โยบ 23:12 ข้ามิได้พรากจากพระบัญญัติแห่งไพรพระโอษฐ์ของพระองค์ ข้าสะสมพระวจนะแห่งพระโอษฐ์ของพระองค์ไว้มากกว่ากฎเกณฑ์ของข้า
สดด. 119:89 พระยาห์เวห์ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ พระวจนะของพระองค์ตั้งมั่นคงในสวรรค์
อสค. 37:1 พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์มาอยู่เหนือข้าพเจ้า แล้วพระองค์ทรงนำข้าพเจ้าออกมาด้วยพระวิญญาณของพระยาห์เวห์ แล้ววางข้าพเจ้าไว้กลางหุบเขาที่มีกระดูกเต็มไปหมด
อสค. 37:2 พระองค์ทรงพาข้าพเจ้าไปรอบๆ กระดูกเหล่านั้น ดูสิ มีกระดูกมากมายเหลือเกินบนพื้นหุบเขา และนี่แน่ะ เป็นกระดูกแห้งมากๆ
อสค. 37:3 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้จะมีชีวิตได้ไหม?” และข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย พระองค์ทรงทราบอยู่แล้ว”
อสค. 37:4 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า “จงเผยพระวจนะต่อกระดูกเหล่านี้ และกล่าวกับพวกมันว่า กระดูกแห้งเอ๋ย จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์”
อสค. 37:5 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แก่กระดูกเหล่านี้ว่า “ดูสิ เราจะนำลมหายใจเข้าไปในพวกเจ้า และเจ้าจะมีชีวิต
อสค. 37:6 เราจะใส่เส้นเอ็นไว้บนพวกเจ้าและจะทำให้มีเนื้อขึ้นมาบนเจ้า และเอาหนังหุ้มเจ้า และบรรจุลมหายใจในเจ้า แล้วเจ้าจะมีชีวิต แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์”
อสค. 37:7 ข้าพเจ้าก็เผยพระวจนะตามที่ข้าพเจ้าได้รับพระบัญชา และเมื่อข้าพเจ้าเผยพระวจนะอยู่นั้นก็มีเสียง และดูสิ เป็นเสียงสั่นรัว พวกกระดูกนั้นเข้ามาหากัน กระดูกกับกระดูก
อสค. 37:8 และเมื่อข้าพเจ้ามองดูก็เห็นมีเอ็นบนพวกมัน เนื้อก็ขึ้นมาบนกระดูก และหนังก็มาหุ้มมันไว้ แต่ไม่มีลมหายใจในนั้น
อสค. 37:9 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเผยพระวจนะแก่ลมหายใจ บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะเถิด จงกล่าวกับลมหายใจว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ลมหายใจเอ๋ย จงมาจากลมทั้งสี่ มาหายใจเข้าไปในคนที่ถูกฆ่าพวกนี้เพื่อให้เขามีชีวิต”
อสค. 37:10 แล้วข้าพเจ้าก็เผยพระวจนะตามที่พระองค์ทรงบัญชาข้าพเจ้า และลมหายใจก็เข้ามาในร่างเหล่านั้น พวกเขาก็มีชีวิต แล้วก็ยืนขึ้นด้วยเท้าเป็นกองทัพใหญ่โตมากจริงๆ
กดว. 11:24 โมเสสก็ออกไปบอกประชาชน ถึงพระดำรัสของพระยาห์เวห์ และท่านรวบรวมพวกผู้ใหญ่ในประชาชนเจ็ดสิบคน แล้วให้พวกเขามายืนรอบๆ เต็นท์
กดว. 11:25 และพระยาห์เวห์เสด็จลงมาในเมฆและตรัสกับโมเสส แล้วทรงเอาจากวิญญาณที่มีอยู่บนโมเสสใส่บนพวกผู้ใหญ่เจ็ดสิบคนนั้นด้วย เมื่อวิญญาณมาอยู่บนเขาทั้งหลายแล้ว เขาทั้งหลายก็เผยพระวจนะ แต่ก็ไม่ได้ทำอีกเลย
กดว. 11:26 มีสองคนที่ยังอยู่ในค่าย คนหนึ่งชื่อเอลดาด อีกคนหนึ่งชื่อเมดาด และวิญญาณมาอยู่บนเขาทั้งสอง (เขาทั้งสองอยู่ในกลุ่มคนที่ถูกจดชื่อไว้แต่ไม่ได้มาที่เต็นท์) และเขาทั้งสองก็เผยพระวจนะในค่าย
กดว. 11:27 มีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาบอกโมเสสว่า “เอลดาดและเมดาดกำลังเผยพระวจนะอยู่ในค่าย”
กดว. 11:28 และโยชูวาบุตรนูนซึ่งเป็นผู้รับใช้ของโมเสสตั้งแต่หนุ่มๆ กล่าวว่า “โมเสสเจ้านายของข้าพเจ้า โปรดห้ามเขาทั้งสองด้วย”
กดว. 11:29 แต่โมเสสบอกเขาว่า “ท่านเจ็บร้อนแทนข้าพเจ้าหรือ? ข้าพเจ้าอยากให้ประชาชนของพระยาห์เวห์เป็นผู้เผยพระวจนะทุกคน และข้าพเจ้าอยากให้พระยาห์เวห์ทรงใส่วิญญาณของพระองค์ไว้บนพวกเขา”
กดว. 11:30 โมเสสและพวกผู้ใหญ่ของคนอิสราเอลก็กลับไปที่ค่าย
กดว. 11:31 แล้วมีลมมาจากพระยาห์เวห์พัดพาฝูงนกคุ่มจากทะเลมาตกอยู่ที่ข้างค่ายโดยอยู่รอบๆ ทั้งค่าย อยู่ห่างออกไปจากค่ายเป็นระยะทางเดินหนึ่งวัน และอยู่สูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งเมตร
กดว. 11:32 วันนั้นประชาชนก็เที่ยวจับนกคุ่มกันทั้งวันทั้งคืน และตลอดวันถัดมาด้วย (คนที่จับได้น้อยที่สุดก็ได้ไม่ต่ำกว่าพันกิโลกรัม) แล้วเขาทั้งหลายก็เอามากางตากกันทั่วโดยอยู่รอบๆ ค่าย
มก. 11:23 เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงลอยลงทะเลไป’ และใจไม่สงสัย แต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นไปตามนั้นจริงๆ
เพื่อให้คริสเตียนเข้าใจถึงพลังแห่งพระวจนะของพระเจ้า และ การเผยพระวจนะเพื่อให้คริสเตียนเห็นความสำคัญของการสะสมพระวจนะของพระเจ้าในชีวิต เพื่อให้คริสเตียนกล้าที่จะประกาศพระวจนะของพระเจ้า และ การเผยพระวจนะ
พระวจนะของพระเจ้านำชีวิต : ในเอเสเคียล 37:1-10 พระเจ้าทรงพาเอเสเคียลไปยังหุบเขากระดูกแห้ง ซึ่งเป็นภาพเปรียบเทียบถึงความสิ้นหวัง แต่พระเจ้าทรงใช้เอเสเคียลเป็นกระบอกเสียงในการเผยพระวจนะ พระวจนะของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถนำชีวิตมาสู่สิ่งที่ตายไปแล้วได้ เช่นเดียวกัน พระวจนะของพระเจ้าสามารถนำชีวิตใหม่มาสู่จิตวิญญาณที่ตายแล้ว ธุรกิจฟื้นฟูอย่างอัศจรรย์มาสู่ะุรกิจที่วิกฤต นำความหวังมาสู่ผู้ที่สิ้นหวัง และนำการเยียวยารักษามาสู่ผู้ที่บาดเจ็บเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้การเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า : เอเสเคียลเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าอย่างไม่ลังเลใจแม้ว่าสิ่งที่พระเจ้าสั่งดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกัน การที่เรามีชีวิตที่เต็มล้นด้วยฤทธิ์เดชของพระเจ้า เราต้องเต็มใจที่จะเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า แม้ว่าบางครั้งเราอาจไม่เข้าใจ แต่เมื่อเราเชื่อฟัง ฤทธิ์เดชของพระเจ้าจะทำงานผ่านเราอย่างน่าอัศจรรย์การประกาศพระวจนะของพระเจ้า : พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครสั่งภูเขา นี้ว่า ‘จงลอยลงทะเลไป’ และใจไม่สงสัย แต่เชื่อว่า จะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นไปตามนั้นจริงๆ” (มก. 11:23) คำพูดของเรามีพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพูดพระวจนะของพระเจ้าด้วยความเชื่อ ขอให้เรากล้าที่จะประกาศพระวจนะของพระเจ้าให้กับผู้คน เพราะเราไม่รู้ว่าพระวจนะนั้นจะสัมผัสชีวิตของพวกเขาอย่างไร
ให้เผยพระวจนะให้ตนเอง ให้เผยพระวจนะให้คนในครอบครัว 1 คน
คุณเคยประสบกับพลังแห่งพระวจนะของพระเจ้า และพลัง การเผยพระวจนะในชีวิตของคุณหรือไม่? อย่างไร?คุณจะนำบทเรียนนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างไร? คุณจะทำอย่างไรเพื่อที่จะกล้าประกาศพระวจนะของพระเจ้า และ การเผยพระวจนะ ให้กับผู้อื่นมากขึ้น?
เพื่อให้ศิษยาภิบาลตระหนักถึงพลังอำนาจของพระวจนะของพระเจ้า เพื่อให้ศิษยาภิบาลมีความมั่นใจและกล้าหาญในการประกาศพระวจนะ เพื่อให้ศิษยาภิบาลเข้าใจถึงบทบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการทำให้พระวจนะเกิดผล
เริ่มต้นด้วยการอธิษฐานร่วมกัน ขอการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ร้องเพลงนมัสการที่เน้นย้ำถึงพลังอำนาจของพระวจนะของพระเจ้า ถามคำถามนำเข้าสู่บทเรียน เช่น ท่านคิดว่าพระวจนะของพระเจ้ามีพลังอำนาจอย่างไร? ท่านเคยมีประสบการณ์ที่พระวจนะของพระเจ้าเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านหรือไม่?
โยบ 23:12: โยบให้ความสำคัญกับพระวจนะของพระเจ้ามากกว่าอาหารของตน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในพลังอำนาจของพระวจนะสดด. 119:89: เน้นย้ำถึงความคงทนถาวรของพระวจนะ พระวจนะของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลงอสค. 37:1-10: เรื่องราวของหุบเขากระดูกแห้งพระเจ้าทรงเรียกเอเสเคียลให้เผยพระวจนะ พลังแห่งพระวจนะทำให้กระดูกแห้งกลับมามีชีวิต บทเรียนสำหรับศิษยาภิบาล: พระเจ้าทรงเรียกให้เราเผยพระวจนะ ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ก็ตาม พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นผู้ให้ชีวิต
กดว. 11:29: โมเสสปรารถนาให้ประชากรของพระเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะทุกคนมก. 11:23: พระเยซูทรงสอนเกี่ยวกับความเชื่อและฤทธิ์อำนาจในการอธิษฐาน พระวจนะของพระเจ้าและความเชื่อทำงานร่วมกัน
แบ่งปันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ พระคัมภีร์ตอนใดที่ท้าทายท่านมากที่สุด ท่านจะนำหลักการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการเป็นศิษยาภิบาลอย่างไร?
อภิปรายร่วมกันทั้งกลุ่ม
ให้ศิษยาภิบาลแต่ละท่านตั้งปณิธานส่วนตัวในการศึกษาและประกาศพระวจนะของพระเจ้า อธิษฐานเผื่อศิษยาภิบาลแต่ละท่าน ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้พวกเขากล้าหาญในการประกาศพระวจนะ
ให้ศิษยาภิบาลเตรียมคำเทศนาสั้นๆ โดยใช้เรื่องราวจากเอเสเคียล 37:1-10 ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับฤทธิ์อำนาจของพระวจนะของพระเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น