วิวรณ์ 3:[2] เจ้าจงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลังให้กับส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตายแล้วนั้น เพราะว่าเราไม่พบความประพฤติที่ครบบริบูรณ์ของเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า "
บทเทศนาฟื้นฟู: จุดประกายไฟแห่งความเชื่อ ความศรัทธา (วิวรณ์ 3:2)
คำถามชวนคิด:
คุณรู้สึกอย่างไรกับสภาพฝ่ายวิญญาณของคุณในปัจจุบัน?
บทนำ:
พี่น้องที่รักทั้งหลาย เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งเย้ายวนและความวุ่นวายต่างๆ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราหลงลืมพระเจ้าและห่างไกลจากพระองค์โดยไม่รู้ตัว พระวจนะในวิวรณ์ 3:2 จึงเป็นเหมือนเสียงปลุกที่เตือนสติเราให้ตื่นขึ้นและกลับมาหาพระเจ้าอีกครั้ง
เนื้อหา:
"เจ้าจงตื่นขึ้น": การตื่นจากความเฉยเมยทางวิญญาณ
พระเยซูตรัสว่า "เจ้าจงตื่นขึ้น" นี่ไม่ใช่การตื่นจากการหลับใหลทางกาย แต่เป็นการตื่นจากความเฉยเมยทางวิญญาณ การตื่นจากการหลงมัวเมาในโลก การตื่นจากการใช้ชีวิตที่ไร้จุดหมาย เราต้องสำรวจตนเองอย่างจริงจังว่า ไฟแห่งความเชื่อ ความศรัทธา ของเรายังลุกโชนอยู่หรือไม่ เรายังกระตือรือร้นที่จะ นมัสการ อธิษฐาน เรียนรู้พระวจนะ และรับใช้พระเจ้าอยู่หรือเปล่า? หรือเราปล่อยให้ไฟนั้นค่อยๆ มอดลงจนเกือบดับสนิท?
"จงเสริมกำลังให้กับส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตายแล้วนั้น": การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระเจ้า(พระวิญญาณบริสุทธิ์)
"ส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตาย" หมายถึงสิ่งดีงามที่พระเจ้าทรงปลูกฝังไว้ในชีวิตของเรา แต่กำลังอ่อนแอลงเพราะเราละเลย เมินเฉย การเสริมกำลังให้ส่วนที่เหลืออยู่นี้ หมายถึงการกลับมาสร้างสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับพระเจ้าอีกครั้ง ด้วยการ:
นมัสการ : พระเยซูตรัสว่า "แต่เวลานั้นจะมาถึง และเดี๋ยวนี้ก็มาถึงแล้ว ที่ผู้ที่นมัสการอย่างแท้จริง จะนมัสการพระบิดาด้วยวิญญาณและด้วยความจริง เพราะพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นมานมัสการพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ต้องนมัสการด้วยวิญญาณและด้วยความจริง" (ยอห์น 4:23-24) การนมัสการไม่ใช่เพียงแค่การร้องเพลงหรือการทำพิธีกรรมภายนอก แต่เป็นการเปิดใจและถวายจิตวิญญาณของเราแด่พระเจ้าด้วยความจริงใจและความเคารพ
อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ: การอธิษฐานเป็นการสื่อสาร เหมือนสายใยที่เชื่อมโยงเรากับพระบิดา เปรียบดั่งลมหายใจฝ่ายวิญญาณ เป็นช่องทางที่เราจะระบายความในใจ ขอคำแนะนำ และรับพลังจากพระองค์
ศึกษาพระวจนะอย่างจริงจัง: พระวจนะเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ ช่วยให้เราเติบโต เข้มแข็ง และเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับมารร้าย เมื่อมีปัญหาในการดำเนินชีวิต(เอเฟซัส 6:17 จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ
และจงถือพระแสงของพระวิญญาณคือพระวจนะของพระเจ้า , ฮีบรู 4:12 เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย )ร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้องคริสเตียน: การมีส่วนร่วมในคริสตจักร การหนุนใจซึ่งกันและกัน ช่วยให้เราไม่โดดเดี่ยวในเส้นทางแห่งความเชื่อ
รับใช้พระเจ้าด้วยความรัก: การใช้ของประทานที่พระเจ้าประทานให้เรา เป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์และเป็นพระพรต่อผู้อื่น
"เพราะว่าเราไม่พบความประพฤติที่ครบบริบูรณ์ของเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า": การดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
พระเจ้าทรงปรารถนาให้เรามีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ ไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ แต่เป็นชีวิตที่มุ่งมั่นที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ เป็นชีวิตที่สะท้อนถึงความรัก ความเมตตา ความยุติธรรม และความบริสุทธิ์ เราต้องละทิ้งบาป สิ่งชั่วร้าย และสิ่งที่ไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า แล้วหันมาดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์
บทสรุป:
พี่น้องที่รัก อย่าปล่อยให้ไฟแห่งความเชื่อ ความศรัทธา ของเรามอดดับลง จงตื่นขึ้น กลับใจ และฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระเจ้า ขอให้พระวจนะในวิวรณ์ (3:2 เจ้าจงตื่นขึ้นและจงเสริมกำลังให้กับส่วนที่เหลืออยู่ซึ่งจวนจะตายแล้วนั้น เพราะว่าเราไม่พบความประพฤติที่ครบบริบูรณ์ของเจ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า) เป็นเครื่องเตือนใจเราให้ดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ จนกว่าจะถึงวันที่เราจะได้พบกับพระองค์ในสวรรค์ อาเมน.
คำถามชวนคิด:
คุณรู้สึกอย่างไรกับสภาพฝ่ายวิญญาณของคุณในปัจจุบัน?
คุณจะทำอย่างไรเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพระเจ้า?
คุณจะดำเนินชีวิตอย่างไรให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้ามากยิ่งขึ้น?
หัวข้อ: การนมัสการ: เส้นทางสู่การฟื้นฟู
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิง: ยอห์น 4:23-24, สดุดี 95:6, โรม 12:1
บทนำ:
พี่น้องที่รักทั้งหลาย ในชีวิตประจำวันเราเผชิญกับความเหนื่อยล้า ความท้อแท้ และความว่างเปล่ามากมาย หลายครั้งเรารู้สึกเหมือนหลงทาง ไร้จุดหมาย และต้องการพลังใหม่เพื่อก้าวต่อไป วันนี้ผมอยากเชิญชวนพี่น้องทุกท่านมาร่วมกันสำรวจเส้นทางสู่การฟื้นฟูที่แท้จริง นั่นคือ "การนมัสการ"
เนื้อหา:
การนมัสการที่แท้จริงคืออะไร? พระเยซูตรัสว่า "แต่เวลานั้นจะมาถึง และเดี๋ยวนี้ก็มาถึงแล้ว ที่ผู้ที่นมัสการอย่างแท้จริง จะนมัสการพระบิดาด้วยวิญญาณและด้วยความจริง เพราะพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นมานมัสการพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ต้องนมัสการด้วยวิญญาณและด้วยความจริง" (ยอห์น 4:23-24) การนมัสการไม่ใช่เพียงแค่การร้องเพลงหรือการทำพิธีกรรมภายนอก แต่เป็นการเปิดใจและถวายจิตวิญญาณของเราแด่พระเจ้าด้วยความจริงใจและความเคารพ
การนมัสการนำไปสู่การฟื้นฟูอย่างไร?
การนมัสการฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า: เมื่อเรานมัสการพระเจ้า เราได้เชื่อมต่อกับแหล่งกำเนิดแห่งชีวิตและความรัก เรายอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่และทรงเป็นศูนย์กลางของชีวิตเรา สิ่งนี้นำมาซึ่งสันติสุขและความมั่นคงภายในจิตใจ
การนมัสการฟื้นฟูพลังของเรา: "จงมาเถิด เรามากราบลงนมัสการและก้มกราบลงต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ผู้ทรงสร้างเรา" (สดุดี 95:6) การนมัสการช่วยเตือนเราถึงพระคุณและพระอานุภาพของพระเจ้า มันเป็นเหมือนการเติมพลังให้กับจิตวิญญาณของเรา ทำให้เรามีแรงที่จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในชีวิต
การนมัสการฟื้นฟูเป้าหมายของเรา: เมื่อเรานมัสการพระเจ้า เราได้มองเห็นภาพรวมที่ใหญ่กว่าตัวเราเอง เราตระหนักถึงแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตเรา สิ่งนี้ช่วยให้เรามีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนในชีวิต
เราจะนมัสการพระเจ้าอย่างไรให้เกิดการฟื้นฟู?
นมัสการด้วยใจที่จริงใจ: อย่าทำเป็นพิธี จงเปิดใจและถวายสิ่งที่ดีที่สุดแด่พระเจ้า
นมัสการด้วยความถ่อมใจ: ยอมรับว่าเราเป็นเพียงมนุษย์ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา
นมัสการด้วยความขอบพระคุณ: จงระลึกถึงพระคุณและพระพรที่พระเจ้าทรงประทานให้เรา
นมัสการด้วยชีวิตของเรา: "ฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลาย ให้ถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต เป็นเครื่องบูชาที่บริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า นี่แหละเป็นการนมัสการที่สมเหตุสมผลของท่านทั้งหลาย" (โรม 12:1) การนมัสการที่แท้จริงสะท้อนออกมาในชีวิตประจำวันของเรา ผ่านการกระทำ ความคิด และคำพูดของเรา
บทสรุป:
พี่น้องที่รัก การนมัสการไม่ใช่เพียงกิจกรรมทางศาสนา แต่เป็นเส้นทางสู่การฟื้นฟูที่แท้จริง เมื่อเรานมัสการพระเจ้าด้วยใจจริง เราจะได้สัมผัสกับพลังแห่งการฟื้นฟูในทุกด้านของชีวิต ขอให้เราทุกคนมุ่งมั่นที่จะนมัสการพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่เราจะได้เติบโตในความเชื่อและมีชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระพรของพระองค์ อาเมน.