วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สุภาษิต 17:17 มิตรแท้ ยามทุกข์ยาก

 มิตรแท้ ยามทุกข์ยาก: บทเทศนาฟื้นฟูจาก สุภาษิต 17:17

(บทนำ)

          **ชีวิต**ของเราเปรียบเสมือนการ**เดิน**ทาง มี**ทั้ง**ช่วงเวลาที่**สดใส** และช่วงเวลาที่**มืดมน** มีทั้งความ**สุข** และความ**ทุกข์**ยาก **สิ่ง**หนึ่งที่ทำให้เราก้าว**ผ่าน**ช่วงเวลาที่ยาก**ลำบาก**ได้ นั่นคือ “**มิตรภาพ**”  สุภาษิต 17:17 กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “**มิตร**สหายย่อมรักกัน**ทุก**เวลา และ**พี่น้องเกิด**มาเพื่อ**ช่วย**กันยาม**ทุกข์ยาก**”  ข้อพระคัมภีร์ข้อนี้เป็นเหมือน**น้ำทิพย์ชโลมใจ** ย้ำเตือนถึง**คุณค่า**ของ**มิตรแท้** และความ**สำคัญ**ของการเป็น**พี่น้อง**กันในยาม**ทุกข์**ยาก

(เนื้อหา)

  • มิตรสหายย่อมรักกันทุกเวลา: มิตรภาพที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่การร่วมสุขร่วมทุกข์ในบางเวลา แต่มันคือความรัก ความผูกพัน ที่ยั่งยืนตลอดไป ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม มิตรแท้จะอยู่เคียงข้างเราเสมอ ทั้งในยามที่เรามีความสุข และยามที่เราเผชิญกับความทุกข์ยาก พวกเขาจะไม่ทอดทิ้งเรา ไม่หมางเมินเรา พวกเขาจะยินดีกับความสำเร็จของเรา และให้กำลังใจเราในยามที่เราล้มเหลว
  • พี่น้องเกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก: คำว่า “พี่น้อง” ในที่นี้อาจหมายถึงพี่น้องทางสายเลือด หรือพี่น้องร่วมความเชื่อ ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษ เราเกิดมาเพื่อเป็นกำลังใจให้กันและกัน เพื่อช่วยเหลือกันในยามที่ต้องการ โดยเฉพาะในยามทุกข์ยาก พี่น้องจะเป็นเหมือนที่พักพิง เป็นเหมือนกำแพงป้องกันภัย เป็นเหมือนมือที่ยื่นมาช่วยพยุงเราให้ลุกขึ้น

(การนำไปประยุกต์ใช้)

  1. จงเป็นมิตรแท้ให้กับผู้อื่น: เราทุกคนสามารถเป็นมิตรแท้ให้กับใครสักคนได้ เริ่มต้นจากการเป็นผู้ฟังที่ดี ให้กำลังใจ ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเมื่อพวกเขาต้องการ อย่าทอดทิ้งเพื่อนในยามยากลำบาก จงรักและดูแลพวกเขาเสมอ
  2. จงเป็นพี่น้องที่ดี: หากเรามีพี่น้อง จงรักและดูแลพวกเขา ให้กำลังใจและช่วยเหลือกันในยามที่ต้องการ อย่าปล่อยให้ความขัดแย้งมาทำลายความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง จงให้อภัยกันและกัน และรักษาความสัมพันธ์อันดีนี้ไว้
  3. จงวางใจในพระเจ้า: แม้ว่าเราจะมีมิตรแท้และพี่น้องที่ดี แต่สุดท้ายแล้ว พระเจ้าคือผู้ที่รักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข พระองค์ทรงเป็นมิตรแท้ของเรา พระองค์ทรงเป็นพี่น้องของเรา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งเราในยามทุกข์ยาก จงวางใจในพระองค์ และอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ทุกสถานะการณ์

(บทสรุป)

สุภาษิต 17:17 เตือนใจเราถึงคุณค่าของมิตรภาพและความสำคัญของการเป็นพี่น้องกันในยามทุกข์ยาก ขอให้เราทุกคนเป็นมิตรแท้ไม่แปรผันให้กับผู้อื่น เป็นพี่น้องที่ดีทุกกรณีของชีวิต และวางใจในพระเจ้า เพื่อที่เราจะสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เอเฟซัส 1:17 'ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอพระเจ้า เอเฟซัส 1:18 'ขอให้ตาใจของพวกท่านสว่างขึ้น

เอเฟซัส 1:17 'ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอพระเจ้าของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราคือพระบิดาผู้ทรงพระสิริทรงให้ท่านทั้งหลายมีจิตใจ ที่ประกอบด้วยปัญญาและการสำแดง เพื่อท่านจะรู้จักพระองค์ '

จุดประกายการรู้จักพระเจ้า : จากเอเฟซัส 1:17

บทนำ:

พี่น้องที่รัก วันนี้เรามาร่วมกันศึกษาพระวจนะของพระเจ้าในพระธรรมเอเฟซัส บทที่ 1 ข้อที่ 17 ข้อพระคัมภีร์ที่ทรงพลังซึ่งอัครสาวกเปาโลได้อธิษฐานเผื่อคริสตจักรเอเฟซัส และยังคงเป็นคำอธิษฐานที่ทรงพลังสำหรับเราในวันนี้ด้วยเช่นกัน

เนื้อหา:

1. ความปรารถนาของเปาโล (ข้อ 17a)

"'ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอพระเจ้าของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราคือพระบิดาผู้ทรงพระสิริ..."
เปาโลเริ่มต้นด้วยการแสดงออกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่เขามีต่อพี่น้องคริสเตียนในเอเฟซัส เขาไม่ได้อธิษฐานขอสิ่งของฝ่ายวัตถุหรือความสำเร็จทางโลก แต่เขาอธิษฐานขอสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ *"การรู้จักพระเจ้าอย่างลึกซึ้ง"

2. ของประทานแห่งสวรรค์ (ข้อ 17b)

"...ทรงให้ท่านทั้งหลายมีจิตใจ ที่ประกอบด้วยปัญญาและการสำแดง..."
เปาโลเข้าใจดีว่า การรู้จักพระเจ้าไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความรู้ในเชิงสติปัญญา แต่ต้องมาจากการสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาจึงอธิษฐานขอสองสิ่งนี้คือ:
  • จิตใจที่ประกอบด้วยปัญญา: คือจิตใจที่เปิดรับ ถ่อมตน และแสวงหาความจริงของพระเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง (“ปัญญา” ปัญญาจากพระเจ้าไม่ใช่แค่ความรู้ แต่เป็นความสามารถในการใช้ความรู้ เป็นความสามารถในนำความจริงของพระเจ้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน)

  • การสำแดง: คือการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปิดเผยพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้าให้เรารู้จักอย่างชัดเจน(พระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดตาใจของเรา ให้มองเห็นพระเจ้าในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเผชิญความทุกข์ยาก หรือความยินดี เราก็สามารถรับรู้ถึงการทรงสถิตอยู่ของพระองค์)

3. ผลลัพธ์ของการรู้จักพระเจ้า (ข้อ 17c)

"...เพื่อท่านจะรู้จักพระองค์"
เป้าหมายสูงสุดของการอธิษฐานของเปาโลไม่ใช่เพียงเพื่อให้คริสเตียนในเอเฟซัสมีสติปัญญาและการสำแดง แต่เพื่อที่พวกเขาจะได้ "รู้จักพระองค์" อย่างแท้จริง การรู้จักพระเจ้าในที่นี้ไม่ใช่เพียงการรู้จักข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระองค์(ไม่ใช่เพียงแค่รู้ว่าพระองค์มีอยู่จริง) แต่เป็นการรู้จักอย่างลึกซึ้ง(หมายถึงการได้สัมผัสกับความรัก ความเมตตา ความยิ่งใหญ่ พระคุณ และฤทธิ์อำนาจของพระองค์ในชีวิตประจำวัน)

ผลของการรู้จักพระองค์ คืออะไร ? 

  • เราจะมีชีวิตที่เปี่ยมล้นด้วยสันติสุข เพราะเรารู้ว่าพระองค์ทรงควบคุมทุกสิ่ง

  • เราจะมีกำลังที่จะเผชิญกับการทดลอง เพราะเรารู้ว่าพระองค์ทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอ

  • เราจะมีชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและการให้อภัย เพราะเรารู้ว่าพระองค์ทรงรักและให้อภัยเรา

การประยุกต์:

พี่น้องที่รัก คำอธิษฐานของเปาโลวันนั้น สำหรับเราในวันนี้ยังคงเป็นคำท้าทาย? สำหรับเราเช่นกัน

  • เรากำลังแสวงหาการรู้จักพระเจ้าอย่างจริงจังหรือไม่?

  • เรากำลังอธิษฐานขอสติปัญญาและการสำแดงจากพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า?

  • ชีวิตของเรากำลังสะท้อนให้เห็นถึงการรู้จักพระเจ้าที่ลึกซึ้งขึ้นหรือไม่?

บทสรุป:

ขอให้เราทุกคนเปิดใจรับพระวจนะของพระเจ้า อธิษฐานขอสติปัญญาและการสำแดงจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเรา เปิดตาใจของเรา ให้เรารู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และมุ่งมั่นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้นทุกวัน เพื่อที่ชีวิตของเราจะจะถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ และเราจะเป็นพยานถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์แก่โลกนี้

คำเชิญชวน:

หากวันนี้ท่านต้องการที่จะรู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น เปิดใจรับการทรงนำจากพระองค์ ขอเชิญชวนให้ท่านออกมาข้างหน้า เพื่อเราจะได้อธิษฐานเผื่อท่าน

ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกท่าน


****************

 

เอเฟซัส 1:18 'ขอให้ตาใจของพวกท่านสว่างขึ้น เพื่อจะได้รู้ว่าพระองค์ประทานความหวังอะไรแก่ท่านในการทรงเรียกพวกท่านนั้น และรู้ว่ามรดกที่มีศักดิ์ศรีของพระองค์สำหรับพวกธรรมิกชนนั้นบริบูรณ์เพียงไร '

ดวงตาที่เห็นความหวัง: จากเอเฟซัส 1:18

พี่น้องที่รักทั้งหลาย วันนี้เราจะมาศึกษาพระวจนะของพระเจ้าจากพระธรรมเอเฟซัส บทที่ 1 ข้อที่ 18 ซึ่งอัครทูตเปาโลได้อธิษฐานเผื่อคริสตจักรเอเฟซัสว่า

"ขอให้ตาใจของพวกท่านสว่างขึ้น เพื่อจะได้รู้ว่าพระองค์ประทานความหวังอะไรแก่ท่านในการทรงเรียกพวกท่านนั้น และรู้ว่ามรดกที่มีศักดิ์ศรีของพระองค์สำหรับพวกธรรมิกชนนั้นบริบูรณ์เพียงไร "

ในโลกที่เต็มไปด้วยความมืดมน ความสิ้นหวัง และความไม่แน่นอน เปาโลได้ชี้ทางสว่างให้แก่เรา นั่นคือ "ตาใจที่สว่าง" ที่จะนำเราไปสู่ ความหวัง และ มรดกอันบริบูรณ์ ในพระคริสต์

1. ตาใจที่สว่างคืออะไร ?

  ตาใจที่สว่าง ไม่ใช่ตาภายนอกที่เรามองเห็นสิ่งต่างๆ แต่เป็น ดวงตาแห่งจิตวิญญาณ ที่มองเห็นแผนการณ์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า มองเห็นความรัก ความเมตตา และพระคุณอันไม่สิ้นสุดของพระองค์ หลายครั้งที่เรามองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ เพราะถูกบดบังด้วยความกลัว ความกังวล และความบาป เปรียบเสมือนมีม่านบังตาใจเราไว้ ทำให้เรามองไม่เห็นความจริง

2. เราจะเปิดตาใจให้สว่างได้อย่างไร ?

  • ผ่านทางพระวจนะของพระเจ้า พระคัมภีร์เปรียบเสมือนแสงสว่างส่องนำทาง (สดุดี 119:105 'พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์ ') การศึกษา ไตร่ตรอง และนำไปใช้ในชีวิต จะช่วยเปิดตาใจให้เราเห็นความจริง

  • ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ ปลอบประโลม และสอนเราให้เข้าใจพระคัมภีร์ (ยอห์น 14:26 'แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว ')

  • ผ่านทางการอธิษฐาน การสนทนากับพระเจ้า ทูลขอให้พระองค์เปิดตาใจให้เรา มองเห็นความจริง และแผนการณ์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ (มัทธิว 7:7 '“จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่พวกท่าน ')

3. ความหวังที่พระเจ้าประทานคืออะไร?

ไม่ใช่แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ในโลกนี้ แต่เป็นความหวังที่มั่นคงถาวร(ความหวังในการทรงเรียก:พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนด้วยจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เพราะความดีของเรา แต่เพราะพระคุณและความรักอันไม่สิ้นสุดของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกเราให้เป็นบุตร เป็นทายาท และเป็นผู้รับมรดกของพระองค์ แม้ในยามที่เรารู้สึกสิ้นหวัง จงระลึกถึงความหวังในการทรงเรียก ที่พระเจ้าทรงมีแผนการอันดีสำหรับชีวิตของเราเสมอ) เป็นความหวังในพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นความหวังของเราแม้ในยามยากลำบาก เป็นพลังใจให้เราก้าวเดินต่อไป เป็นผู้ปลดปล่อยเราจากความบาปและความตาย

4. มรดกอันบริบูรณ์คืออะไร?

ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ เงินทอง หรือชื่อเสียงของโลกนี้  ในฐานะบุตรของพระเจ้า เรามีมรดกอันล้ำค่ารอคอยเราอยู่ นั่นคือชีวิตนิรันดร์ในแผ่นดินสวรรค์ มรดกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องแสวงหาด้วยความพยายามของตนเอง แต่เป็นของประทานจากพระเจ้าผ่านทางพระเยซูคริสต์ มรดกนี้ บริบูรณ์ หมายความว่าไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่มีวันสูญหาย และเกินกว่าที่เราจะขอหรือคิดได้ ชีวิตนิรันดร์ในแผ่นดินสวรรค์ เป็นการได้อยู่กับพระเจ้าตลอดไป เป็นชีวิตที่ปราศจากความเจ็บปวด ไม่มีความเศร้าโศก และไม่มีความตาย เป็นชีวิตที่มีแต่ความสุข ความยินดี และสันติสุขอย่างสมบูรณ์ 


พี่น้องที่รัก ขอให้เราทุกคนแสวงหา ตาใจที่สว่าง เพื่อเราจะได้ รู้จักพระเจ้า อย่างลึกซึ้ง(หมายถึงการได้สัมผัสกับความรัก ความเมตตา ความยิ่งใหญ่ พระคุณ และฤทธิ์อำนาจของพระองค์ในชีวิตประจำวัน) รู้จักความหวัง ที่พระองค์ประทานแก่เรา และ รู้จักมรดกอันบริบูรณ์ ที่รอคอยเราอยู่


ขอให้ชีวิตของเราเป็นพยานถึงความรัก พระคุณอันเหลือล้นของพระองค์ ความหวังและมรดกอันรุ่งโรจน์นี้ เพื่อคนอื่นๆ จะได้มองเห็นแสงสว่างจากชีวิตของเรา และมาพบกับพระเจ้าผู้ประทานความหวังที่แท้จริง

อาเมน