วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ชัยชนะ​สุด​ท้าย​ของ​อิส​รา​เอล (ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์)

 อบด. 1:17 แต่​จะ​มี​คน​ลี้ภัย​ใน​ภูเขา​ศิโยน และ​ที่​นั้น​จะ​บริ​สุทธิ์ และ​พงศ์​พันธุ์​ของ​ยา​โคบ​จะ​ได้​ครอบครอง ดินแดน​อัน​เป็น​กรรม​สิทธิ์​ของ​เขา
อบด. 1:18 พงศ์พันธุ์​ของ​ยา​โคบ​จะ​เป็น​ไฟ พงศ์พันธุ์​ของ​โยเซฟ​จะ​เป็น​เปลวไฟ และ​พงศ์พันธุ์​ของ​เอซาว​จะ​เป็น​ตอข้าว ไฟ​และ​เปลวไฟ​จะ​เผา​ผลาญ​ตอ​นั้น พงศ์พันธุ์​ของ​เอซาว​จะ​ไม่​รอด​ชีวิต​เลย เพราะว่า​พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​แล้ว
อบด. 1:19 คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​เนเกบ​จะ​ได้​ภูเขา​เอซาว​เป็น​กรรม​สิทธิ์ คน​เหล่า​นั้น​ที่​อยู่​ใน​เนิน​เชเฟลาห์​จะ​ได้​แผ่นดิน​ฟีลิส​เตีย​เป็น​กรรม​สิทธิ์ พวก​เขา​จะ​ยึด​แผ่นดิน​เอฟราอิม​และ​แผ่นดิน​สะมาเรีย​เป็น​กรรม​สิทธิ์ และ​เบนยามิน​จะ​ได้​กิเลอาด​เป็น​กรรม​สิทธิ์
อบด. 1:20 พวก​เชลย​อิส​รา​เอล ผู้​อยู่​คานาอัน​ไป​จน​ถึง​ศาเรฟัท และ​พวก​เชลย​ชาว​เย​รู​ซา​เล็ม​ที่​อยู่​ใน​เสฟาราด จะ​ได้​เมือง​ต่างๆ ใน​เนเกบ​เป็น​กรรม​สิทธิ์
อบด. 1:21 พวก​กู้​ชาติ​จะ​ขึ้น​ไป​ที่​ภูเขา​ศิโยน เพื่อปก​ครอง​ภูเขา​เอ​ซาว และ​อำนาจ​อธิป​ไตย​นั้น​จะ​ตก​เป็น​ของ​พระ​ยาห์​เวห์

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

อนาคตอันรุ่งโรจน์ ของยูดาห์(ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์)

 การพิพากษาที่หุบเขาเยโฮชาฟัท

ยอล. 3:9 จง​ประ​กาศ​เรื่อง​นี้​ท่าม​กลาง​ประ​ชา​ชาติ​ทั้ง​หลาย จงเตรียม​การ​รบ จง​เร้าใจ​นัก​รบ​ทั้ง​หลาย ให้​ทหารทุกคน​เข้า​มา​ใกล้ ให้​เขา​ขึ้น​มา

ยอล. 3:10 จง​ตี​ผาล​ไถ​นา​ของ​พวกเจ้า​ให้​เป็น​ดาบ และ​ตี​ขอ​ลิด​แขนง​ของ​เจ้า​ให้​เป็น​ทวน ให้​คน​อ่อน​แอ​พูด​ว่า “ข้า​เป็น​นัก​รบ

ยอล. 3:11 จง​รีบ​มา​เถิด ประ​ชา​ชาติ​ทั้ง​หมด​ที่​อยู่​รอบๆ เอ๋ย จง​เรียก​ประ​ชุม​กัน​ที่​นั่น ข้า​แต่​พระ​ยาห์​เวห์ ขอ​ทรง​นำ​นัก​รบ​ของ​พระ​องค์​ลง​มา

ยอล. 3:12 ให้​บรร​ดา​ประ​ชา​ชาติ​รับ​การ​เร้า​ใจ และ​ขึ้น​มา​ยัง​หุบ​เขา​เย​โฮ​ชา​ฟัท เพราะ​ที่​นั่น​เรา​จะ​นั่งพิพาก​ษา ประ​ชา​ชาติ​ทั้ง​หมด​ที่​อยู่​ล้อมรอบ

ยอล. 3:13 จง​เอา​เคียว​เกี่ยว​เถิด เพราะ​ถึง​ฤดู​เกี่ยว​แล้ว​ จง​เข้า​ไป​ย่ำ​สิ เพราะ​บ่อ​ย่ำ​องุ่น​เต็ม​แล้ว บ่อ​เก็บ​น้ำ​องุ่น​ล้น​แล้ว เพราะ​ว่า​ความ​อธรรม​ของ​พวก​เขา​มี​มาก​มาย

ยอล. 3:14 มวล​ชน มวล​ชน ใน​หุบ​เขา​แห่ง​การ​ตัด​สิน​คดี เพราะ​วัน​แห่ง​พระ​ยาห์​เวห์​ใกล้​เข้า​มา​แล้ว ใน​หุบ​เขา​แห่ง​การ​ตัด​สิน​คดี

ยอล. 3:15 ดวง​อา​ทิตย์​และ​ดวง​จันทร์​ก็​มืด​ไป ดวง​ดาว​ทั้ง​หลาย​ก็​อับแสง

ยอล. 3:16 พระ​ยาห์​เวห์​เปล่งพระสิงห​นาท​จาก​ศิโยน และ​เปล่ง​พระ​สุรเสียง​ของ​พระองค์​จาก​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม ฟ้า​สวรรค์​และ​แผ่น​ดิน​โลก​ก็​หวั่น​ไหว แต่​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​เป็น​ที่​ลี้​ภัย​แก่​ประ​ชา​กร​ของ​พระ​องค์ เป็น​ที่​กำบัง​แข็ง​แกร่ง​แก่​คน​อิส​รา​เอล


อนาคตอันรุ่งโรจน์ ของยูดาห์(ผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์)

ยอล. 3:17 ดัง​นั้น พวกเจ้า​จะ​รู้​ว่า เรา​คือ​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​เจ้า ผู้​ประ​ทับ​ใน​ศิโยน ภูเขา​บริ​สุทธิ์​ของ​เรา เย​รู​ซา​เล็ม​จะ​เป็น​เมือง​บริ​สุทธิ์ และ​จะ​ไม่​มี​คน​ต่าง​ด้าว​ผ่าน​เมือง​นั้น​อีก​เลย

ยอล. 3:18 และ​อยู่​มา​ใน​วันนั้น จะ​มี​น้ำ​องุ่น​หยด​ออก​จาก​ภูเขาทั้งหลาย และ​มี​น้ำ​นม​ไหล​มา​จาก​บรรดา​เนิน​เขา และ​จะ​มี​น้ำ​ไหล จาก​ห้วย​ทั้ง​หมด​ของ​ยู​ดาห์ และ​จะมี​น้ำ​พุ​ออก​จาก​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ มา​รด​หุบ​เขา​ชิท​ธีม

ยอล. 3:19 อียิปต์​จะ​กลาย​เป็น​ที่​ร้าง และ​เอ​โดม​จะ​กลาย​เป็น​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร​ร้าง เพราะ​ความ​ทา​รุณ​ที่​ทำ​ต่อ​คน​ยู​ดาห์ และ​การ​ทำ​ให้​โล​หิต​ของ​ผู้​ไร้​ความ​ผิด​ตก​ใน​แผ่น​ดิน​ของ​เขา

ยอล. 3:20 แต่​ยู​ดาห์​จะ​ดำ​รง​อยู่​เป็น​นิตย์ และ​เย​รู​ซา​เล็ม​จะ​ตั้ง​อยู่​ทุก​ชั่ว​อายุคน

ยอล. 3:21 เรา​จะ​ยก​โทษ​เรื่อง​โล​หิต​ของ​พวก​เขา​ที่​เรา​ไม่​เคย​ยก​โทษ เพราะ​พระ​ยาห์​เวห์​สถิต​ใน​ศิโยน


วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

อธิษฐาน 3 คน

 ปฐก. 20:17 อับ​รา​ฮัม​ก็​อธิษ​ฐาน​ต่อ​พระ​เจ้า พระ​เจ้า​ทรง​รักษา​อา​บี​เม​เลค และ​มเหสี​ของ​พระ​องค์​และ​ทาส​หญิง​ให้​หาย สตรี​เหล่า​นั้น​ก็​คลอด​บุตร

ปฐก. 20:18 เพราะ​ว่า​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ปิด​ครรภ์​สตรี​ทั้ง​หมด​ใน​ราช​สำนัก​ของ​อาบี​เม​เลค เพราะ​เรื่อง​ซาราห์​ภรรยา​ของ​อับ​รา​ฮัม


ปฐก. 25:20 อิสอัค​มี​อายุ 40 ปี​เมื่อ​ท่าน​ได้​ภรรยา คือ เร​เบ​คาห์​บุตร​หญิง​ของ​เบ​ธู​เอล คน​อารัม​ชาว​เมือง​ปัด​ดาน​อา​รัม น้อง​สาว​ของ​ลา​บัน​คน​อา​รัม

ปฐก. 25:21 อิสอัค​อธิษ​ฐาน​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์​เพื่อ​ภรรยา​ของ​ท่าน​เพราะ​นาง​เป็น​หมัน พระ​เจ้า​ประ​ทาน​ตาม​คำ​อธิษ​ฐาน​ของ​ท่าน เร​เบ​คาห์​ภรรยา​ของ​ท่าน​ก็​ตั้ง​ครรภ์

ปฐก. 25:22 ทารก​ทั้ง​สอง​ก็​เบียด​เสียด​กัน​อยู่​ใน​ครรภ์​ของ​นาง นาง​จึง​พูด​ว่า “ถ้า​ทุก​อย่าง​ดี​อยู่ ทำไม​ฉัน​เป็น​อย่าง​นี้?” นาง​จึง​ไป​ทูล​ถาม​พระ​ยาห์​เวห์

ปฐก. 25:23 พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “ชน​สอง​ชาติ​อยู่​ใน​ครรภ์​ของ​เจ้า และ​ประ​ชา​ชน​สอง​พวก​เกิด​จาก​เจ้า จะ​ต้อง​แยก​กัน พวก​หนึ่ง​จะ​แข็ง​แรง​กว่า​อีก​พวก​หนึ่ง พี่​จะ​รับ​ใช้​น้อง”

ปฐก. 25:24 เมื่อ​กำหนด​คลอด​ของ​นาง​มา​ถึง​แล้ว​ก็​มี​ลูก​แฝด​อยู่​ใน​ครรภ์​ของ​นาง

ปฐก. 25:25 คน​แรก​คลอด​ออก​มา​ตัว​แดง​มี​ขน​อยู่​ทั่ว​ตัว เขา​จึง​ตั้ง​ชื่อ​ว่า เอซาว

ปฐก. 25:26 ภาย​หลัง​น้อง​ของ​เขา​ก็​คลอด​ออก​มา มือ​ของ​เขา​จับ​ส้น​เท้า​ของ​เอซาว​ไว้ เขา​จึง​ตั้ง​ชื่อ​ว่า​ยาโคบ เมื่อนาง​คลอด​ลูก​แฝด​นั้น​อิสอัค​มี​อายุ​ได้ 60 ปี


1ซมอ. 1:2 เขา​มี​ภรรยา​สอง​คน คน​หนึ่ง​ชื่อ​ฮัน​นาห์ อีก​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เป​นิน​นาห์ เป​นิน​นาห์​มี​บุตร​แต่​ฮัน​นาห์ไม่​มี

1ซมอ. 1:4 ใน​วัน​ที่​เอล​คา​นาห์​ถวาย​สัตว​บูชา ท่าน​ให้​ส่วน​แบ่ง​แก่​เป​นิน​นาห์​ภรรยา​ของ​ท่าน และ​แก่​พวก​บุตร​ชาย​บุตร​หญิง​ทุก​คน​ของ​นาง

1ซมอ. 1:5 ท่าน​แบ่ง​ให้​ฮัน​นาห์​สอง​ส่วน เพราะ​ท่าน​รัก​นาง​มาก แม้​ว่า​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ปิด​ครรภ์​ของ​นาง​เสีย

1ซมอ. 1:6 เมีย​คู่​กับ​นาง​ก็​ยั่ว​เย้า​นาง​อย่าง​รุน​แรง​ทำ​ให้​นาง​ระคาย​เคือง เพราะ​เหตุ​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ปิด​ครรภ์​ของ​นาง



1ซมอ. 1:7 เหตุ​การณ์​ก็​เป็น​อยู่​ดัง​นี้​ปี​แล้ว​ปี​เล่า เมื่อ​นาง​ขึ้น​ไป​ยัง​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​ครั้ง​ไหน เมีย​คู่​ของ​นาง​ก็​เคย​ยั่ว​เย้า​นาง ดัง​นั้น​นาง​ฮัน​นาห์​จึง​ร้อง​ไห้​ไม่​รับ​ประ​ทาน​อาหาร

1ซมอ. 1:8 เอล​คา​นาห์​สามี​ของ​นาง​จึง​ถาม​นาง​ว่า “ฮัน​นาห์​ทำไม​เธอ​ร้อง​ไห้? ทำไม​เธอ​จึง​ไม่​รับ​ประ​ทาน​อาหาร? ทำไม​จิต​ใจ​ของ​เธอ​จึง​โศก​เศร้า? สำหรับ​เธอ ฉัน​ไม่​ดี​กว่า​บุตร​ชาย​สิบ​คน​หรือ?”


1ซมอ. 1:9 หลัง​จาก​ที่​ได้​รับ​ประ​ทาน​อาหาร​และ​ดื่ม​ที่​เมือง​ชิโลห์​แล้ว ฮัน​นาห์​ก็​ลุก​ขึ้น เอลี​ปุโร​หิต​นั่ง​อยู่​บน​เก้าอี้​ข้าง​เสา​ประ​ตู​พระ​วิหาร​ของ​พระ​ยาห์​เวห์

1ซมอ. 1:10 นางขมขื่นใจ​มาก​จึง​อธิษ​ฐานต่อ​พระ​ยาห์​เวห์​และ​ร้อง​ไห้​อย่าง​หนัก

1ซมอ. 1:11 นาง​บน​ไว้​ว่า “ข้า​แต่​พระ​ยาห์​เวห์​จอม​ทัพ ถ้า​พระ​องค์​จะ​ทอด​พระ​เนตร​ความ​ทุกข์​ใจ​ของ​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์​จริงๆ ทรง​ระลึก​ถึง​ข้า​พระ​องค์ และ​ไม่​ทรง​ลืม​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์ แต่​จะ​ประ​ทานบุตรชาย​แก่​ผู้​รับ​ใช้​ของ​พระ​องค์​สัก​คน แล้ว​ข้า​พระ​องค์​จะ​ถวาย​เขา​แด่​พระ​ยาห์​เวห์​ตลอด​ชีวิต​ของ​เขา และ​มีด​โกน​จะ​ไม่​แตะ​ต้อง​ศีรษะ​ของ​เขา​เลย”


1ซมอ. 1:20 และ​ต่อ​มา​เมื่อ​ถึง​เวลา​ที่​กำหนด ฮัน​นาห์​ก็​ตั้ง​ครรภ์​คลอด​บุตร​ชาย​คน​หนึ่ง และ​นาง​ให้​ชื่อ​เด็ก​นั้น​ว่า​ซา​มู​เอล เพราะ​นาง​กล่าว​ว่า “ดิฉัน​ทูล​ขอ​มา​จาก​พระ​ยาห์​เวห์

1ซมอ. 1:21 เอล​คา​นาห์​สามี​และ​ทุก​คน​ใน​ครอบ​ครัว​ของ​เขา​จะ​ขึ้น​ไป​ถวาย​สัตว​บูชา​ประ​จำ​ปี​แด่​พระ​ยาห์​เวห์ และ​แก้​บน​ของ​เขา

1ซมอ. 1:22 แต่​ฮัน​นาห์​ไม่​ได้​ขึ้น​ไป​ด้วย เพราะ​นาง​บอก​สามี​ว่า “ฉัน​จะ​ไม่​ไป​จน​กว่า​เด็ก​คน​นี้​หย่า​นม แล้ว​ฉัน​จะ​พา​เขา​ขึ้น​ไป เพื่อ​เขา​จะ​ได้​ปรา​กฏ​ตัว​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​ยาห์​เวห์ และ​อยู่​ที่​นั่น​ตลอด​ไป”

1ซมอ. 1:23 เอล​คา​นาห์​สามี​บอก​นาง​ว่า “จง​ทำ​ตาม​ที่​เธอ​เห็น​ว่า​ดี​เถิด รอ​อยู่​จน​ให้​เขา​หย่า​นม ขอ​เพียง​ให้​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​สำ​เร็จ​เถิด” นาง​นั้น​ก็​คอย​อยู่​และ​ให้​บุตร​กิน​นม​ของ​เธอ จน​นาง​ให้​เขา​หย่า​นม


1ซมอ. 1:24 และ​เมื่อ​นาง​ให้​เขา​หย่า​นม​แล้ว นาง​ก็​พา​เขา​ขึ้น​ไป​พร้อม​กับ​วัว​ผู้​อายุ​สาม​ปี​หนึ่ง​ตัว แป้ง 10 กิโล​กรัม​และ​เหล้า​องุ่น​หนึ่ง​ถุง​หนัง และ​นาง​ก็​นำ​เขา​มา​ที่​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​ที่​เมือง​ชิโลห์ และ​เด็ก​นั้น​ก็​ยัง​เล็ก​อยู่

1ซมอ. 1:25 แล้ว​พวกเขา​ก็​ฆ่า​วัว​ผู้​ตัว​นั้น​และ​นำ​เด็ก​มา​หา​เอลี

1ซมอ. 1:26 นาง​ก็​กล่าว​ว่า “เจ้า​นาย​ของ​ดิฉัน​มี​ชีวิต​อยู่​แน่​ฉัน​ใด ท่าน​เจ้า​ข้า ดิฉัน​เอง​คือ​ผู้หญิง​ที่​เคย​ยืน​อยู่​ที่​นี่​ต่อ​หน้า​ท่าน และ​ทูล​วิงวอน​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์

1ซมอ. 1:27 ดิฉัน​ทูล​วิงวอน​ขอ​เด็ก​คน​นี้ และ​พระ​ยาห์​เวห์​ประ​ทาน​ตาม​คำ​ทูล​ขอ​ของ​ดิฉัน​ตาม​ที่​ได้​ทูล​วิงวอน​ต่อ​พระ​องค์

1ซมอ. 1:28 เพราะ​ฉะนั้น​ดิฉัน​เอง​ถวาย​เขา​แด่​พระ​ยาห์​เวห์ เขา​ถูก​ถวาย​แด่​พระ​ยาห์​เวห์​ตลอด​ชีวิต​ของ​เขา” และ​เขา​ก็​นมัส​การ​พระ​ยาห์​เวห์​ที่​นั่น


1ซมอ. 2:1 นาง​ฮัน​นาห์​อธิษ​ฐาน​ว่า “จิต​ใจ​ของ​ข้าพ​เจ้า​ชื่น​ชมใน​พระ​ยาห์​เวห์ ใน​พระ​ยาห์​เวห์ กำลัง​ของ​ข้าพ​เจ้า​ก็​เข้ม​แข็ง ปาก​ของ​ข้าพ​เจ้า​หัวเราะ​พวก​ศัตรู​ของ​ข้าพ​เจ้า เพราะ​ข้าพ​เจ้า​ยินดี​ใน​ความ​รอด​ของ​พระ​องค์


1ซมอ. 2:21 และ​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​เยี่ยม​เยียน​ฮัน​นาห์ และ​นาง​ก็​ตั้ง​ครรภ์​คลอด​บุตร​เป็น​ชายสามหญิงสอง ส่วน​กุมาร​ซา​มู​เอล​ก็​เติบ​โต​ขึ้น​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​ยาห์​เวห์


วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

พระ​วจนะ​ การเผยพระวจนะ และลงมือทำ (พลังแห่งการเผยพระวจนะ)


โยบ 23:12 ข้า​มิ​ได้​พราก​จาก​พระ​บัญ​ญัติ​แห่ง​ไพร​พระ​โอษฐ์​ของ​พระ​องค์ ข้า​สะ​สม​พระ​วจนะ​แห่ง​พระ​โอษฐ์​ของ​พระ​องค์​ไว้​มาก​กว่า​กฎ​เกณฑ์​ของ​ข้า

สดด. 119:89 ​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ดำรง​อยู่​เป็น​นิตย์ พระ​วจนะ​ของ​พระ​องค์​ตั้ง​มั่น​คง​ใน​สวรรค์

อสค. 37:1 พระ​หัตถ์​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​มา​อยู่​เหนือ​ข้าพ​เจ้า แล้ว​พระ​องค์​ทรง​นำ​ข้าพ​เจ้า​ออก​มา​ด้วย​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ แล้ว​วาง​ข้าพ​เจ้า​ไว้​กลาง​หุบ​เขา​ที่​มี​กระ​ดูก​เต็ม​ไป​หมด อสค. 37:2 พระ​องค์​ทรง​พา​ข้าพ​เจ้า​ไป​รอบๆ กระ​ดูก​เหล่า​นั้น ดู​สิ มี​กระ​ดูก​มาก​มาย​เหลือ​เกิน​บน​พื้น​หุบ​เขา และ​นี่​แน่ะ เป็น​กระ​ดูก​แห้ง​มากๆ อสค. 37:3 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​กับ​ข้าพ​เจ้า​ว่า “บุตร​มนุษย์​เอ๋ย กระ​ดูก​เหล่า​นี้​จะ​มี​ชีวิต​ได้​ไหม?” และ​ข้าพ​เจ้า​ทูล​ตอบ​ว่า “ข้า​แต่​พระ​ยาห์​เวห์​องค์​เจ้า​นาย พระ​องค์​ทรง​ทราบ​อยู่​แล้ว” อสค. 37:4 พระ​องค์​ตรัส​กับ​ข้าพ​เจ้า​อีก​ว่า “จงเผย​พระ​วจนะ​ต่อ​กระ​ดูก​เหล่า​นี้ และ​กล่าว​กับ​พวก​มัน​ว่า กระ​ดูก​แห้ง​เอ๋ย จงฟัง​พระ​วจนะของ​พระ​ยาห์​เวห์” อสค. 37:5 พระ​ยาห์​เวห์​องค์​เจ้า​นาย​ตรัส​ดังนี้​แก่​กระ​ดูก​เหล่า​นี้​ว่า “ดู​สิ เรา​จะ​นำ​ลม​หาย​ใจ​เข้า​ไป​ใน​พวก​เจ้า และ​เจ้า​จะ​มี​ชีวิต อสค. 37:6 เรา​จะ​ใส่​เส้น​เอ็น​ไว้​บน​พวก​เจ้า​และ​จะ​ทำ​ให้​มีเนื้อ​ขึ้นมา​บน​เจ้า และ​เอา​หนัง​หุ้ม​เจ้า และ​บรรจุ​ลม​หาย​ใจ​ใน​เจ้า แล้ว​เจ้า​จะ​มี​ชีวิต แล้ว​พวก​เจ้า​จะ​รู้​ว่า เรา​คือ​ยาห์​เวห์” อสค. 37:7 ข้าพ​เจ้า​ก็​เผย​พระ​วจนะ​ตาม​ที่​ข้าพ​เจ้า​ได้​รับ​พระ​บัญ​ชา และ​เมื่อ​ข้าพ​เจ้า​เผย​พระ​วจนะ​อยู่​นั้น​ก็​มี​เสียง และ​ดู​สิ เป็น​เสียง​สั่น​รัว พวก​กระ​ดูก​นั้น​เข้า​มา​หา​กัน กระ​ดูก​กับ​กระ​ดูก อสค. 37:8 และ​เมื่อ​ข้าพ​เจ้า​มอง​ดู​ก็​เห็น​มี​เอ็น​บน​พวก​มัน เนื้อ​ก็​ขึ้น​มา​บน​กระ​ดูก และ​หนัง​ก็​มา​หุ้ม​มัน​ไว้ แต่ไม่​มี​ลม​หาย​ใจ​ใน​นั้น อสค. 37:9 แล้ว​พระ​องค์​ตรัส​กับ​ข้าพ​เจ้า​ว่า “จงเผย​พระ​วจนะ​แก่​ลม​หาย​ใจ บุตร​มนุษย์​เอ๋ย จง​เผย​พระ​วจนะ​เถิด จง​กล่าว​กับ​ลม​หาย​ใจ​ว่า พระ​ยาห์​เวห์​องค์​เจ้า​นาย​ตรัส​ดัง​นี้​ว่า ลม​หาย​ใจ​เอ๋ย จง​มา​จาก​ลม​ทั้ง​สี่ มา​หาย​ใจ​เข้า​ไป​ใน​คน​ที่​ถูก​ฆ่า​พวก​นี้​เพื่อ​ให้​เขา​มี​ชีวิต” อสค. 37:10 แล้ว​ข้าพ​เจ้า​ก็​เผย​พระ​วจนะ​ตาม​ที่​พระองค์ทรง​บัญ​ชา​ข้าพ​เจ้า และ​ลม​หาย​ใจ​ก็​เข้ามา​ใน​ร่าง​เหล่านั้น พวก​เขา​ก็​มี​ชีวิต แล้ว​ก็​ยืน​ขึ้น​ด้วย​เท้าเป็น​กอง​ทัพ​ใหญ่​โต​มาก​จริงๆ

กดว. 11:24 โมเสส​ก็​ออก​ไป​บอก​ประ​ชา​ชน ถึง​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ และ​ท่าน​รวบ​รวม​พวก​ผู้​ใหญ่​ใน​ประ​ชา​ชน​เจ็ด​สิบ​คน แล้ว​ให้​พวก​เขา​มา​ยืน​รอบๆ เต็นท์ กดว. 11:25 และ​พระ​ยาห์​เวห์​เสด็จ​ลง​มา​ใน​เมฆ​และ​ตรัส​กับ​โมเสส แล้ว​ทรง​เอา​จาก​วิญ​ญาณ​ที่​มี​อยู่​บน​โมเสส​ใส่บน​พวก​ผู้​ใหญ่​เจ็ด​สิบ​คน​นั้น​ด้วย เมื่อ​วิญ​ญาณ​มา​อยู่​บน​เขา​ทั้ง​หลาย​แล้ว เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​เผย​พระ​วจนะ แต่ก็​ไม่​ได้​ทำ​อีกเลย กดว. 11:26 มี​สอง​คน​ที่​ยัง​อยู่​ใน​ค่าย คน​หนึ่ง​ชื่อ​เอล​ดาด อีก​คน​หนึ่ง​ชื่อ​เม​ดาด และ​วิญ​ญาณ​มาอยู่​บน​เขา​ทั้ง​สอง (เขา​ทั้ง​สอง​อยู่​ใน​กลุ่ม​คน​ที่​ถูก​จด​ชื่อ​ไว้​แต่​ไม่​ได้​มา​ที่เต็นท์) และ​เขา​ทั้ง​สอง​ก็​เผย​พระ​วจนะ​ใน​ค่าย กดว. 11:27 มี​ชาย​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​วิ่ง​มา​บอก​โมเสส​ว่า “เอล​ดาด​และ​เม​ดาด​กำลัง​เผย​พระ​วจนะ​อยู่​ใน​ค่าย” กดว. 11:28 และ​โย​ชู​วา​บุตร​นูน​ซึ่ง​เป็น​ผู้​รับ​ใช้​ของ​โมเสส​ตั้ง​แต่​หนุ่มๆ กล่าว​ว่า “โมเสส​เจ้า​นาย​ของ​ข้าพ​เจ้า โปรด​ห้าม​เขา​ทั้ง​สอง​ด้วย”
กดว. 11:29 แต่​โมเสส​บอก​เขา​ว่า “ท่าน​เจ็บ​ร้อน​แทน​ข้าพ​เจ้า​หรือ? ข้าพ​เจ้า​อยาก​ให้​ประ​ชา​ชน​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​เป็น​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​ทุก​คน และ​ข้าพ​เจ้า​อยาก​ให้​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ใส่​วิญ​ญาณ​ของ​พระ​องค์​ไว้​บน​พวก​เขา”
กดว. 11:30 โมเสส​และ​พวก​ผู้​ใหญ่​ของ​คน​อิส​รา​เอล​ก็​กลับ​ไป​ที่​ค่าย กดว. 11:31 แล้ว​มี​ลม​มา​จาก​พระ​ยาห์​เวห์​พัด​พา​ฝูง​นก​คุ่ม​จาก​ทะเล​มา​ตก​อยู่​ที่​ข้าง​ค่าย​โดย​อยู่​รอบๆ ทั้ง​ค่าย อยู่​ห่าง​ออก​ไป​จาก​ค่าย​เป็น​ระยะ​ทาง​เดิน​หนึ่ง​วัน และ​อยู่​สูง​จาก​พื้น​ดิน​ประ​มาณ​หนึ่ง​เมตร กดว. 11:32 วัน​นั้น​ประ​ชา​ชน​ก็​เที่ยว​จับ​นก​คุ่ม​กัน​ทั้ง​วัน​ทั้ง​คืน และ​ตลอด​วัน​ถัด​มา​ด้วย (คน​ที่​จับ​ได้​น้อย​ที่​สุด​ก็​ได้​ไม่​ต่ำ​กว่า​พัน​กิโล​กรัม) แล้ว​เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​เอา​มา​กาง​ตาก​กัน​ทั่ว​โดย​อยู่​รอบๆ ค่าย

มก. 11:23 เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​พวก​ท่าน​ว่า ถ้า​ใคร​สั่ง​ภูเขา​นี้​ว่า ‘จง​ลอย​ลง​ทะเล​ไป’ และใจ​ไม่​สง​สัย แต่​เชื่อ​ว่า​จะ​เป็น​ไป​ตาม​ที่​สั่ง​นั้น ก็​จะ​เป็น​ไป​ตาม​นั้น​จริงๆ

บทเรียนเรื่อง พลังแห่งการเผยพระวจนะ
จุดประสงค์:
  • เพื่อให้คริสเตียนเข้าใจถึงพลังแห่งพระวจนะของพระเจ้า และการเผยพระวจนะ
  • เพื่อให้คริสเตียนเห็นความสำคัญของการสะสมพระวจนะของพระเจ้าในชีวิต
  • เพื่อให้คริสเตียนกล้าที่จะประกาศพระวจนะของพระเจ้า และการเผยพระวจนะ

บทนำ:
พระวจนะของพระเจ้ายิ่งใหญ่และทรงพลังกว่าสิ่งใดๆ ดังที่โยบได้กล่าวไว้ว่า “ข้ามิได้พรากจากพระบัญญัติแห่งไพรพระโอษฐ์ของพระองค์ ข้าสะสมพระวจนะแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์ไว้มากกว่ากฎเกณฑ์ของข้า” (โยบ 23:12) พระวจนะของพระเจ้าอยู่เหนือกาลเวลา(นิรันดร์กาล)และเป็นจริงเสมอ “พระยาห์เวห์ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ พระวจนะของพระองค์ตั้งมั่นคงในสวรรค์” (สดด. 119:89) ในบทเรียนนี้ เราจะมาเรียนรู้ถึงพลังแห่งพระวจนะของพระเจ้าและการเผยพระวจนะ ผ่านเรื่องราวของเอเสเคียล และจะมาดูกันว่าพระวจนะนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตเราและผู้อื่นได้อย่างไร

เนื้อหา:
  1. พระวจนะของพระเจ้านำชีวิต: ในเอเสเคียล 37:1-10 พระเจ้าทรงพาเอเสเคียลไปยังหุบเขากระดูกแห้ง ซึ่งเป็นภาพเปรียบเทียบถึงความสิ้นหวัง แต่พระเจ้าทรงใช้เอเสเคียลเป็นกระบอกเสียงในการเผยพระวจนะ พระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำชีวิตมาสู่สิ่งที่ตายไปแล้วได้ เช่นเดียวกัน พระวจนะของพระเจ้าสามารถนำชีวิตใหม่มาสู่จิตวิญญาณที่ตายแล้ว ธุรกิจฟื้นฟูอย่างอัศจรรย์มาสู่ะุรกิจที่วิกฤต นำความหวังมาสู่ผู้ที่สิ้นหวัง และนำการเยียวยารักษามาสู่ผู้ที่บาดเจ็บเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้
  2. การเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า: เอเสเคียลเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าอย่างไม่ลังเลใจแม้ว่าสิ่งที่พระเจ้าสั่งดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกัน การที่เรามีชีวิตที่เต็มล้นด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า เราต้องเต็มใจที่จะเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า แม้ว่าบางครั้งเราอาจไม่เข้าใจ แต่เมื่อเราเชื่อฟัง ฤทธิ์เดชของพระเจ้าจะทำงานผ่านเราอย่างน่าอัศจรรย์
  3. การประกาศพระวจนะของพระเจ้า: พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครสั่งภูเขา นี้ว่า ‘จงลอยลงทะเลไป’ และใจไม่สงสัย แต่เชื่อว่า จะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นไปตามนั้นจริงๆ” (มก. 11:23) คำพูดของเรามีพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพูดพระวจนะของพระเจ้าด้วยความเชื่อ ขอให้เรากล้าที่จะประกาศพระวจนะของพระเจ้าให้กับผู้คน เพราะเราไม่รู้ว่าพระวจนะนั้นจะสัมผัสชีวิตของพวกเขาอย่างไร
การตอบสนอง(ปฏิบัติ)
  • ให้เผยพระวจนะให้ตนเอง
  • ให้เผยพระวจนะให้คนในครอบครัว 1 คน
สรุป:
พระวจนะของพระเจ้าและการเผยพระวจนะ มีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต นำความหวัง นำการฟื้นฟู นำการอัศจรรย์ และนำการเยียวยามาให้ ขอให้เราเป็นเหมือนโยบ ที่เก็บสะสมพระวจนะของพระเจ้าไว้ในใจ และเป็นเหมือนเอเสเคียล ที่เชื่อฟังและประกาศพระวจนะของพระเจ้าอย่างกล้าหาญ


คำถามสำหรับการอภิปราย:
  • คุณเคยประสบกับพลังแห่งพระวจนะของพระเจ้าและพลังการเผยพระวจนะในชีวิตของคุณหรือไม่? อย่างไร?
  • คุณจะนำบทเรียนนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างไร?
  • คุณจะทำอย่างไรเพื่อที่จะกล้าประกาศพระวจนะของพระเจ้าและการเผยพระวจนะ ให้กับผู้อื่นมากขึ้น?


บทเรียนฝึกอบรมศิษยาภิบาล : พลังแห่งการเผยพระวจนะ
พระคัมภีร์อ้างอิง: โยบ 23:12, สดด. 119:89, อสค. 37:1-10, กดว. 11:29, มก. 11:23
เป้าหมาย:
  • เพื่อให้ศิษยาภิบาลตระหนักถึงพลังอำนาจของพระวจนะของพระเจ้า
  • เพื่อให้ศิษยาภิบาลมีความมั่นใจและกล้าหาญในการประกาศพระวจนะ
  • เพื่อให้ศิษยาภิบาลเข้าใจถึงบทบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการทำให้พระวจนะเกิดผล
โครงร่างบทเรียน:
1. การเตรียมใจ (10 นาที)
  • เริ่มต้นด้วยการอธิษฐานร่วมกัน ขอการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
  • ร้องเพลงนมัสการที่เน้นย้ำถึงพลังอำนาจของพระวจนะของพระเจ้า
  • ถามคำถามนำเข้าสู่บทเรียน เช่น
    • ท่านคิดว่าพระวจนะของพระเจ้ามีพลังอำนาจอย่างไร?
    • ท่านเคยมีประสบการณ์ที่พระวจนะของพระเจ้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านหรือไม่?
2. ศึกษาพระคัมภีร์ (20 นาที)
  • โยบ 23:12: โยบให้ความสำคัญกับพระวจนะของพระเจ้ามากกว่าอาหารของตน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในพลังอำนาจของพระวจนะ
  • สดด. 119:89: เน้นย้ำถึงความคงทนถาวรของพระวจนะ พระวจนะของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง
  • อสค. 37:1-10: เรื่องราวของหุบเขากระดูกแห้ง
    • พระเจ้าทรงเรียกเอเสเคียลให้เผยพระวจนะ
    • พลังแห่งพระวจนะทำให้กระดูกแห้งกลับมามีชีวิต
    • บทเรียนสำหรับศิษยาภิบาล: พระเจ้าทรงเรียกให้เราเผยพระวจนะ ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ก็ตาม พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นผู้ให้ชีวิต
  • กดว. 11:29: โมเสสปรารถนาให้ประชากรของพระเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะทุกคน
  • มก. 11:23: พระเยซูทรงสอนเกี่ยวกับความเชื่อและฤทธิ์อำนาจในการอธิษฐาน พระวจนะของพระเจ้าและความเชื่อทำงานร่วมกัน
3. การประยุกต์ใช้ (15 นาที)
  • แบ่งปันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
    • พระคัมภีร์ตอนใดที่ท้าทายท่านมากที่สุด
    • ท่านจะนำหลักการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการเป็นศิษยาภิบาลอย่างไร?
  • อภิปรายร่วมกันทั้งกลุ่ม
4. การตอบสนองและบทสรุป (15 นาที)
  • ให้ศิษยาภิบาลแต่ละท่านตั้งปณิธานส่วนตัวในการศึกษาและประกาศพระวจนะของพระเจ้า
  • อธิษฐานเผื่อศิษยาภิบาลแต่ละท่าน ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้พวกเขากล้าหาญในการประกาศพระวจนะ
กิจกรรมเสริม:
  • ให้ศิษยาภิบาลเตรียมคำเทศนาสั้นๆ โดยใช้เรื่องราวจากเอเสเคียล 37:1-10
  • ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับฤทธิ์อำนาจของพระวจนะของพระเจ้า
ข้อคิด:
บทเรียนนี้มุ่งเน้นให้ศิษยาภิบาลตระหนักถึงความสำคัญของพระวจนะของพระเจ้า พระวจนะมีพลังอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต ศิษยาภิบาลต้องมีชีวิตที่ยึดมั่นในพระวจนะ และประกาศออกไปด้วยความเชื่อมั่นในพระวิญญาณบริสุทธิ์