินไปทางไหน แต่คนเขลาเดินในความมืด ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็ตระหนักว่า เคราะห์อย่างเดียวกันเกิดขึ้นแก่พวกเขาทุกคน
ปญจ. 2:15 ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่า “เคราะห์ที่เกิดแก่คนเขลา ก็จะเกิดกับตัวข้าพเจ้าด้วย ถ้าเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้าจะมีสติปัญญามากมายไปทำไมเล่า?” ข้าพเจ้าจึงรำพึงว่าเรื่องนี้ก็อนิจจังเหมือนกัน
ปญจ. 2:16 เพราะไม่มีใครจดจำถึงคนมีสติปัญญาและคนเขลาตลอดไป เพราะเมื่อถึงเวลาในอนาคตก็ลืมกันไปหมดแล้ว โถ คนมีสติปัญญาก็ตายเหมือนคนเขลา
ปญจ. 2:19 แล้วใครจะไปทราบว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนมีสติปัญญาหรือคนเขลา กระนั้นเขาก็ครอบครองการตรากตรำทุกอย่างของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้ตรากตรำมาและใช้สติปัญญาทำภายใต้ดวงอาทิตย์ นี่ก็อนิจจังด้วย
ปญจ. 2:21 เพราะว่ามีคนที่ตรากตรำโดยใช้สติปัญญา ความรู้ และความชำนาญ แต่แล้วก็ละส่วนแบ่งของเขาให้อีกคนหนึ่งที่หาได้ตรากตรำทำเพื่อการนั้นไม่ นี่ก็อนิจจังด้วยและสามานย์ยิ่ง
ปญจ. 2:26 เพราะว่าพระเจ้าประทานสติปัญญา ความรู้ และความยินดีให้แก่คนที่พระองค์พอพระทัย แต่ส่วนคนบาปพระองค์ประทานภารกิจที่ต้องเก็บเกี่ยวและสะสม เพื่อให้แก่ผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย นี่ก็อนิจจังด้วยคือ กินลมกินแล้ง
ปญจ. 4:13 คนหนุ่มยากจนและมีสติปัญญาก็ดีกว่ากษัตริย์ชราและโฉดเขลา ผู้ไม่รับคำแนะนำอีกแล้ว
ปญจ. 6:8 เพราะว่าคนมีสติปัญญาได้เปรียบอะไรกว่าคนเขลาเล่า? หรือคนยากจนที่รู้จักวางตัวต่อหน้าคนทั้งปวงก็ได้เปรียบอะไร?
อสย. 10:13 เพราะเขาว่า “ข้าทำการนี้ด้วยกำลังมือของข้า และด้วยสติปัญญาของข้า เพราะข้ามีความเข้าใจ ข้าได้รื้อเขตแดนของชนชาติทั้งหลาย และได้ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา ข้าเป็นเหมือนผู้ทรงพลังที่ได้ฉุดบรรดากษัตริย์ลงมา
อสย. 28:29 เรื่องนี้ก็มาจากพระยาห์เวห์จอมทัพด้วย พระองค์ทรงอัศจรรย์นักในการให้คำปรึกษา และวิเศษในเรื่องสติปัญญา
อสย. 33:6 และพระองค์จะทรงเป็นเสถียรภาพในช่วงเวลาของท่าน ทรงเป็นความรอด สติปัญญา และความรู้อันอุดม ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นทรัพย์สมบัติของศิโยน
อสย. 47:10 เจ้ารู้สึกมั่นคงอยู่ในความอธรรมของเจ้า เจ้าว่า “ไม่มีใครเห็นข้า” สติปัญญาของเจ้าและความรู้ของเจ้า ทำให้เจ้าหลงไป และเจ้าจึงคิดในใจของเจ้าว่า “ข้านี่แหละ และไม่มีผู้อื่นอีก”
ยรม. 9:23 “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า อย่าให้ผู้มีปัญญาอวดสติปัญญาของตน อย่าให้ชายฉกรรจ์อวดความเข้มแข็งของตน อย่าให้คนมั่งมีอวดความมั่งคั่งของตน
ยรม. 10:12 แต่พระองค์ทรงสร้างโลกด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ ทรงสถาปนาพิภพไว้ด้วยพระสติปัญญาของพระองค์ และทรงคลี่ท้องฟ้าออกด้วยความเข้าใจของพระองค์
ยรม. 49:7 เกี่ยวกับเอโดม พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “สติปัญญาไม่มีในเทมานอีกแล้วหรือ? คำปรึกษาสูญสิ้นไปจากผู้เฉลียวฉลาดแล้วหรือ? สติปัญญาของเขาหายสูญไปเสียแล้วหรือ?
อสค. 28:4 ด้วยสติปัญญาและความเข้าใจของเจ้า เจ้าหาทรัพย์สมบัติมาสำหรับตน และเจ้าได้รวบรวมทองคำและเงิน มาไว้ในคลังของเจ้า
อสค. 28:12 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวบทคร่ำครวญเพื่อกษัตริย์ไทระ และจงกล่าวกับเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นแบบอย่างของความสมบูรณ์ เต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามพร้อม
มคา. 6:9 พระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ประกาศแก่นครนั้น (ที่จะยำเกรงพระนามของพระองค์ ก็เป็นสติปัญญา) “โอ เผ่าชนและชุมนุมชนแห่งนครนั้นเอ๋ย จงฟังเถิด
มธ. 7:24 “เพราะฉะนั้น ทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและประพฤติตาม ก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างบ้านของตนไว้บนศิลา
มธ. 12:42 ราชินีแห่งทิศใต้จะลุกขึ้นในวันพิพากษาพร้อมกับคนยุคนี้ และกล่าวโทษพวกเขา เพราะว่าพระนางนั้นมาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลกเพื่อจะฟังสติปัญญาของซาโลมอน และผู้ที่ใหญ่กว่าซาโลมอนก็อยู่ที่นี่
มธ. 13:54 เมื่อเสด็จมาถึงตำบลบ้านของพระองค์แล้ว ก็ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของพวกเขา จนคนทั้งหลายประหลาดใจแล้วพูดกันว่า “คนนี้ได้สติปัญญาและฤทธิ์เดชนี้มาจากไหน?
ลก. 2:40 พระกุมารนั้นก็เจริญวัยแข็งแรงขึ้น เต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าอยู่กับท่าน
ลก. 2:47 คนทั้งหลายที่ได้ยินต่างประหลาดใจในสติปัญญาและคำตอบของพระกุมารนั้น
ลก. 2:52 พระเยซูเจริญขึ้นในด้านสติปัญญาและด้านร่างกาย เป็นที่ชอบต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อหน้าคนทั้งหลายด้วย
ลก. 11:31 ราชินีแห่งทิศใต้จะลุกขึ้นในวันพิพากษาพร้อมกับคนยุคนี้และกล่าวโทษพวกเขา เพราะว่าพระนางนั้นมาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลกเพื่อจะฟังสติปัญญาของซาโลมอน และผู้ที่ใหญ่กว่าซาโลมอนก็อยู่ที่นี่
กจ. 6:3 เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงเลือกเจ็ดคนในพวกท่านที่มีชื่อเสียงดี เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และสติปัญญา เราจะตั้งให้พวกเขาดูแลงานนี้
กจ. 6:10 คนเหล่านั้นไม่สามารถต่อสู้ถ้อยคำที่ท่านกล่าวโดยสติปัญญาและพระวิญญาณบริสุทธิ์
กจ. 7:10 ทรงช่วยให้พ้นจากความทุกข์ลำบากทั้งสิ้น ทรงให้มีความชอบและมีสติปัญญาเฉพาะพระพักตร์ฟาโรห์กษัตริย์ของประเทศอียิปต์ ฟาโรห์จึงตั้งโยเซฟให้ดูแลประเทศอียิปต์และทุกอย่างในพระราชสำนักของพระองค์
1คร. 1:19 เพราะมีคำเขียนไว้ว่า “เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญา และจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป”
1คร. 1:21 เพราะตามที่ทรงกำหนดไว้ตามพระสติปัญญาของพระเจ้า โลกไม่อาจรู้จักพระเจ้าได้โดยปัญญาของตน พระเจ้าจึงพอพระทัยจะช่วยพวกที่เชื่อให้รอดโดยคำเทศนาโง่ๆ
1คร. 6:5 ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อให้ท่านละอายใจ ในพวกท่านไม่มีสักคนหนึ่งที่มีสติปัญญาสามารถวินิจฉัยเรื่องระหว่างพี่น้องหรือ?
คส. 2:3 ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างซ่อนอยู่ในพระองค์
คส. 4:5 จงปฏิบัติต่อคนภายนอกด้วยสติปัญญา โดยใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์
ยก. 1:5 แต่ถ้าใครในพวกท่านขาดสติปัญญา ให้คนนั้นทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานให้กับทุกคนด้วยพระทัยกว้างขวางและไม่ทรงตำหนิ แล้วเขาก็จะได้รับตามที่ทูลขอ
2ปต. 3:15 และจงถือว่าความอดทนขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นโอกาสให้คนรอด ดังที่เปาโลน้องที่รักของเราได้เขียนจดหมายถึงพวกท่าน ตามสติปัญญาที่ประทานแก่เขานั้น
1ยน. 5:20 และเรารู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว และประทานสติปัญญาแก่เรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์ผู้ทรงสัตย์จริง และเราอยู่ในพระองค์นั้นโดยอยู่ในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าแท้และเป็นชีวิตนิรันดร์
วว. 13:18 ในเรื่องนี้ต้องใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าใครมีความเข้าใจ ก็จงคิดคำนวณเลขของสัตว์ร้ายตัวนั้น เพราะว่าเป็นเลขของคนผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก