บุรุษ
สตรี(ยาเอล มารธา ฮันนาห์ มารีย์ ) ลูก(ซามูเอล อิสอัค ดาวิด)
ปฐก. 20:8 อาบีเมเลคตื่นบรรทมแต่เช้ามืด ทรงเรียกบรรดาข้าราชการทั้งหมดของพระองค์มา และทรงรับสั่งเรื่องเหล่านี้ทั้งหมดให้พวกเขาฟัง คนเหล่านั้นก็กลัวยิ่งนัก
ปฐก. 20:9 อาบีเมเลคตรัสเรียกอับราฮัมมาเข้าเฝ้า และตรัสกับท่านว่า “เจ้าทำอะไรแก่เรานี่ เราได้ทำบาปต่อเจ้าอย่างไร? เจ้าจึงนำบาปใหญ่โตมายังเราและราชอาณาจักรของเรา เจ้าทำสิ่งซึ่งไม่น่าทำแก่เราเลย”
ปฐก. 20:10 อาบีเมเลคตรัสกับอับราฮัมว่า “เจ้าคิดอะไร เจ้าจึงทำเช่นนี้”
ปฐก. 20:11 อับราฮัมทูลว่า “เพราะข้าพระบาทคิดว่า ในที่นี้ไม่มีความยำเกรงพระเจ้าเสียเลย พวกเขาจะฆ่าข้าพระบาทเสียเพราะเหตุภรรยาของข้าพระบาท
ปฐก. 20:12 นอกจากนั้นเธอก็เป็นน้องสาวของข้าพระบาทจริงๆ เป็นบุตรหญิงของบิดาข้าพระบาท แต่ไม่ใช่บุตรหญิงของมารดาข้าพระบาท และนางได้มาเป็นภรรยาข้าพระบาท
ปฐก. 20:13 เมื่อพระเจ้าโปรดให้ข้าพระบาทต้องเดินทางจากบ้านบิดาของข้าพระบาท ข้าพระบาทพูดกับนางว่า ‘นี่เป็นความเมตตาที่เจ้าจะทำเพื่อเรา คือทุกที่ที่พวกเราจะไปนั้นจงพูดถึงเราว่า ‘เขาเป็นพี่ชายของข้าพเจ้า’ ”
ปฐก. 20:14 อาบีเมเลคจึงทรงนำแกะ โคและทาสชายหญิงประทานให้แก่อับราฮัม แล้วทรงคืนซาราห์ภรรยาของท่านให้ท่าน
ปฐก. 20:15 แล้วอาบีเมเลคตรัสว่า “ดูนี่ แผ่นดินของเราก็อยู่ต่อหน้าเจ้า จงอาศัยอยู่ที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ”
ปฐก. 20:16 พระองค์ตรัสกับซาราห์ว่า “นี่แน่ะ เราให้เงินหนึ่งพันแผ่นแก่พี่ชายของเจ้า เป็นค่าชดใช้ต่อหน้าทุกคนที่อยู่กับเจ้า เจ้ารับการแก้ไขในทุกเรื่องแล้ว”
ปฐก. 20:17 อับราฮัมก็อธิษฐานต่อพระเจ้า พระเจ้าทรงรักษาอาบีเมเลค และมเหสีของพระองค์และทาสหญิงให้หาย สตรีเหล่านั้นก็คลอดบุตร
ปฐก. 20:18 เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงปิดครรภ์สตรีทั้งหมดในราชสำนักของอาบีเมเลค เพราะเรื่องซาราห์ภรรยาของอับราฮัม
ปฐก. 21:1 พระยาห์เวห์ทรงเยี่ยมซาราห์ตามที่พระองค์ตรัสไว้ และพระยาห์เวห์ทรงทำแก่ซาราห์ ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้
ปฐก. 21:2 ซาราห์ก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่งให้อับราฮัมเมื่อท่านชรา ตามเวลาซึ่งพระเจ้าได้ตรัสกับท่าน
ปฐก. 21:3 อับราฮัมตั้งชื่อบุตรชายที่เกิดมา ผู้ซึ่งซาราห์คลอดให้ท่านนั้นว่า อิสอัค
ปฐก. 21:4 แล้วอับราฮัมทำพิธีเข้าสุหนัตให้แก่อิสอัคบุตรชายของท่านเมื่อมีอายุแปดวัน ดังที่พระเจ้าทรงบัญชาแก่ท่าน
ปฐก. 21:5 อับราฮัมมีอายุ 100 ปี เมื่ออิสอัคบุตรชายเกิดแก่ท่าน
ปฐก. 21:6 นางซาราห์กล่าวว่า “พระเจ้าทรงทำให้ฉันหัวเราะ ทุกคนที่ฟังจะพลอยหัวเราะด้วย”
ปฐก. 21:7 นางกล่าวอีกว่า “ใครจะพูดกับอับราฮัมได้ว่า ‘ซาราห์จะให้ลูกกินนม’ แต่ฉันก็ได้คลอดบุตรชายคนหนึ่งให้ท่านเมื่อท่านชราแล้ว”
ฮีบรู 11:3 THSV11 โดยความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น
ปฐก. 1:1 ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน
ปฐก. 1:2 แผ่นดินก็ร้างและว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าทรงปกอยู่เหนือน้ำนั้น
ปฐก. 1:3 พระเจ้าตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง” ความสว่างก็เกิดขึ้น
ยน. 1:1 ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
ยน. 1:2 ในปฐมกาลพระองค์ทรงอยู่กับพระเจ้า
ยน. 1:3 พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ
ฮบ. 1:3 พระบุตรทรงเป็นแสงสว่างแห่งพระสิริของพระเจ้า ทรงมีแก่นแท้เดียวกับพระเจ้า ทรงค้ำจุนสิ่งทั้งปวงไว้ด้วยพระวจนะอันทรงฤทธานุภาพของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชำระบาปทั้งหลายแล้ว ก็ประทับเบื้องขวาของพระเจ้าสูงสุด
ฮบ. 1:3 พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนพระสิริของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ และทรงผดุงโลกไว้ด้วยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ได้ทรงชำระบาปแล้ว ก็ได้ประทับ ณ เบื้องขวาของพระเจ้าเบื้องบน
ฮบ. 1:3 พระบุตรทรงเป็นแสงสะท้อนสง่าราศีของพระเจ้า และทรงมีสภาวะเป็นพิมพ์เดียวกันกับพระองค์ และทรงผดุงสรรพสิ่งไว้โดยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ เมื่อพระบุตรได้ทรงชำระบาปของเราด้วยพระองค์เองแล้ว ก็ได้ทรงประทับนั่ง ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของผู้ทรงเดชานุภาพเบื้องบน
วิวรณ์ 4:11 THSV11 “องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงสมควรที่จะได้รับพระสิริ พระเกียรติและฤทธานุภาพ เพราะว่าพระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งก็ดำรงอยู่และถูกสร้างขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์”
โรม 10:9 THSV11 คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
โรม 10:10 THSV11 เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด
( 1. เชื่อในใจว่า พระเจ้า(พระบิดา)ได้ทรงให้พระองค์(พระเยซูคริสต์)เป็นขึ้นมาจากความตาย ก็นำไปสู่ความชอบธรรม ที่ท่านจะรอด และ 2. ยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็นำไปสู่ความรอด )
ความเชื่อ ให้เชื่อด้วยหัวใจ จิตวิญญาณ จะเกิดผล และจะสำเร็จ
เชื่อตามพระคำ หรือ พระวจนะ กับ พระนาม
ยน. 1:12 แต่ทุกคนที่ยอมรับพระองค์ คือคนที่เชื่อในพระนามของพระองค์นั้น พระองค์ก็จะประทานสิทธิให้เป็นลูกของพระเจ้า
ยน. 1:13 ซึ่งในฐานะนั้นพวกเขาไม่ได้เกิดจากเลือดเนื้อหรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า
ฮบ. 12:27 และพระดำรัสที่ตรัสว่า “อีกครั้งหนึ่ง”นั้น แสดงว่าสิ่งที่สั่นสะเทือนอันได้แก่สิ่งที่ทรงสร้างแล้วนั้นจะถูกเอาออกไป เพื่อให้สิ่งที่ไม่สั่นสะเทือนดำรงอยู่
สิงห์หนุ่ม
เอเสเคียล 19:1-2 THSV11 ““ส่วนเจ้า จงเปล่งเสียงร้องบทเพลงคร่ำครวญเรื่องเจ้านายทั้งหลายของอิสราเอล กล่าวว่า แม่ของเจ้าช่างเหมือนสิงโตตัวเมีย ที่อยู่ท่ามกลางพวกสิงโตเสียจริงๆ นางนอนอยู่ท่ามกลางพวกสิงโตหนุ่ม และเลี้ยงดูลูกๆ ของนาง”
สดด. 91:13 ท่านจะเหยียบสิงห์และงูเห่า ท่านจะย่ำสิงห์หนุ่มและงู
ยรม. 2:15 เหล่าสิงห์หนุ่ม คำรามใส่เขา มันแผดเสียงดังมาก และพวกมันได้ทำให้แผ่นดินของเขาร้างเปล่า เมืองทั้งหลายของเขาก็ถูกไฟเผา ไม่มีคนอาศัยอยู่
ยรม. 25:38 พระองค์ทรงออกจากที่ซุ่มของพระองค์อย่างสิงห์หนุ่ม เพราะว่าแผ่นดินของเขาทั้งหลายเป็นที่ร้างเปล่า เนื่องด้วยความกริ้วของผู้กดขี่ และเนื่องด้วยความกริ้วอันแรงกล้าของพระองค์
อมส. 3:4 สิงห์จะเปล่งเสียงคำรามอยู่ในป่า เมื่อมันไม่มีเหยื่อหรือ? ถ้าสิงห์หนุ่มจับสัตว์อะไรไม่ได้เลย มันจะร้องออกมาจากถ้ำของมันหรือ?
โยบ 4:11 สิงห์แข็งแรงพินาศเพราะขาดเหยื่อ และลูกของแม่สิงห์ก็กระจัดกระจายไป
สดด. 34:10 เหล่าสิงห์หนุ่มยังขาดแคลนและหิวโหย แต่ผู้ที่แสวงหาพระยาห์เวห์ไม่ขาดสิ่งดีใดๆ (แสวงหาพระเจ้า” (รายละเอียดที่นี่))
สภษ. 28:1 คนอธรรมหนีเมื่อไม่มีใครไล่ตาม แต่คนชอบธรรมกล้าหาญอย่างสิงห์หนุ่ม
ปฐก. 49:9 ยูดาห์เป็นลูกสิงห์ ลูกเอ๋ย เจ้าขึ้นไปจากเหยื่อ เขาก้มลง เขาหมอบลงเหมือนสิงห์ตัวผู้ และเหมือนสิงห์ ใครจะกล้าแหย่เขาให้ลุกขึ้น
สภษ. 19:12 พระพิโรธของพระราชาเหมือนเสียงคำรามของสิงห์หนุ่ม แต่ความโปรดปรานของพระองค์เหมือนน้ำค้างบนหญ้า
1 ซามูเอล 17:34-37 THSV11 “แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยเลี้ยงฝูงแกะของบิดา และเมื่อมีสิงโตหรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง ข้าพระบาทก็ตามไปฆ่ามัน และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมาจากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จับคางของมัน และทุบตีมันจนตาย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าสิงโตและหมีนั้นมาแล้ว คนฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้นตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากอุ้งเท้าของสิงโต และจากอุ้งเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟีลิสเตียนี้” และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จงไปเถอะ และพระยาห์เวห์จะสถิตอยู่กับเจ้า””
ดาเนียล 6:7-18 THSV11 “อภิรัฐมนตรีทุกท่านแห่งราชอาณาจักร ทั้งองคมนตรี อุปราช และผู้ว่าราชการมณฑลทั้งสิ้นได้ตกลงกันว่า พระราชาควรจะตรากฎหมายและออกคำประกาศว่า ในสามสิบวันนี้ ถ้ามีใครทูลขอต่อพระหรือมนุษย์นอกเหนือจากพระองค์ ข้าแต่พระราชา ก็ให้โยนคนนั้นลงในถ้ำสิงโต ข้าแต่พระราชา บัดนี้ ขอฝ่าพระบาททรงตราคำประกาศและลงพระนามในหนังสือสำคัญ เพื่อจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ตามกฎหมายของคนมีเดียและคนเปอร์เซีย ซึ่งจะแก้ไขไม่ได้เป็นอันขาด” เพราะฉะนั้น กษัตริย์ดาริอัสจึงลงพระนามในหนังสือสำคัญและในประกาศ เมื่อดาเนียลทราบว่ากษัตริย์ลงพระนามในหนังสือสำคัญนั้นแล้ว ท่านก็กลับบ้าน ซึ่งมีหน้าต่างห้องชั้นบนเปิดตรงไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และท่านก็คุกเข่าลงวันละ 3 ครั้ง อธิษฐานและขอบพระคุณพระเจ้าของท่านอย่างที่เคยทำเสมอ เมื่อพวกที่สมรู้ร่วมคิดพากันมาพบดาเนียลกำลังอธิษฐานและวิงวอนต่อพระเจ้าของท่าน เขาทั้งหลายก็ไปเข้าเฝ้า และทูลกษัตริย์เกี่ยวกับประกาศห้ามว่า “ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาทได้ลงพระนามในหนังสือสำคัญฉบับหนึ่งไม่ใช่หรือว่า ถ้ามีใครทูลขอต่อพระหรือมนุษย์นอกเหนือจากพระองค์ ในสามสิบวันนี้ ข้าแต่พระราชา ก็ให้โยนคนนั้นลงในถ้ำสิงโต?” กษัตริย์ตรัสตอบว่า “เรื่องนั้นยังคงอยู่ ตามกฎหมายของคนมีเดียและคนเปอร์เซีย ซึ่งจะแก้ไขไม่ได้เป็นอันขาด” แล้วเขาจึงทูลต่อกษัตริย์ว่า “ดาเนียลผู้เป็นคนหนึ่งในพวกที่ถูกกวาดเป็นเชลยจากยูดาห์ ไม่ได้เชื่อฟังฝ่าพระบาท ข้าแต่พระราชา และไม่เชื่อฟังคำประกาศในหนังสือสำคัญซึ่งฝ่าพระบาทลงพระนามไว้ แต่ได้ทูลขอต่อพระของเขาวันละ 3 ครั้ง” เมื่อกษัตริย์ทรงสดับถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ก็ทรงโทมนัสยิ่งนัก และตั้งพระทัยหาทางช่วยกู้ดาเนียล ทรงพยายามหาทางช่วยจนถึงเวลาดวงอาทิตย์ตก แล้วคนเหล่านั้นที่สมรู้ร่วมคิดกันก็พากันมาเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลว่า “ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่ากฎหมายของคนมีเดียและคนเปอร์เซียที่ประกาศห้ามก็ดี หรือ กฎหมายก็ดี ซึ่งพระราชาทรงประทับตราแล้วย่อมเปลี่ยนแปลงไม่ได้” แล้วกษัตริย์ทรงบัญชา ดาเนียลก็ถูกโยนในถ้ำสิงโต กษัตริย์ตรัสแก่ดาเนียลว่า “ขอพระเจ้าของท่านผู้ที่ท่านปรนนิบัติอยู่ตลอดมานั้น ทรงช่วยกู้ท่านเถิด” แล้วเขานำศิลาก้อนหนึ่งมาปิดปากถ้ำไว้ กษัตริย์ก็ทรงประทับตราของพระองค์ และตราของบรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของพระองค์ เพื่อว่าจะไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของดาเนียลได้ แล้วกษัตริย์ก็เสด็จกลับพระราชวัง ทรงอดอาหารตลอดคืนนั้น ไม่ให้นำสิ่งบันเทิงมาถวายพระองค์ และบรรทมไม่หลับ”
ดาเนียล 6:19-24 THSV11 “พอเช้าตรู่ กษัตริย์ก็ตื่นบรรทม รีบเสด็จไปยังถ้ำสิงโต เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ถ้ำที่ดาเนียลอยู่ พระองค์ก็ตรัสเรียกดาเนียลด้วยเสียงโทมนัสว่า “โอ ดาเนียลผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระเจ้าของท่านซึ่งท่านปรนนิบัติอยู่เนืองนิตย์นั้น ทรงสามารถช่วยกู้ท่านจากสิงโตได้แล้วหรือ?” แล้วดาเนียลทูลกษัตริย์ว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์ พระเจ้าของข้าพระบาททรงใช้ทูตสวรรค์มาปิดปากสิงโตไว้ มันไม่ได้ทำอันตรายแก่ข้าพระบาท เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า ข้าพระบาทไร้ความผิดต่อพระพักตร์พระองค์ ข้าแต่พระราชา ข้าพระบาทไม่ได้ทำผิดประการใดต่อพระพักตร์ฝ่าพระบาทด้วย” ฝ่ายพระราชาก็ทรงโสมนัสยิ่งนัก และทรงบัญชาให้นำดาเนียลออกมาจากถ้ำ เขาจึงเอาดาเนียลออกจากถ้ำ ไม่ปรากฏว่ามีอันตรายอย่างใดที่ตัวท่านเลย เพราะท่านได้วางใจในพระเจ้าของท่าน แล้วกษัตริย์ทรงบัญชาให้นำคนเหล่านั้นที่ใส่ร้ายดาเนียล มาโยนทิ้งในถ้ำสิงโต ทั้งตัวเขา บุตรทั้งหลาย และภรรยาของพวกเขาด้วย ยังไม่ทันตกไปถึงพื้นถ้ำ พวกสิงโตก็ขย้ำพวกเขา และหักกระดูกของเขาทั้งหลายจนแหลก”
ดาเนียล 6:25-27 THSV11 “แล้วกษัตริย์ดาริอัสมีพระราชสาสน์ไปถึงชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาที่อาศัยอยู่ในพิภพทั้งสิ้นว่า “สันติสุขจงมีแก่ท่านทั้งหลายอย่างทวีคูณ เราออกกฤษฎีกาว่า ให้คนทั้งหลายในราชอาณาจักรทั้งหมดของเรากลัวและยำเกรงพระเจ้าของดาเนียล เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ ราชอาณาจักรของพระองค์จะไม่ถูกทำลาย และการปกครองของพระองค์จะดำรงจนถึงที่สุด พระองค์ทรงช่วยกู้และช่วยให้พ้นภัย พระองค์ทรงทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ในฟ้าสวรรค์และบนพื้นพิภพ พระองค์คือพระผู้ช่วยดาเนียลให้รอด จากอำนาจของสิงโต””
โยบ 4:10 แม้สิงห์จะคำราม และราชสีห์จะแผดเสียง แต่ฟันของสิงห์หนุ่มก็หักเสียแล้ว
โยบ 38:39 “เจ้าล่าเหยื่อให้สิงห์ หรือให้สิงห์หนุ่มที่หิวได้อิ่ม
สดด. 17:12 เขาเป็นดุจสิงห์ที่กระหายอยากจะกัดฉีก เหมือนดังสิงห์หนุ่มซึ่งซุ่มดักทำร้ายอยู่ในที่ซ่อน
สดด. 35:17 ข้าแต่องค์เจ้านาย พระองค์จะนิ่งทอดพระเนตรอีกนานเท่าใด? ขอทรงช่วยข้าพระองค์จากการปองร้ายของเขา ช่วยชีวิตข้าพระองค์จากเหล่าสิงห์หนุ่ม
สดด. 58:6 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงหักฟันในปากมันเสีย ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงถอนเขี้ยวสิงห์หนุ่มออกเสีย
สภษ. 20:2 ความกริ้วอันน่ากลัวของพระราชาก็เหมือนเสียงคำรามของสิงห์หนุ่ม ใครยั่วพระองค์ให้กริ้วก็เสี่ยงชีวิตตนเอง
ยรม. 51:38 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “พวกเขาจะคำรามใส่กันอย่างสิงห์หนุ่ม เขาจะร้องอย่างลูกสิงห์
อสค. 32:2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวบทคร่ำครวญเรื่องฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ และกล่าวให้เขาฟังดังนี้ว่า เจ้าเป็นเหมือนสิงห์หนุ่มท่ามกลางประชาชาติ แต่เจ้าเป็นเหมือนจระเข้ยักษ์ในน้ำทั้งหลาย เจ้าแกว่งน้ำในแม่น้ำทั้งหลายของเจ้า เจ้ากวนน้ำให้ขุ่นด้วยเท้าของเจ้า และทำให้แม่น้ำของเจ้าสกปรก
อสค. 38:13 เชบาและเดดาน ทั้งบรรดาพ่อค้าแห่งทารชิช และพวกสิงห์หนุ่มของเมืองนั้นจะกล่าวกับเจ้าว่า ‘ท่านมาเพื่อจะปล้นและริบข้าวของหรือ? ท่านชุมนุมพลพรรคเพื่อจะขนเงินและทองไป ทั้งขนเอาฝูงปศุสัตว์และสมบัติไป และเพื่อจะปล้นข้าวของมากมายหรือ?’
ฮชย. 5:14 เพราะเราจะเป็นเหมือนสิงห์ต่อเอฟราอิม และเป็นเหมือนสิงห์หนุ่มต่อพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ เรา คือเรานี่แหละ จะฉีกแล้วก็ไปเสีย เราจะลากเอาไป และใครจะช่วยก็ไม่ได้
มคา. 5:8 และคนที่เหลืออยู่ของยาโคบ จะอยู่ท่ามกลางประชาชาติ ท่ามกลางชนชาติมากมาย ดังสิงห์อยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์ป่า ดังสิงห์หนุ่มอยู่ท่ามกลางฝูงแพะแกะ ซึ่งเมื่อมันผ่านไป มันก็เหยียบย่ำ และฉีกเสีย ไม่มีใครช่วยกู้ได้
ศคย. 11:3 ฟังสิ เสียงร่ำไห้ของผู้เลี้ยงแกะ เพราะศักดิ์ศรีของพวกเขาก็ถูกทำลายไปแล้ว ฟังซิ เสียงสิงห์หนุ่มคำราม เพราะว่าดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ร้างเปล่า
1พกษ. 20:36 แล้วท่านจึงพูดกับเขาว่า “เพราะท่านไม่ฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ นี่แน่ะ พอท่านจากข้าไป สิงโตตัวหนึ่งจะสังหารท่าน” พอเขาจากท่านไป สิงโตตัวหนึ่งก็มาพบเขา และสังหารเขาเสีย
1พศด. 11:22 และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดา เป็นบุตรคนเก่งกล้าแห่งเมืองขับเซเอล เป็นผู้ทำการอย่างกล้าหาญหลายอย่าง เขาฆ่าสองผู้นำของโมอับ และเขาลงไปฆ่าสิงห์ที่ในบ่อในวันที่หิมะตกด้วย
1พศด. 12:8 มีนักรบกล้าหาญพร้อมทำศึกสงครามจากคนกาดหนีไปหาดาวิด ณ ที่กำบังเข้มแข็งในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาชำนาญโล่และหอก หน้าของพวกเขาเหมือนหน้าสิงห์ และพวกเขารวดเร็วเหมือนละมั่งบนภูเขา
โยบ 28:8 สัตว์ป่าที่งามสง่าไม่เหยียบที่นั่น สิงห์ไม่ผ่านไปที่นั่น
เส้นทางแห่งพระประสงค์
อมส. 9:11 ในวันนั้น เราจะยกพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วนั้นตั้งขึ้นใหม่ และซ่อมช่องชำรุดต่างๆเสีย และจะยกที่ปรักหักพังขึ้น และจะสร้างเสียใหม่อย่างในสมัยโบราณกาล
อมส. 9:11 “ในวันนั้น เราจะยกเรือนของดาวิดที่ล้มลงแล้วนั้น ตั้งขึ้นใหม่ และซ่อมส่วนต่างๆ ที่ชำรุด และยกที่ปรักหักพังขึ้น และสร้างใหม่อย่างในสมัยโบราณ
อมส. 9:12 เพื่ออิสราเอลจะได้ยึดกรรมสิทธิ์คนที่เหลืออยู่ของเอโดม และของประชาชาติทั้งสิ้นซึ่งเขาเรียกด้วยนามของเรา” พระยาห์เวห์ผู้ทรงทำการนี้ตรัสดังนี้แหละ
อมส. 9:13 พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อคนที่ไถจะทันคนที่เกี่ยว และคนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่านเมล็ดองุ่น จะมีน้ำองุ่นหยดจากภูเขา เนินเขาทั้งสิ้นจะมีน้ำองุ่นไหลลงมา
อมส. 9:14 เราจะให้อิสราเอลประชากรของเรากลับสู่สภาพเดิม เขาจะสร้างเมืองที่พังนั้นขึ้นใหม่และเข้าอาศัยอยู่ เขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มเหล้าองุ่นนั้น เขาจะทำสวนผลไม้และรับประทานผลของมัน
อมส. 9:15 เราจะปลูกเขาไว้ในแผ่นดินของเขา เขาจะไม่ถูกถอนออกไปจากแผ่นดินซึ่งเราได้มอบให้แก่เขาอีกเลย” พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าตรัสดังนี้แหละ
พลับพลาของดาวิด 1พศด. 16:4 และพระองค์ทรงตั้งคนเลวีบางคนให้เป็นผู้ปรนนิบัติหน้าหีบของพระยาห์เวห์ ให้รำลึกพระคุณ ให้ขอบพระคุณและสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล 1พศด. 16:5 อาสาฟเป็นหัวหน้า และรองท่านคือเศคาริยาห์ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มิททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล พวกเขาเล่นพิณใหญ่และพิณเขาคู่ อาสาฟเป็นคนตีฉาบ 1พศด. 16:6 และเบไนยาห์กับยาฮาซีเอล ปุโรหิตทั้งสองจะเป่าแตรเรื่อยไปหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า 1พศด. 16:7 แล้วในวันนั้นดาวิดทรงกำหนดเป็นครั้งแรกให้มีการร้องเพลงสดุดีขอบพระคุณถวายแด่พระยาห์เวห์ โดยอาสาฟ และพี่น้องของท่าน 1พศด. 16:8 จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ จงร้องออกพระนามพระองค์ จงประกาศบรรดากิจการของพระองค์แก่ชนชาติทั้งหลาย 1พศด. 16:9 จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์ จงเล่าถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์ 1พศด. 16:10 จงสรรเสริญพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ ให้ใจของบรรดาผู้แสวงหาพระยาห์เวห์ยินดี 1พศด. 16:11 จงแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระกำลังของพระองค์ แสวงหาพระพักตร์ของพระองค์เสมอ 1พศด. 16:12 จงระลึกถึงการอัศจรรย์ซึ่งพระองค์ทรงกระทำ หมายสำคัญและคำพิพากษาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ 1พศด. 16:13 โอ เชื้อสายของอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์ ลูกหลานของยาโคบ บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร 1พศด. 16:14 พระองค์คือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา คำพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก 1พศด. 16:15 จงจดจำพันธสัญญาของพระองค์อยู่เป็นนิตย์ คือพระวจนะที่พระองค์ทรงบัญชาไว้ตลอดหนึ่งพันชั่วอายุคน 1พศด. 16:16 คือพันธสัญญาซึ่งทรงทำไว้กับอับราฮัม และคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อิสอัค 1พศด. 16:17 ซึ่งพระองค์ทรงยืนยันอีกกับยาโคบให้เป็นกฎเกณฑ์ กับอิสราเอล ให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์ 1พศด. 16:18 ว่า “เราจะให้แผ่นดินคานาอันแก่เจ้า เป็นส่วนมรดกของเจ้าทั้งหลาย” 1พศด. 16:19 เมื่อพวกท่านยังเป็นแต่คนจำนวนน้อย แค่หยิบมือ และยังเป็นแต่คนต่างด้าวในที่นั้น 1พศด. 16:20 พเนจรไปจากประชาชาตินี้ถึงประชาชาตินั้น จากราชอาณาจักรนี้ถึงอีกชนชาติหนึ่ง 1พศด. 16:21 พระองค์มิทรงยอมให้ใครบีบบังคับเขา พระองค์ทรงตักเตือนบรรดาพระราชา ด้วยเห็นแก่พวกเขา 1พศด. 16:22 ว่า “อย่าแตะต้องผู้ที่เราเจิมไว้ อย่าทำอันตรายผู้เผยพระวจนะของเรา” 1พศด. 16:23 แผ่นดินโลกทั้งสิ้น จงร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ จงประกาศความรอดของพระองค์ทุกๆ วัน 1พศด. 16:24 จงเล่าถึงพระสิริของพระองค์ ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ ท่ามกลางชนทุกชาติ 1พศด. 16:25 เพราะพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่ และทรงสมควรรับการสรรเสริญอย่างยิ่ง พระองค์ทรงเป็นที่เกรงกลัวเหนือพระทั้งปวง 1พศด. 16:26 เพราะพระทั้งปวงของชนชาติทั้งหลายเป็นรูปเคารพ แต่พระยาห์เวห์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ 1พศด. 16:27 พระสิริและความสง่างามอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ พระกำลังและความชื่นบานมีอยู่ในสถานที่ประทับของพระองค์ 1พศด. 16:28 โอ ตระกูลของชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงถวายแด่พระยาห์เวห์ จงถวายพระเกียรติและพระกำลังแด่พระยาห์เวห์ 1พศด. 16:29 จงถวายพระเกียรติซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระยาห์เวห์ จงนำเครื่องบูชามาเข้าเฝ้าพระองค์ จงนมัสการพระยาห์เวห์ในความงดงามแห่งความบริสุทธิ์ 1พศด. 16:30 แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์ พิภพถูกสถาปนาแล้ว จะไม่สั่นคลอนเลย 1พศด. 16:31 จงให้ฟ้าสวรรค์ยินดีและแผ่นดินโลกเปรมปรีดิ์ ให้พวกเขาพูดท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า “พระยาห์เวห์ทรงครอบครอง” 1พศด. 16:32 ให้ทะเล กับสิ่งทั้งหลายที่อยู่ในนั้นคำราม ให้ทุ่งนากับทุกอย่างที่อยู่ในนั้นลิงโลด 1พศด. 16:33 แล้วต้นไม้ทั้งสิ้นของป่าไม้ จะร้องเพลงด้วยความยินดีเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์เสด็จมาพิพากษาโลก 1พศด. 16:34 จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร 1พศด. 16:35 จงกล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด และขอทรงรวบรวมข้าพระองค์ทั้งหลายและทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ทั้งหลายจากประชาชาติต่างๆ เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะยกย่องพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ และเพื่อชื่นชมในการสรรเสริญพระองค์ 1พศด. 16:36 สาธุการแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ตั้งแต่นิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล และขอประชาชนทั้งสิ้นกล่าวว่า “อาเมน” และสรรเสริญพระยาห์เวห์ 1พศด. 16:37 ดาวิดจึงทรงให้อาสาฟและพี่น้องของท่านอยู่ที่นั่นต่อหน้าหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์ ให้ปรนนิบัติอยู่หน้าหีบนั้นเรื่อยไปตามงานประจำวันที่ต้องทำ 1พศด. 16:38 ทั้งโอเบดเอโดมและพี่น้อง 68 คนของเขาด้วย ส่วนโอเบดเอโดมบุตรเยดูธูนกับโฮสาห์ให้เป็นคนเฝ้าประตู 1พศด. 16:39 และพระองค์ทรงให้ศาโดกปุโรหิตกับพี่น้องของเขาผู้เป็นปุโรหิตอยู่หน้าพลับพลาแห่งพระยาห์เวห์ ซึ่งอยู่ในปูชนียสถานสูงเมืองกิเบโอน 1พศด. 16:40 เพื่อขึ้นไปถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ ที่แท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในเวลาเช้าเวลาเย็นเสมอ ตามซึ่งได้บันทึกไว้ทั้งสิ้นในธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาอิสราเอล 1พศด. 16:41 เฮมานและเยดูธูนอยู่กับเขาทั้งหลายและผู้ที่เหลืออยู่ที่ถูกเลือก และระบุชื่อไว้ให้สรรเสริญแด่พระยาห์เวห์เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่นิรันดร 1พศด. 16:42 และพร้อมกับพวกเขา เฮมานและเยดูธูนมีแตรและฉาบเพื่อบรรเลง และเครื่องดนตรีอื่นๆ สำหรับเพลงของพระเจ้า บุตรหลานของเยดูธูนเป็นคนเฝ้าประตู
|
เชื่อฟังและดำเนินชีวิตตามการทรงนำของพระวิญญาณ