อสย. 2:2 ในวาระสุดท้ายจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ จะถูกสถาปนาขึ้นเป็นที่สูงสุดของภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้อยู่เหนือบรรดาเนินเขา ประชาชาติทั้งหมดจะหลั่งไหลเข้ามาหา
วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
อท. 2023-05-28 พระเจ้ายังครอบครองอยู่
วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
ผผ.มนัสเส 2023-05-26
วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
สดด. 5:12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงอวยพรคนชอบธรรม
วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
บาราค กับ ยาเอล
บาราค กับ ยาเอล
วนฉ. 4:6 นางใช้คนไปเรียกบาราคบุตรอาบีโนอัม ให้มาจากเคเดชในนัฟทาลีและกล่าวแก่เขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงบัญชาท่านว่า ‘จงไปรวบรวมพล 10,000 คน จากเผ่านัฟทาลีและเผ่าเศบูลุนไว้ที่ภูเขาทาโบร์
วนฉ. 4:7 และเราจะชักนำสิเสราแม่ทัพของยาบินให้มาพบกับเจ้าที่แม่น้ำคีโชน พร้อมกับรถรบและกองทหารของเขา และเราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า’ ”
วนฉ. 4:8 บาราคจึงตอบนางว่า “ถ้าท่านไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไป ถ้าท่านไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่ไป”
วนฉ. 4:9 นางจึงตอบว่า “ฉันจะไปกับท่านแน่ แต่ว่าทางที่ท่านไปจะทำให้ท่านไม่ได้รับเกียรติ เพราะว่าพระยาห์เวห์จะขายสิเสราไว้ในมือของหญิงคนหนึ่ง” แล้วนางเดโบราห์ก็ลุกขึ้นไปกับบาราคถึงเมืองเคเดช
วนฉ. 4:10 บาราคจึงเรียกเศบูลุนกับนัฟทาลีให้ไปที่เคเดช มีคน 10,000 คนเดินตามขึ้นไปและนางเดโบราห์ก็ไปด้วย
วนฉ. 4:1 หลังจากเอฮูดสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลก็ทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์อีก วนฉ. 4:2 พระยาห์เวห์จึงทรงขายพวกเขาไว้ในมือของยาบินกษัตริย์คานาอัน ผู้ทรงครองราชย์อยู่ ณ กรุงฮาโซร์ แม่ทัพของท่านชื่อสิเสรา เป็นชาวเมืองฮาโรเชธฮาโกอิม วนฉ. 4:3 แล้วคนอิสราเอลก็ร้องทุกข์ต่อพระยาห์เวห์ เพราะว่ากษัตริย์ยาบินมีรถรบเหล็ก 900 คัน และได้ข่มเหงคนอิสราเอลอย่างหนักถึง 20 ปี วนฉ. 4:4 ยังมีผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้วินิจฉัยคนอิสราเอลในเวลานั้น ชื่อเดโบราห์ ภรรยาของลัปปิโดท วนฉ. 4:5 นางเคยนั่งอยู่ใต้ต้นอินทผลัมแห่งเดโบราห์ที่อยู่ระหว่างรามาห์และเบธเอลในแดนเทือกเขาเอฟราอิม และคนอิสราเอลก็ขึ้นมาหานางที่นั่น เพื่อให้ตัดสินคดี วนฉ. 4:6 นางใช้คนไปเรียกบาราคบุตรอาบีโนอัม ให้มาจากเคเดชในนัฟทาลีและกล่าวแก่เขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงบัญชาท่านว่า ‘จงไปรวบรวมพล 10,000 คน จากเผ่านัฟทาลีและเผ่าเศบูลุนไว้ที่ภูเขาทาโบร์ วนฉ. 4:7 และเราจะชักนำสิเสราแม่ทัพของยาบินให้มาพบกับเจ้าที่แม่น้ำคีโชน พร้อมกับรถรบและกองทหารของเขา และเราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า’ ” วนฉ. 4:8 บาราคจึงตอบนางว่า “ถ้าท่านไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไป ถ้าท่านไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่ไป” วนฉ. 4:9 นางจึงตอบว่า “ฉันจะไปกับท่านแน่ แต่ว่าทางที่ท่านไปจะทำให้ท่านไม่ได้รับเกียรติ เพราะว่าพระยาห์เวห์จะขายสิเสราไว้ในมือของหญิงคนหนึ่ง” แล้วนางเดโบราห์ก็ลุกขึ้นไปกับบาราคถึงเมืองเคเดช วนฉ. 4:10 บาราคจึงเรียกเศบูลุนกับนัฟทาลีให้ไปที่เคเดช มีคน 10,000 คนเดินตามขึ้นไปและนางเดโบราห์ก็ไปด้วย วนฉ. 4:11 เฮเบอร์คนเคไนต์ได้แยกตัวออกจากคนเคไนต์ทั้งหลาย คือจากพงศ์พันธุ์ของโฮบับพ่อตาของโมเสส มาตั้งเต็นท์อยู่ไกลออกไปถึงต้นโอ๊กในศานันนิม ซึ่งอยู่ใกล้เมืองเคเดช วนฉ. 4:12 เมื่อมีคนไปแจ้งแก่สิเสราว่า บาราคบุตรอาบีโนอัมขึ้นไปที่ภูเขาทาโบร์แล้ว วนฉ. 4:13 สิเสราก็เรียกรถรบทั้งหมดของท่านออกมา เป็นรถรบเหล็ก 900 คัน รวมกับกองทหารทั้งหมดที่ไปด้วย ยกไปจากเมืองฮาโรเชทฮาโกยิมไปถึงแม่น้ำคีโชน วนฉ. 4:14 นางเดโบราห์จึงกล่าวแก่บาราคว่า “ลุกขึ้นเถิด เพราะว่านี่เป็นวันที่พระยาห์เวห์ทรงมอบสิเสราไว้ในมือของท่าน พระยาห์เวห์เสด็จนำหน้าท่านไปมิใช่หรือ?” บาราคจึงลงไปจากภูเขาทาโบร์พร้อมกับทหาร 10,000 คนติดตามท่านไป วนฉ. 4:15 พระยาห์เวห์ทรงทำให้สิเสราและรถรบทั้งสิ้น อีกทั้งกองทัพทั้งหมดของท่านแตกพ่ายด้วยคมดาบต่อหน้าบาราค แล้วสิเสราก็ลงจากรถรบวิ่งหนีไป วนฉ. 4:16 และบาราคได้ไล่ติดตามรถรบทั้งหลายและกองทัพไปจนถึงฮาโรเชทฮาโกยิม และกองทัพของสิเสราก็ล้มตายสิ้นด้วยคมดาบ ไม่เหลือสักคนเดียว วนฉ. 4:17 สิเสราวิ่งหนีไปถึงเต็นท์ของยาเอลภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์ เพราะว่ายาบินกษัตริย์เมืองฮาโซร์เป็นไมตรีกันกับพงศ์พันธุ์เฮเบอร์คนเคไนต์ วนฉ. 4:18 ยาเอลจึงออกไปต้อนรับสิเสราเรียนว่า “เจ้านายของดิฉัน เชิญแวะเข้ามา เชิญแวะเข้ามาหาดิฉัน อย่ากลัวเลย” สิเสราจึงแวะหานางในเต็นท์ และนางก็คลุมตัวท่านด้วยผ้าห่ม วนฉ. 4:19 ท่านจึงพูดกับนางว่า “ขอน้ำให้เราดื่มสักหน่อยเพราะเรากระหาย” นางก็เปิดถุงหนังเอานมให้ท่านดื่ม และเอาผ้าคลุมท่านไว้ วนฉ. 4:20 สิเสราบอกนางว่า “ขอยืนเฝ้าที่ประตูเต็นท์ ถ้ามีใครมาถามว่า ‘มีใครมาพักที่นี่บ้าง?’ จงบอกว่า ‘ไม่มี’ ” วนฉ. 4:21 แต่ยาเอลภรรยาของเฮเบอร์หยิบหลักขึงเต็นท์ ถือค้อนเดินย่องเข้ามา ตอกหลักเข้าที่ขมับของสิเสราทะลุติดดิน ขณะเมื่อสิเสรากำลังหลับสนิทอยู่เพราะความเหน็ดเหนื่อย แล้วสิเสราก็สิ้นชีวิต วนฉ. 4:22 และดูสิ ขณะที่บาราคไล่ติดตามสิเสรา ยาเอลก็ออกไปต้อนรับและเรียนท่านว่า “เชิญเข้ามาเถิด ดิฉันจะชี้ให้ท่านเห็นคนที่ท่านค้นหาอยู่นั้น” บาราคก็เข้าไปเห็นสิเสรานอนสิ้นชีวิตอยู่ มีหลักเต็นท์ในขมับ วนฉ. 4:23 ในวันนั้น พระเจ้าทรงทำให้ยาบินกษัตริย์คานาอันนอบน้อมต่อคนอิสราเอล วนฉ. 4:24 และมือของคนอิสราเอลก็ทำต่อยาบินหนักขึ้นทุกที จนเขาทั้งหลายได้กำจัดยาบินกษัตริย์คานาอันเสีย |
วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
อธิษฐานเผื่อใคร
วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
ผผ.เอียน 2023-05-13-1 ได้ยินเสียงของพระเจ้า
วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
ผผ.เอียน 2023-05-12-3 การรักษาดูแลคำเผยพระวจนะ
- อาศัยการเชื่อฟัง รับเอา เชื่อและทำตาม
- ให้คุณค่าแก่ถ้อยคำเผยพระวจนะนั้น นำมาอธิษฐานทุกวัน
- ให้คุณค่าแก่เสียงของพระเจ้าในชีวิต
- ต้องเติบโตในของประทาน นั้นๆ
Free Downlaods
Downloads Free
- Do you need to download it? One and สอนโคลน Windows จาก ssdไปssd หรือ Hddไปssd ง่ายๆทำเองได้ด้วยโปรแกรม Macrium Reflect ( Adobe Audition สำหรับ Windows Cubase Elements 11 (Full) ถาวร โปรแกรมทำเพลง มิกซ์เสียง ฟรี )
- ดาวน์โหลด Windows 7 (ไฟล์ ISO ฟรี) 64bit 32bit pro Windows 7 Ultimate | MODIFY: Technology News
- ดาวน์โหลด Windows 11 ISO ไฟล์ หรือทำแฟลชไดร์ฟ ตัวเต็ม ได้แล้วอย่างเป็นทางการ – MODIFY: Technology News
- Download Windows 7 ISO File Legally (All Editions) | TechLatest (tech-latest.com)
- ดาวน์โหลด Windows 7 ไฟล์ .iso ต้นฉบับจากเว็บไมโครซอฟท์ - NONGIT.COM
ผผ.เอียน 2023-05-12-2
ผผ.เอียน 2023-05-12-1
วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
เป็นผู้เผยพระวจนะ
ปฐก. 20:7 บัดนี้ จงคืนภรรยาของชายนั้นไปเสีย เพราะเขาเป็นผู้เผยพระวจนะ เขาจะอธิษฐานเพื่อเจ้า แล้วเจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าเจ้าไม่คืน ก็จงรู้เถิดว่าเจ้าจะต้องตายแน่ ทั้งเจ้าเอง และทุกคนที่เป็นของเจ้า”
อพย. 7:1 พระยาห์เวห์จึงตรัสกับโมเสสว่า “ดูสิ เราตั้งเจ้าไว้เป็นดังพระเจ้าต่อฟาโรห์ และอาโรนพี่ชายของเจ้าจะเป็นผู้เผยพระวจนะของเจ้า
กดว. 11:29 แต่โมเสสบอกเขาว่า “ท่านเจ็บร้อนแทนข้าพเจ้าหรือ? ข้าพเจ้าอยากให้ประชาชนของพระยาห์เวห์เป็นผู้เผยพระวจนะทุกคน และข้าพเจ้าอยากให้พระยาห์เวห์ทรงใส่วิญญาณของพระองค์ไว้บนพวกเขา”
1ซมอ. 3:20 และชนอิสราเอลทั้งปวง ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบาก็ทราบว่า ซามูเอลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์
1พกษ. 13:18 เขาจึงพูดกับท่านว่า “ข้าพเจ้าก็เป็นผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับท่านด้วย มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาบอกข้าพเจ้าโดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ว่า ‘จงพาเขากลับบ้านกับเจ้า เพื่อเขาจะได้รับประทานอาหารและดื่มน้ำ’ ” แต่เขาโกหกท่าน
1พกษ. 18:22 แล้วเอลียาห์พูดกับประชาชนว่า “ข้าพเจ้าผู้เดียวเป็นผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่เหลืออยู่ แต่ผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลมี 450 คน
1พกษ. 19:16 และเยฮูบุตรนิมซีนั้น จงเจิมให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และเอลีชาบุตรชาฟัทชาวอาเบลเมโฮลาห์ จงเจิมให้เป็นผู้เผยพระวจนะแทนเจ้า
1พกษ. 20:41 แล้วท่านก็รีบเอาผ้าพันตาออกเสีย และกษัตริย์แห่งอิสราเอลก็จำท่านได้ว่าเป็นผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง
2พกษ. 9:4 คนหนุ่มนั้นคือคนหนุ่มที่เป็นผู้เผยพระวจนะ จึงไปยังราโมทกิเลอาด
ยรม. 1:5 “เราได้รู้จักเจ้าก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าขึ้นในครรภ์ และก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้ เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะแก่บรรดาประชาชาติ”
ยรม. 27:18 ถ้าเขาเหล่านั้นเป็นผู้เผยพระวจนะ และถ้าพระวจนะของพระยาห์เวห์อยู่กับเขา ก็ขอให้เขาทูลวิงวอนต่อพระยาห์เวห์จอมทัพไม่ให้เครื่องใช้ซึ่งเหลืออยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ และในกรุงเยรูซาเล็ม ถูกนำไปยังบาบิโลน
อมส. 2:11 เราได้ตั้งบุตรชายบางคนของพวกเจ้าให้เป็นผู้เผยพระวจนะ และได้ตั้งชายหนุ่มบางคนให้เป็นพวกนาศีร์ โอ คนอิสราเอลเอ๋ย ไม่เป็นความจริงดังนี้หรือ? พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
ศคย. 13:3 ถ้ามีใครปรากฏตัวเป็นผู้เผยพระวจนะอีก บิดามารดาผู้ให้เขาเกิดมาจะพูดกับเขาว่า ‘เจ้าอย่ามีชีวิตอยู่เลย เพราะเจ้าพูดโกหกในพระนามของพระยาห์เวห์’ เมื่อเขาเผยพระวจนะ บิดามารดาผู้ให้เขาเกิดมาจะแทงเขาให้ทะลุ
มธ. 10:41 ผู้ที่ต้อนรับผู้เผยพระวจนะเพราะเป็นผู้เผยพระวจนะ ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้เผยพระวจนะพึงได้รับ และผู้ที่ต้อนรับคนชอบธรรมเพราะเป็นคนชอบธรรม ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่คนชอบธรรมพึงได้รับ
(ปฐก. 24:1 ฝ่ายอับราฮัมก็ชราแล้ว มีอายุมากทีเดียว และพระยาห์เวห์ทรงอวยพรอับราฮัมทุกประการ
รม. 4:13 เพราะว่าพระสัญญาที่ประทานแก่อับราฮัมและลูกหลานของท่านที่ว่า จะได้ทั้งพิภพเป็นมรดกนั้นไม่ได้มาโดยธรรมบัญญัติ แต่มาโดยความชอบธรรมที่เกิดจากความเชื่อ )
มธ. 14:5 ถึงเฮโรดมีพระประสงค์จะฆ่ายอห์นก็ทรงกลัวฝูงชน เพราะว่าพวกเขานับถือยอห์นว่าเป็นผู้เผยพระวจนะ
มธ. 21:26 แต่ถ้าเราบอกว่า ‘มาจากมนุษย์’ ก็กลัวฝูงชน เพราะทุกคนถือว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ”
มธ. 21:46 เขาอยากจะจับพระองค์ แต่กลัวฝูงชน เพราะเขาทั้งหลายถือว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะ
มก. 6:15 แต่บางคนว่า “เขาเป็นเอลียาห์” ส่วนคนอื่นๆ ว่า “เขาเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะในอดีต”
มก. 11:32 แต่ถ้าพวกเราว่า ‘มาจากมนุษย์’ อะไรจะเกิดขึ้น?” พวกเขาก็กลัวฝูงชน เพราะทุกคนถือว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะจริงๆ
ลก. 7:39 ฟาริสีคนที่เชิญพระองค์มาเมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า “ถ้าท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะ ก็น่าจะรู้ว่าผู้หญิงที่แตะต้องตัวของท่านเป็นใครและเป็นคนอย่างไร เพราะนางเป็นคนบาป”
ลก. 20:6 แต่ถ้าบอกว่า ‘มาจากมนุษย์’ ประชาชนก็จะเอาหินขว้างเรา เพราะถือกันว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ”
ยน. 1:21 พวกเขาจึงถามว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านเป็นใคร? ท่านเป็นเอลียาห์หรือ?” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้น หรือ?” และยอห์นตอบว่า “ไม่ใช่”
ยน. 4:19 นางทูลพระองค์ว่า “ท่านเจ้าคะ ดิฉันเห็นจริงๆ แล้วว่าท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ
ยน. 6:14 เมื่อคนทั้งหลายเห็นหมายสำคัญที่พระองค์ทรงทำ พวกเขาจึงพูดกันว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะคนนั้นที่จะมาในโลก”
ยน. 7:40 เมื่อประชาชนได้ยินดังนั้น บางคนก็พูดว่า “ท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะแน่นอน”
ยน. 9:17 พวกเขาจึงพูดกับคนตาบอดอีกว่า “เจ้าคิดอย่างไรเรื่องคนนั้น ในเมื่อเขาทำให้ตาของเจ้าหายบอด?” ชายคนนั้นตอบว่า “ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ”
กจ. 2:30 ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ และทราบว่าพระเจ้าตรัสสัญญาไว้กับท่านด้วยพระปฏิญาณว่าพระองค์จะประทานผู้หนึ่งในวงศ์ตระกูลของท่านให้นั่งบนบัลลังก์ของท่าน
กจ. 13:1 เวลานั้นคริสตจักรที่อยู่ในเมืองอันทิโอกมีบางคนที่เป็นผู้เผยพระวจนะและอาจารย์ คือบารนาบัส สิเมโอนที่เรียกว่านิเกอร์ ลูสิอัสชาวเมืองไซรีน มานาเอนผู้ได้รับการเลี้ยงดูเติบโตขึ้นด้วยกันกับเฮโรดเจ้าเมือง และเซาโล
กจ. 15:32 ยูดาสกับสิลาสเป็นผู้เผยพระวจนะด้วย จึงกล่าวคำหนุนใจพี่น้องหลายประการและช่วยให้มีกำลังใจ
กจ. 21:9 ฟีลิปมีลูกสาวสี่คนที่ยังไม่ได้แต่งงานและเป็นผู้เผยพระวจนะ
1คร. 12:29 ทุกคนเป็นอัครทูตหรือ? ทุกคนเป็นผู้เผยพระวจนะหรือ? ทุกคนเป็นอาจารย์หรือ? ทุกคนทำการด้วยฤทธานุภาพหรือ?
1คร. 14:37 ถ้าใครคิดว่าตนเป็นผู้เผยพระวจนะ หรืออยู่ฝ่ายพระวิญญาณก็จงยอมรับว่า ข้อความซึ่งข้าพเจ้าเขียนมาถึงพวกท่านนี้ เป็นพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า
อฟ. 4:11 และพระองค์เองประทานให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์
วว. 2:20 แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือเจ้าทนฟังเยเซเบล ผู้หญิงที่อ้างตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ นางสอนและล่อลวงบรรดาผู้รับใช้ของเราให้ล่วงประเวณีและกินอาหารที่บูชารูปเคารพ
วันพุธที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
2ซมอ. 14:22 โยอาบก็ย่อตัวลงซบหน้าลงถึงดิน แล้วขอบพระคุณพระราชา โยอาบทูลว่า “วันนี้ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาททราบว่า ข้าพระบาทรับความโปรดปรานจากพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ในการที่พระราชาทรงอนุมัติ ตามคำทูลขอของข้าพระบาท”
2ซมอ. 14:1 ฝ่ายโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ทราบว่าพระราชาทรงคิดถึงอับซาโลม
2ซมอ. 14:2 โยอาบจึงใช้คนไปยังเมืองเทโคอา พาหญิงฉลาดคนหนึ่งมาจากที่นั่น บอกนางว่า “ขอจงแสร้งทำเป็นคนไว้ทุกข์ สวมเสื้อของคนไว้ทุกข์ อย่าทาน้ำมัน แต่แสร้งทำเหมือนผู้หญิงไว้ทุกข์ให้ผู้ตายมาหลายวันแล้ว
2ซมอ. 14:3 จงเข้าไปเฝ้าพระราชา ทูลข้อความนี้แก่พระองค์” แล้วโยอาบก็บอกถ้อยคำให้หญิงนั้น
2ซมอ. 14:4 เมื่อหญิงชาวเทโคอามาเฝ้าพระราชา นางก็ย่อตัวลงซบหน้าลงถึงดิน แล้วทูลว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงช่วยข้าพระบาท”
2ซมอ. 14:5 พระราชาตรัสถามหญิงนั้นว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร?” นางทูลว่า “ที่จริง ข้าพระบาทเป็นหญิงม่าย สามีตายแล้ว
2ซมอ. 14:6 สาวใช้ของฝ่าพระบาทมีบุตรชายสองคน ทั้งสองวิวาทกันที่ทุ่งนา ไม่มีใครแยกพวกเขาออก บุตรคนหนึ่งจึงฆ่าอีกคนหนึ่งตาย
2ซมอ. 14:7 ดูเถิด หมู่ญาติทั้งหมดรุมกันมาหาสาวใช้ของฝ่าพระบาทบอกว่า ‘จงมอบผู้ฆ่าพี่ชายของตัวมาให้เรา เพื่อเราจะฆ่าเขาเสีย เนื่องจากชีวิตของพี่ชายที่เขาฆ่านั้น และเราจะได้ทำลายผู้รับมรดกเสียด้วย’ พวกเขาจะดับถ่านที่คุเหลืออยู่ของข้าพระบาทเสีย ไม่ให้สามีของข้าพระบาทมีชื่อหรือมีบุตรเหลืออยู่บนพื้นโลกเลย”
2ซมอ. 14:8 พระราชาจึงรับสั่งแก่หญิงคนนั้นว่า “ไปบ้านของเจ้าเถิด เราเองจะสั่งการเรื่องเจ้า”
2ซมอ. 14:9 หญิงชาวเทโคอาทูลพระราชาว่า “ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ขอให้โทษตกอยู่กับข้าพระบาท และกับพงศ์พันธุ์บิดาของข้าพระบาท แต่พระราชาและราชบัลลังก์ของฝ่าพระบาทอย่าให้มีโทษเลย”
2ซมอ. 14:10 พระราชาตรัสว่า “ถ้ามีใครกล่าวอะไรแก่เจ้า จงพาเขามาหาเรา คนนั้นจะไม่แตะต้องเจ้าอีกเลย”
2ซมอ. 14:11 นางก็ทูลว่า “ขอพระราชาทรงกล่าวในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาท เพื่อผู้อาฆาตจะไม่เตรียมฆ่าอีกต่อไป และบุตรของข้าพระบาทจะไม่ต้องถูกทำลาย” พระองค์ตรัสว่า “พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เส้นผมของบุตรของเจ้าสักเส้นเดียวจะไม่ตกลงถึงดิน”
2ซมอ. 14:12 แล้วหญิงนั้นทูลว่า “ขอสาวใช้ของฝ่าพระบาททูลอีกสักคำหนึ่งแก่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท” พระองค์ตรัสว่า “พูดไป”
2ซมอ. 14:13 หญิงนั้นจึงทูลว่า “เหตุใดฝ่าพระบาททรงดำริอย่างนี้ต่อประชากรของพระเจ้า ในการตรัสเช่นนี้พระราชาทรงกล่าวโทษฝ่าพระบาทเอง ที่พระราชาไม่ได้ทรงนำผู้ถูกเนรเทศกลับมา
2ซมอ. 14:14 คนเราจะต้องตายแน่ เป็นเหมือนน้ำที่หกบนแผ่นดิน จะเก็บรวมกลับคืนมาอีกไม่ได้ พระเจ้าไม่ทรงทำลายชีวิต แต่ทรงดำริวิธีเพื่อไม่ทรงทอดทิ้งผู้ถูกเนรเทศจากพระองค์
2ซมอ. 14:15 ที่ข้าพระบาทมาทูลเรื่องนี้ต่อพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท เพราะญาติพี่น้องทำให้ข้าพระบาทกลัว และสาวใช้ของฝ่าพระบาทคิดว่า ‘ฉันจะทูลพระราชา บางทีพระราชาจะทรงทำตามคำขอของสาวใช้ของฝ่าพระบาท
2ซมอ. 14:16 ด้วยพระราชาจะทรงสดับฟังและทรงช่วยกู้สาวใช้ของฝ่าพระบาท จากมือของผู้จะทำลายทั้งข้าพระบาทและลูกของข้าพระบาทเสียจากมรดกของพระเจ้า’
2ซมอ. 14:17 และสาวใช้ของฝ่าพระบาทคิดว่า ‘ขอให้พระดำรัสของพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทเป็นที่พักพิง’ เพราะพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทเปรียบประดุจทูตของพระเจ้า ผู้ทรงทราบความดีและความชั่ว ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของฝ่าพระบาทสถิตกับฝ่าพระบาทเถิด”
2ซมอ. 14:18 แล้วพระราชาทรงตอบหญิงนั้นว่า “เราเองจะถามเจ้าเรื่องหนึ่ง เจ้าอย่าปิดบังจากเรานะ” ผู้หญิงนั้นทูลว่า “ขอพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทตรัสเถิด”
2ซมอ. 14:19 พระราชาจึงตรัสถามว่า “ในเรื่องทั้งสิ้นนี้มือของโยอาบเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยหรือเปล่า?” หญิงนั้นทูลตอบว่า “ข้าแต่พระราชา เจ้านายของข้าพระบาท ฝ่าพระบาททรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ไม่มีใครหนีไปทางขวาหรือทางซ้ายได้ จากทุกสิ่งที่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาทตรัสไว้ โยอาบผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทนั่นแหละสั่งข้าพระบาททูล เขาบอกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดแก่สาวใช้ของฝ่าพระบาท
2ซมอ. 14:20 โยอาบผู้รับใช้ของฝ่าพระบาททำสิ่งนี้ก็เพื่อจะแก้ไขเหตุการณ์นี้ แต่เจ้านายของข้าพระบาททรงมีสติปัญญา ดังสติปัญญาของทูตของพระเจ้า ทรงทราบทุกสิ่งที่อยู่บนพิภพ”
2ซมอ. 14:21 พระราชาตรัสสั่งโยอาบว่า “ดูเถิด เราอนุมัติตามคำขอนี้แล้ว จงไปพาอับซาโลมชายหนุ่มคนนั้นกลับมา”
2ซมอ. 14:22 โยอาบก็ย่อตัวลงซบหน้าลงถึงดิน แล้วขอบพระคุณพระราชา โยอาบทูลว่า “วันนี้ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาททราบว่า ข้าพระบาทรับความโปรดปรานจากพระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ในการที่พระราชาทรงอนุมัติ ตามคำทูลขอของข้าพระบาท”
2ซมอ. 14:23 โยอาบจึงลุกขึ้นไปยังเมืองเกชูร์ และพาอับซาโลมมายังกรุงเยรูซาเล็ม
2ซมอ. 14:24 และพระราชารับสั่งว่า “ให้เขากลับไปวังของเขาเถิด อย่าให้เข้าเฝ้าเรา” อับซาโลมก็ไปอยู่วังของท่าน ไม่ได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระราชา
2ซมอ. 14:25 ทั่วอิสราเอล ไม่มีชายใดรูปงามและรับคำชมเชยมากเท่ากับอับซาโลม ในตัวท่าน ตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงกระหม่อม ไม่มีตำหนิเลย
2ซมอ. 14:26 เมื่อท่านตัดผม (ท่านเคยตัดผมสิ้นปีทุกปีเพราะผมหนักแล้วท่านก็ตัดเสีย) ท่านก็ชั่งผมของท่านได้หนัก 2 กิโลกรัมกว่า ตามมาตราหลวง
2ซมอ. 14:27 อับซาโลมมีบุตรชาย 3 คน และบุตรีคนหนึ่งชื่อทามาร์ เธอเป็นหญิงที่สวยงาม
2ซมอ. 14:28 อับซาโลมประทับในกรุงเยรูซาเล็มได้ 2 ปีเต็ม โดยไม่ได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระราชา
2ซมอ. 14:29 แล้วอับซาโลมก็ส่งคนไปตามโยอาบ จะใช้ให้เข้าไปเฝ้าพระราชา แต่โยอาบไม่ยอมมาหาท่าน ท่านก็ส่งคนไปครั้งที่สอง แต่โยอาบก็ไม่ยอมมาเหมือนกัน
2ซมอ. 14:30 ท่านจึงสั่งพวกมหาดเล็กของท่านว่า “ดูสิ นาของโยอาบอยู่ถัดนาของเรา เขามีข้าวบาร์เลย์ที่นั่น จงไปเอาไฟเผาเสีย” พวกมหาดเล็กของอับซาโลมก็ไปเอาไฟเผานา
2ซมอ. 14:31 โยอาบก็ลุกขึ้นไปหาอับซาโลมที่วังของท่าน ถามท่านว่า “ทำไมพวกมหาดเล็กของท่านจึงเอาไฟเผานาของกระหม่อม?”
2ซมอ. 14:32 อับซาโลมตอบโยอาบว่า “ดูเถิด เราส่งคนไปบอกท่านว่า ‘มานี่เถิด เราจะส่งท่านไปหาพระราชาทูลว่า “ให้ข้าพระบาทมาจากเกชูร์ทำไม? ข้าพระบาทอยู่ที่นั่นก็ดีกว่า” บัดนี้ขอให้เราได้เข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระราชา ถ้าเรามีความผิด ก็ให้พระองค์ทรงประหารเราเสีย’ ”
2ซมอ. 14:33 โยอาบจึงเข้าเฝ้าพระราชาทูลพระองค์ให้ทรงทราบ พระองค์ก็ทรงเรียกอับซาโลม ท่านจึงเข้าไปเฝ้าพระราชาย่อตัวลงซบหน้าลงถึงดินเฉพาะพระพักตร์พระราชา พระราชาก็ทรงจูบอับซาโลม