มธ. 3:6 สารภาพบาปของพวกเขา และรับบัพติศมาจากท่านในแม่น้ำจอร์แดน
มธ. 3:9 อย่าทึกทักว่าตัวเองมีอับราฮัมเป็นบรรพบุรุษ เพราะข้าพเจ้าบอกพวกท่านว่า พระเจ้าทรงสามารถให้บุตรแก่อับราฮัมจากก้อนหินเหล่านี้ได้
(ประเด็นสำคัญ:
ความรอดไม่ได้มาจากชาติกำเนิด: พระเยซูกำลังท้าทายความเชื่อของชาวยิวในสมัยนั้นที่คิดว่าเพียงแค่เป็นลูกหลานของอับราฮัมก็รับประกันความรอดแล้ว ข้อนี้เน้นย้ำว่าความรอดมาจากความเชื่อและการเชื่อฟังพระเจ้า ไม่ใช่ชาติกำเนิดหรือเชื้อชาติ
อำนาจของพระเจ้า: พระเยซูทรงเปรียบเทียบความเป็นไปไม่ได้ที่หินจะกลายเป็นลูกหลานของอับราฮัมกับอำนาจของพระเจ้าที่สามารถทำทุกสิ่งได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงจิตใจของมนุษย์
คำเตือน: สำหรับผู้ที่เชื่อว่าตนเองรอดเพียงเพราะชาติกำเนิดหรือศาสนา พระเยซูทรงกระตุ้นให้ผู้คนกลับใจและแสวงหาความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับพระเจ้า)
มธ. 3:10 บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว และทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องถูกตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ
(ประเด็นสำคัญดังนี้:
การพิพากษาที่ใกล้เข้ามา: "ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว" เป็นภาพเปรียบเทียบที่สื่อถึงการพิพากษาของพระเจ้าที่ใกล้เข้ามาและหลีกเลี่ยงไม่ได้
มาตรฐานของพระเจ้า: พระเจ้าทรงคาดหวังให้ผู้คน "เกิดผลดี" ซึ่งหมายถึงการดำเนินชีวิตที่แสดงออกถึงการกลับใจใหม่ การเชื่อฟังพระเจ้า และการทำความดี
ผลของการไม่เกิดผล: "ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะถูกตัดทิ้ง และโยนลงในกองไฟ" เป็นภาพเปรียบเทียบที่รุนแรงของการพิพากษาและการถูกแยกออกจากพระเจ้าสำหรับผู้ที่ไม่กลับใจและเชื่อฟังพระองค์
จึงเป็นคำเตือนที่ตรงไปตรงมาถึงผลของการใช้ชีวิตที่ไม่สนใจพระเจ้า และเป็นการเรียกร้องให้กลับใจใหม่และดำเนินชีวิตที่เกิดผลดีตามน้ำประสงค์ของพระองค์)
มธ. 3:11 ข้าพเจ้าให้ท่านรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงยิ่งใหญ่กว่าข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
(ประเด็นสำคัญบางประการ:
การเปรียบเทียบพันธกิจ: ยอห์นผู้ให้บัพติศมา ผู้พูดในข้อนี้ รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระเยซูที่เหนือกว่าตัวเขา เขาเปรียบเทียบพันธกิจของเขากับของพระเยซู โดยเน้นว่าการล้างบาปของเขาเป็นเพียงสัญลักษณ์ภายนอก ในขณะที่พระเยซูจะทรงนำการเปลี่ยนแปลงภายในที่แท้จริงมาสู่จิตวิญญาณ
การกลับใจใหม่เป็นพื้นฐาน: แม้การล้างบาปของยอห์นจะเป็นเพียงน้ำ แต่มันก็เป็นการเรียกร้องให้ผู้คนกลับใจ เตรียมใจให้พร้อมรับพระเมสสิยาห์ นี่แสดงให้เห็นว่าการกลับใจเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเดินทางฝ่ายวิญญาณ
ฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์: พระเยซูทรงนำสิ่งใหม่มา คือการรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่ไม่ใช่แค่พิธีกรรม แต่เป็นการเติมเต็มด้วยฤทธิ์อำนาจ การชำระ และการเสริมพลังจากพระเจ้า เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิต นำพาชีวิตใหม่และความสามารถในการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์
ไฟแห่งการชำระ: ภาพลักษณ์ของ "ไฟ" บ่งบอกถึงการชำระล้าง การเผาผลาญสิ่งสกปรก พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เพียงแต่เติมเต็ม แต่ยังชำระเรา ขัดเกลาเรา และทำให้เราบริสุทธิ์
สรุป มัทธิว 3:11 ชี้ไปที่การเปลี่ยนแปลงจากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ จากการกลับใจภายนอกสู่การเปลี่ยนแปลงภายในโดยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้อนี้ท้าทายให้เรามองหาประสบการณ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพระเจ้า ประสบการณ์ที่เติมเต็ม ชำระล้าง และเสริมพลังเราให้ดำเนินชีวิตในแบบที่พระองค์ทรงประสงค์)
มธ. 3:12 พระองค์ทรงถือพลั่วอยู่ในพระหัตถ์แล้ว และจะทรงชำระลานข้าวของพระองค์ให้ทั่ว พระองค์จะทรงรวบรวมเมล็ดข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่มีวันดับ”
(ประเด็นสำคัญ คือ:
การพิพากษาที่กำลังจะมาถึง: พระเยซูกำลังตรัสถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา
การแบ่งแยก: จะมีการแบ่งแยกผู้เชื่อที่ชอบธรรม ("ข้าว") ออกจากผู้ไม่เชื่อ ("แกลบ")
นิรันดร์: ผู้เชื่อจะได้รับรางวัล ("รวบรวมไว้ในยุ้งฉาง") ในขณะที่ผู้ไม่เชื่อจะถูกลงโทษ ("เผาด้วยไฟ")
ความรุนแรงของการพิพากษา: ภาพของ "ไฟที่ไม่รู้ดับ" เน้นย้ำถึงความรุนแรงและความเป็นนิรันดร์ของการพิพากษาของพระเจ้า
เตือนสติที่หนักแน่นถึงความสำคัญของการกลับใจและการดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า)
มธ. 3:13 แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลี มาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดนเพื่อทรงรับบัพติศมาจากท่าน
(ประเด็นสำคัญที่สามารถสรุปได้คือ:
พระเยซูทรงเข้ารับบัพติศมา: แม้ว่าพระองค์จะปราศจากบาป แต่พระเยซูก็ยังทรงเลือกที่จะรับบัพติศมาจากยอห์น นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึง:**
การเชื่อฟังต่อพระประสงค์ของพระเจ้า: พระเยซูทรงประสงค์ที่จะทำตามน้ำพระทัยพระบิดาของพระองค์ทุกประการ
การเริ่มต้นพันธกิจของพระองค์: การรับบัพติศมาเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นพันธกิจสาธารณะของพระเยซูบนโลก
การเป็นแบบอย่างสำหรับผู้เชื่อ: พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างให้เราเดินตามรอยพระบาทของพระองค์และรับบัพติศมาเช่นกัน
พิธีการเจิมปุโรหิต จากเลวีนิติ
บทบาทของยอห์น: ยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้รับการเตรียมไว้โดยพระเจ้าเพื่อเตรียมทางสำหรับการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์
ความสำคัญของสถานที่: แม่น้ำจอร์แดนเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาสำหรับชาวอิสราเอล การรับบัพติศมาของพระเยซูที่นั่นยิ่งเพิ่มความหมายทางจิตวิญญาณ
โดยสรุป มัทธิว 3:13 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่สำคัญที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรับบัพติศมา การเชื่อฟังต่อพระเจ้า ทิ้งชีวิตเก่า และการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพระคริสต์)
มธ. 3:14 แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?”
(ยอห์นผู้ให้บัพติสมาปฏิเสธที่จะให้บัพติศมาพระเยซู ยอห์นกล่าวว่าพระเยซูต่างหากที่ควรจะให้บัพติศมาเขา
ประเด็นสำคัญใน มัทธิว 3:14
ความสุภาพถ่อมตนของพระเยซู: แม้ว่าพระเยซูจะทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่พระองค์ก็ยังคงทรงสุภาพถ่อมตนและยอมทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา
บทบาทของยอห์น: ยอห์นรับรู้ถึงบทบาทของตนเองว่าเป็นผู้เตรียมทางสำหรับพระเมสสิยาห์
ความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูและยอห์น: ยอห์นยอมรับว่าพระเยซูทรงมีอำนาจเหนือกว่าเขา และยอมเชื่อฟังพระเยซูคริสต์)
มธ. 3:15 แต่พระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า “บัดนี้จงยอมเถิด เพราะสมควรที่พวกเราจะทำความชอบธรรมให้ครบถ้วนทุกประการ” แล้วยอห์นก็ยอม
(ประเด็นสำคัญที่พบในข้อนี้คือ:
การเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้า: พระเยซูทรงแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย
ความสำคัญของบัพติศมา: พระเยซูทรงมองว่าบัพติศมาเป็นพิธีกรรมที่สำคัญ
การเป็นแบบอย่าง: พระเยซูทรงวางแบบอย่างให้เราทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าและเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์)
มธ. 3:16 เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้วก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และในทันใดนั้นฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกพิราบสถิตบนพระองค์
(ประเด็นสำคัญ:
การเสด็จลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์: ข้อนี้แสดงให้เห็นถึงการเสด็จลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์สู่พระเยซูอย่างชัดเจนหลังจากที่พระองค์รับบัพติสมา ซึ่งเป็นการเจิมและเตรียมพระองค์สำหรับพันธกิจ
สัญลักษณ์ของนกพิราบ: พระวิญญาณบริสุทธิ์ปรากฏในรูปของนกพิราบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ สุภาพ ความบริสุทธิ์ สันติสุข และพระคุณของพระเจ้า
การเริ่มต้นพันธกิจของพระเยซู: เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของพันธกิจสาธารณะของพระเยซูบนโลก
ความสัมพันธ์ระหว่างพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์: ข้อนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันศักดิ์สิทธิ์ระหว่างพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ("ฟ้าสวรรค์เปิดออก" บ่งบอกถึงพระบิดา, "พระวิญญาณของพระเจ้า" บ่งบอกถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ และ "พระองค์" บ่งบอกถึงพระเยซู))
มธ. 3:17 และนี่แน่ะ มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”
(ประเด็นสำคัญบางประการจากข้อพระคัมภีร์นี้:
การยืนยันถึงฐานะของพระเยซู: เสียงจากสวรรค์ยืนยันว่าพระเยซูไม่ใช่แค่ผู้เผยพระวจนะธรรมดา แต่ทรงเป็น "บุตร" ของพระเจ้า ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและพิเศษ
การเริ่มต้นพันธกิจของพระเยซู: เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นพันธกิจสาธารณะของพระเยซูบนโลก
ความรักของพระเจ้าต่อพระเยซู: ถ้อยคำที่ว่า "เราชอบใจท่านมาก" แสดงให้เห็นถึงความรักและความโปรดปรานอันลึกซึ้งที่พระเจ้าทรงมีต่อพระเยซู)
ยน. 3:5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าใครไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ คนนั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้
(ประเด็นสำคัญ คือ:
การบังเกิดใหม่: พระเยซูทรงเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการ "บังเกิดใหม่" เพื่อเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า การบังเกิดใหม่นี้ไม่ใช่การเกิดทางร่างกาย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงฝ่ายวิญญาณ
น้ำและพระวิญญาณ: พระเยซูทรงใช้ภาพพจน์ของ "น้ำ" และ "พระวิญญาณ" นักวิชาการตีความแตกต่างกันไป บางคนมองว่า "น้ำ" หมายถึง การรับบัพติศมา ส่วน "พระวิญญาณ" หมายถึง พระวิญญาณบริสุทธิ์ ในขณะที่บางคนตีความว่าทั้งสองอย่างนี้เป็นสัญลักษณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์
เงื่อนไขสำหรับการเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า: พระเยซูทรงระบุชัดเจนว่า การบังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า
ความรอดและการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่เกิดขึ้นผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์)
2 โครินธ์ 8:9 THSV11 “เพราะว่าท่านทั้งหลายรู้จักพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้วว่า แม้พระองค์ทรงมั่งคั่ง ก็ยังทรงยอมเป็นคนยากจนเพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนมั่งคั่ง เนื่องจากความยากจนของพระองค์” (สรุปประเด็นสำคัญ:
เน้นถึง ความรักและการเสียสละของพระเยซูคริสต์ ที่ทรงสละสวรรค์และความมั่งคั่งเพื่อมาเกิดเป็นมนุษย์และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปของมนุษย์
วลี "โดยความยากจนของพระองค์ ท่านจะได้เป็นคนมั่งคั่ง" หมายถึง ความร่ำรวยฝ่ายวิญญาณ ที่เรามีได้ผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ร่ำรวยในด้านวัตถุ
ข้อนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ คริสเตียนดำเนินชีวิตอย่างถ่อมตน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเสียสละ เหมือนแบบอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงแสดงไว้)
มธ. 3:16 เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้วก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และในทันใดนั้นฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกพิราบสถิตบนพระองค์
มก. 1:5 คนทั้งแคว้นยูเดียกับคนทั้งกรุงเยรูซาเล็มพากันออกไปหายอห์น สารภาพความผิดบาปของพวกเขา และรับบัพติศมาจากท่านในแม่น้ำจอร์แดน
มก. 1:8 ข้าพเจ้าให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่พระองค์จะทรงให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
มก. 1:9 ในเวลานั้นพระเยซูเสด็จมาจากเมืองนาซาเร็ธแคว้นกาลิลี และทรงรับบัพติศมาจากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดน
ลก. 3:3 ยอห์นจึงไปทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ประกาศให้คนกลับใจใหม่และรับบัพติศมาเพื่อให้พระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาป
ลก. 3:16 ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่จะมีพระองค์หนึ่งเสด็จมา ทรงยิ่งใหญ่กว่าข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะแก้สายฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
ยน. 3:23 ยอห์นก็ให้บัพติศมาอยู่ที่อายโนนใกล้หมู่บ้านสาลิม เพราะที่นั่นมีน้ำมาก และคนทั้งหลายก็พากันมารับบัพติศมา
กจ. 1:5 นั่นก็คือยอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่อีกไม่นานพวกท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์”
กจ. 2:38 เปโตรจึงกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ให้หมดทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านทั้งหลาย แล้วพวกท่านจะได้รับของประทานคือพระวิญญาณบริสุทธิ์
กจ. 8:12 แต่เมื่อฟีลิปประกาศข่าวประเสริฐเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้าและพระนามของพระเยซูคริสต์แล้ว คนทั้งหลายก็เชื่อและรับบัพติศมาทั้งชายและหญิง
กจ. 8:16 เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่ได้เสด็จลงมาสถิตกับใคร พวกเขาเพียงแต่ได้รับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น
กจ. 8:36 ขณะกำลังเดินทางไปก็มาถึงที่ที่มีน้ำแห่งหนึ่ง ขันทีจึงบอกว่า “นี่แน่ะ ที่นี่มีน้ำ มีอะไรขัดข้องไม่ให้ข้าพเจ้ารับบัพติศมา”
กจ. 8:38 แล้วท่านจึงสั่งให้หยุดรถ คนทั้งสองก็ลงไปในน้ำทั้งฟีลิปกับขันที ฟีลิปให้ท่านรับบัพติศมา
กจ. 10:47 “ใครจะห้ามคนเหล่านี้ที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนเราจากการรับบัพติศมาด้วยน้ำ?”
กจ. 10:48 เปโตรจึงสั่งให้เขาทั้งหลายรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ แล้วพวกเขาขอให้เปโตรพักอยู่กับพวกเขาอีกสักระยะหนึ่ง
กจ. 11:16 แล้วข้าพเจ้าก็ระลึกถึงพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่พระองค์ตรัสไว้ว่า ‘ยอห์นให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่พวกท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์’
กจ. 16:15 เมื่อหญิงคนนั้นกับครัวเรือนของนางได้รับบัพติศมาแล้ว จึงอ้อนวอนเราว่า “ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็ขอเชิญเข้ามาพักอาศัยในบ้านของข้าพเจ้าเถิด” และนางก็ได้วิงวอนจนเราขัดไม่ได้
กจ. 16:33 ในชั่วโมงเดียวกันของคืนนั้นเอง นายคุกพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่ถูกเฆี่ยน และนายคุกก็รับบัพติศมาทันทีพร้อมกับทุกคนในครัวเรือนของเขา
กจ. 18:8 คริสปัสนายธรรมศาลากับทั้งครัวเรือนของท่านก็มาเชื่อถือในองค์พระผู้เป็นเจ้า และชาวโครินธ์หลายคนเมื่อฟังเปาโลแล้วก็เชื่อถือและรับบัพติศมา
กจ. 19:5 เมื่อได้ยินอย่างนั้น พวกเขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า
กจ. 22:16 บัดนี้ท่านจะชักช้ารออยู่ทำไม? จงลุกขึ้นรับบัพติศมา รับการชำระบาปของท่าน โดยร้องทูลออกพระนามของพระองค์’
1คร. 1:13 พระคริสต์แบ่งออกเป็นหลายองค์แล้วหรือ? เปาโลถูกตรึงเพื่อท่านทั้งหลายหรือ? ท่านได้รับบัพติศมาในนามของเปาโลหรือ?
1คร. 1:15 ดังนั้น จึงไม่มีผู้ใดกล่าวได้ว่าเขาได้รับบัพติศมาในนามของข้าพเจ้า
1คร. 12:13 เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นยิวหรือกรีก ทาสหรือเสรีชน เราได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นเหมือนน้ำที่ประทานให้เราทุกคนได้ดื่ม