ลาซารัส ผู้ที่พระองค์ทรงให้เป็นขึ้นจากความตาย
ลก. 10:38 เมื่อพระเยซูกับพวกสาวกเดินทางไป พระองค์ทรงเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อมารธาต้อนรับพระองค์เข้าไปพักที่บ้านของนาง
ลก. 10:39 มารธามีน้องสาวชื่อมารีย์ และมารีย์ก็นั่งอยู่ใกล้พระบาทของพระเยซูคอยฟังถ้อยคำของพระองค์
ลก. 10:40 แต่มารธาวุ่นวายอย่างมากกับการปรนนิบัติ จึงมาทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวของข้าพระองค์ปล่อยให้ข้าพระองค์ปรนนิบัติอยู่คนเดียว? ขอพระองค์สั่งน้องให้มาช่วยข้าพระองค์ด้วย”
ลก. 10:41 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบนางว่า “มารธา มารธาเอ๋ย เธอกระวนกระวายและร้อนใจหลายอย่างเหลือเกิน
ลก. 10:42 สิ่งที่จำเป็นนั้นมีเพียงสิ่งเดียว และมารีย์ก็เลือกเอาส่วนที่ดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้”(ยอห์น 4:34 THSV11 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “อาหารของเราคือการทำตามพระประสงค์ของผู้ที่ทรงใช้เรามาและทำให้งานของพระองค์สำเร็จ
ยอห์น 6:35 THSV11 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย)
(มธ. 26:6 ในระหว่างที่พระเยซูประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานีในบ้านของซีโมนคนเคยเป็นโรคเรื้อน
มธ. 26:7 มีหญิงคนหนึ่งถือขวดน้ำมันหอมราคาแพงมากมาหาพระองค์ แล้วเทน้ำมันนั้นบนพระเศียรของพระองค์ขณะพระองค์ประทับและเสวยอาหาร
มธ. 26:8 เมื่อสาวกทั้งหลายของพระองค์เห็นก็ไม่พอใจ จึงพูดว่า “ทำไมต้องสิ้นเปลืองอย่างนี้?
มธ. 26:9 น้ำมันหอมนี้ถ้าขายก็ได้เงินจำนวนมาก แล้วเอาไปแจกคนยากจนได้”
มธ. 26:10 พระเยซูทรงทราบจึงตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “กวนใจหญิงคนนี้ทำไม? นางได้ทำความดีต่อเรา
มธ. 26:11 เพราะว่าคนยากจนมีอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอ แต่เราไม่ได้อยู่กับท่านเสมอไป
มธ. 26:12 การที่หญิงนี้เทน้ำมันหอมบนกายเราก็เพื่อเตรียมการฝังศพของเรา
มธ. 26:13 เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า สิ่งที่หญิงคนนี้ทำจะถูกกล่าวขวัญถึงทั่วโลกที่มีการประกาศข่าวประเสริฐนี้ เพื่อเป็นการระลึกถึงนาง”)
********************************
ยน. 11:11 พระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้วจึงตรัสกับพวกเขาว่า “ลาซารัสสหายของพวกเราหลับไปแล้ว แต่เรากำลังจะไปปลุกให้เขาตื่น”
ยน. 11:12 พวกสาวกทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าเขาหลับอยู่ เขาก็จะมีอาการดีขึ้น”
ยน. 11:13 พระเยซูตรัสถึงการตายของลาซารัส แต่พวกสาวกคิดว่าพระองค์ตรัสถึงการนอนหลับพักผ่อน
ยน. 11:14 ดังนั้นพระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาตรงๆ ว่า “ลาซารัสตายแล้ว
ยน. 11:15 และเพราะเห็นแก่พวกท่านเราจึงยินดีที่เราไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อท่านจะได้เชื่อ อย่างไรก็ดี ให้พวกเราไปหาเขากันเถิด”
ยน. 11:16 โธมัสที่เรียกว่า “ดิดุโมส” จึงพูดกับเพื่อนสาวกว่า “ให้เราไปด้วยกันกับพระองค์เพื่อจะได้ตายกับพระองค์”
ยน. 11:17 เมื่อพระเยซูเสด็จมาถึงก็พบว่าเขาเอาลาซารัสไปไว้ในอุโมงค์ฝังศพสี่วันแล้ว
ยน. 11:18 หมู่บ้านเบธานีอยู่ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม คือห่างกันประมาณสามกิโลเมตร
ยน. 11:19 พวกยิวหลายคนมาหามารธาและมารีย์เพื่อปลอบโยนเรื่องน้องชาย
ยน. 11:20 เมื่อมารธารู้ข่าวว่าพระเยซูกำลังเสด็จมา นางก็ออกไปต้อนรับพระองค์ แต่มารีย์นั่งอยู่ในบ้าน
ยน. 11:21 มารธาทูลพระเยซูว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตาย
ยน. 11:22 แต่ข้าพระองค์ก็ทราบว่าไม่ว่าสิ่งใดที่พระองค์ทูลขอจากพระเจ้าในเวลานี้ พระเจ้าก็จะประทานแก่พระองค์”
ยน. 11:23 พระเยซูตรัสกับนางว่า “ลาซารัสจะเป็นขึ้นมาอีก”
ยน. 11:24 มารธาทูลพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ทราบว่าเขาจะเป็นขึ้นในวันสุดท้ายเมื่อคนทั้งปวงจะเป็นขึ้นมา”
ยน. 11:25 พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย คนที่วางใจในเราจะมีชีวิตอีกแม้ว่าเขาจะตายไป
ยน. 11:26 และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เธอเชื่ออย่างนี้ไหม?”
ยน. 11:27 มารธาทูลพระองค์ว่า “เชื่อ องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์เชื่อว่าพระองค์เป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าที่เสด็จมาในโลก”
มธ. 16:15 แล้วพระองค์ตรัสถามเขาทั้งหลายว่า “แล้วพวกท่านว่าเราเป็นใคร?” มธ. 16:16 ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์เป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” มธ. 16:17 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ซีโมนบุตรโยนาห์เอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะมนุษย์ไม่ได้เปิดเผยเรื่องนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผยให้ทราบ มธ. 16:18 เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้ มธ. 16:19 เราจะมอบลูกกุญแจต่างๆ แห่งแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน สิ่งใดที่ท่านกล่าวห้ามในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ และสิ่งใดที่ท่านกล่าวอนุญาตในโลก สิ่งนั้นก็จะได้รับอนุญาตในสวรรค์” |
ยน. 11:28 เมื่อทูลอย่างนี้แล้ว มารธาก็กลับไปเรียกมารีย์น้องสาว กระซิบว่า “อาจารย์เสด็จมาแล้วและทรงเรียกเธอ”
ยน. 11:29 เมื่อมารีย์ได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นไปเฝ้าพระองค์
ยน. 11:30 ขณะนั้นพระเยซูยังไม่ได้เสด็จเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ยังอยู่ที่ที่มารธาพบพระองค์นั้น
ยน. 11:31 เมื่อพวกยิวกำลังปลอบโยนมารีย์อยู่ที่บ้าน พวกเขาเห็นมารีย์รีบลุกขึ้นเดินออกไป พวกเขาจึงตามไป นึกว่านางจะไปร้องไห้ที่อุโมงค์ฝังศพ
ยน. 11:32 เมื่อมารีย์มาถึงที่ที่พระเยซูประทับอยู่และเห็นพระองค์แล้ว จึงกราบลงที่พระบาทของพระองค์ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตาย”
ยน. 11:33 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารีย์ร้องไห้ และพวกยิวที่ตามมาก็ร้องไห้ด้วย พระองค์สะเทือนพระทัยและทรงเป็นทุกข์
ยน. 11:34 พระองค์ตรัสว่า “พวกท่านเอาศพของเขาไปไว้ที่ไหน?” พวกเขาทูลพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า เชิญมาดูเถิด”
ยน. 11:35 พระเยซูทรงกันแสง
ยน. 11:36 พวกยิวจึงกล่าวว่า “ดูสิว่าท่านรักเขาเพียงไร”
ยน. 11:37 แต่บางคนก็พูดว่า “ท่านผู้นี้ทำให้คนตาบอดมองเห็น จะทำให้คนนี้ไม่ตายไม่ได้หรือ?”
ยน. 11:38 พระเยซูสะเทือนพระทัยอีก จึงเสด็จมาถึงอุโมงค์ฝังศพ อุโมงค์นั้นเป็นถ้ำ มีหินก้อนหนึ่งวางปิดปากอุโมงค์ไว้
ยน. 11:39 พระเยซูตรัสว่า “จงเอาหินออกเสีย” มารธาพี่สาวของคนตายจึงทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ศพคงจะมีกลิ่นเหม็นแล้ว เพราะว่าน้องตายมาสี่วันแล้ว”
ยน. 11:40 พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือว่า ถ้าเธอเชื่อ ก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า?”
ยน. 11:41 พวกเขาจึงเอาหินออก พระเยซูแหงนพระพักตร์ขึ้นตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์โปรดฟังข้าพระองค์
ยน. 11:42 ข้าพระองค์ทราบว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์อยู่เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ฝูงชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา”
ยน. 11:43 เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงร้องเสียงดังว่า “ลาซารัส ออกมาเถิด”
ยน. 11:44 คนตายนั้นก็ออกมา มีผ้าพันมือและเท้า และที่หน้าก็มีผ้าพันอยู่ด้วย พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “จงแกะผ้าที่พันออกแล้วปล่อยเขาเถิด”
****************************
ยน. 12:1 ก่อนปัสกาหกวัน พระเยซูเสด็จมาถึงหมู่บ้านเบธานีซึ่งเป็นที่อยู่ของลาซารัสผู้ที่พระองค์ทรงให้เป็นขึ้นจากตาย
ยน. 12:2 พวกเขาจัดงานเลี้ยงพระองค์ มารธาก็ปรนนิบัติอยู่ และลาซารัสก็เป็นคนหนึ่งที่ร่วมรับประทานอาหารกับพระองค์
ยน. 12:3 มารีย์เอาน้ำมันหอมนารดาบริสุทธิ์หนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ซึ่งมีราคาแพงมากมาชโลมพระบาทพระเยซู และเอาผมเช็ดพระบาทของพระองค์ เรือนก็หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมันนั้น
ยน. 12:4 แต่สาวกคนหนึ่งของพระองค์ชื่อยูดาสอิสคาริโอท (คนที่จะทรยศพระองค์) พูดว่า
ยน. 12:5 “ทำไมไม่เอาน้ำมันนั้นไปขายได้เงินซักสามร้อยเดนาริอัน แล้วแจกให้กับคนจน?”
ยน. 12:6 เขาพูดอย่างนั้นไม่ใช่เพราะเขาเอาใจใส่คนจน แต่เพราะเขาเป็นหัวขโมย เขาถือกระเป๋าเก็บเงินและยักยอกเงินที่ใส่ไว้ในนั้นไป
ยน. 12:7 พระเยซูตรัสว่า “อย่าห้ามนางเลย ให้นางเก็บน้ำมันนี้ไว้จนถึงวันฝังศพของเรา
ยน. 12:8 เพราะว่ามีคนจนอยู่กับพวกท่านเสมอ แต่เราจะไม่อยู่กับท่านเสมอ”
ยน. 12:9 พวกยิวจำนวนมากรู้ว่าพระองค์ประทับที่นั่นจึงมาเฝ้าพระองค์ ไม่ใช่มาเพราะพระเยซูเท่านั้น แต่เพื่อจะเห็นลาซารัสคนที่พระองค์ทรงให้เป็นขึ้นมาจากตายด้วย
ยน. 12:10 ดังนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิตจึงคิดจะฆ่าลาซารัสด้วย
ยน. 12:11 เพราะลาซารัสเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกยิวหลายคนแยกตัวไปและวางใจในพระเยซู
ยน. 12:17 ฝูงชนที่อยู่กับพระองค์เมื่อครั้งพระองค์ทรงเรียกลาซารัสออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ และให้เป็นขึ้นมาจากตายนั้น ก็เป็นพยานในสิ่งที่เขาทั้งหลายได้ยินและได้เห็น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น