ฉธบ. 32:1 “โอ ฟ้าสวรรค์ จงเงี่ยหู ข้าพเจ้าจะพูด ขอแผ่นดินโลกจงฟังถ้อยคำจากปากของข้าพเจ้า
สดด. 19:14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด
สดด. 36:3 ถ้อยคำจากปากของเขาก็ชั่วร้ายและหลอกลวง เขาเลิกประพฤติอย่างฉลาดและเลิกทำความดี
สดด. 54:2 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณฟังถ้อยคำจากปากของข้าพระองค์
สดด. 78:1 ประชากรของข้าเอ๋ย จงเงี่ยหูฟังคำสอนของข้า จงเอียงหูฟังถ้อยคำจากปากข้า
สภษ. 7:24 ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้จงฟังข้า และจงใส่ใจถ้อยคำจากปากของข้า
ปญจ. 10:12 ถ้อยคำจากปากของผู้มีปัญญาทำให้เขาเป็นที่โปรดปราน แต่ริมฝีปากของคนเขลาจะเผาผลาญตัวเขาเสีย
ปญจ. 10:13 ถ้อยคำจากปากของเขาเป็นความเขลาตั้งแต่เริ่มปริปาก ตอนจบของคำพูดก็เป็นความบ้าบออย่างร้าย
อสย. 36:5 เจ้าคิดว่า ลำพังถ้อยคำจากปากก็เป็นยุทธศาสตร์และแสนยานุภาพในสงครามได้หรือ? บัดนี้ เจ้ามั่นใจในตัวใคร เจ้าจึงได้กบฏต่อเรา?
อสค. 3:17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นยามของพงศ์พันธุ์อิสราเอล เมื่อเจ้าได้ยินถ้อยคำจากปากของเรา เจ้าจงกล่าวคำตักเตือนจากเราแก่พวกเขา
อสค. 33:7 “ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย เราได้ตั้งเจ้าให้เป็นคนยามสำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล และเมื่อเจ้าได้ยินถ้อยคำจากปากเรา เจ้าจงเตือนพวกเขาแทนเรา
ภาวนาในใจ(173)
ปฐก. 6:5 พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา
ปฐก. 8:21 พระยาห์เวห์ทรงได้กลิ่นที่พอพระทัยแล้ว ทรงดำริในพระทัยว่า “เราจะไม่สาปแผ่นดินอีกต่อไป แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี เพราะเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ร้ายมาตั้งแต่เด็ก เราจะไม่ทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอีก ดังที่เราได้ทำแล้วนั้น
ปฐก. 17:17 อับราฮัมจึงซบหน้าลงหัวเราะและคิดในใจว่า “ชายผู้มีอายุหนึ่งร้อยปีแล้วจะมีบุตรได้หรือ? ซาราห์ผู้มีอายุเก้าสิบปีแล้วจะคลอดบุตรหรือ?”
ปฐก. 18:12 นางซาราห์ก็หัวเราะในใจ กล่าวว่า “ในเมื่อฉันแก่แล้ว สามีของฉันก็แก่แล้ว ฉันยังจะมีความยินดีอย่างนี้อีกหรือ?”
ปฐก. 24:45 “ก่อนที่ข้าพเจ้าจะพูดในใจจบ ก็พอดีเรเบคาห์แบกเหยือกบนบ่าเธอเดินออกมา เธอลงไปตักน้ำที่น้ำพุ ข้าพเจ้าพูดกับเธอว่า ‘ขอน้ำฉันดื่มหน่อย’
ปฐก. 27:41 ฝ่ายเอซาวเกลียดชังยาโคบ เพราะเรื่องพรที่บิดาอวยพรเขา เอซาวรำพึงในใจว่า “วันไว้ทุกข์พ่อใกล้เข้ามาแล้ว วันนั้นข้าจะฆ่ายาโคบน้องชายของข้าเสีย”
ปฐก. 37:11 พวกพี่ชายอิจฉาโยเซฟ บิดาก็เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ
อพย. 15:8 โดยลมที่ระบายจากช่องพระนาสิกน้ำก็รวมตัวเป็นกองสูงขึ้น น้ำท่วมก็ตั้งสูงขึ้นดังกำแพง ที่ลึกในใจกลางท้องทะเลก็แข็งตัว
อพย. 15:16 ความรู้สึกสยดสยองและความตกใจกลัวอุบัติขึ้นในใจของพวกเขา เนื่องด้วยฤทธานุภาพแห่งพระกรของพระองค์ พวกเขาหยุดนิ่งอยู่เหมือนก้อนหิน ข้าแต่พระยาห์เวห์ จนประชากรของพระองค์ผ่านพ้นไป จนชนชาติซึ่งพระองค์ทรงซื้อไว้แล้วผ่านไป
อพย. 36:2 โมเสสจึงเรียกเบซาเลลและโอโฮลีอับกับช่างฝีมือทุกคน ซึ่งพระยาห์เวห์ประทานสติปัญญาไว้ในใจของเขา คือทุกคนที่หัวใจของเขาเรียกร้องให้มาทำงาน
ลนต. 19:17 “ห้ามเกลียดชังพี่น้องของเจ้าอยู่ในใจ แต่เจ้าจงตักเตือนเพื่อนบ้านของเจ้า เพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับโทษเพราะเขา
ฉธบ. 4:39 ดังนั้นจงทราบเสียในวันนี้ และตรึกตรองอยู่ในใจว่าพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและบนแผ่นดินเบื้องล่าง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย
ฉธบ. 6:6 และจงให้ถ้อยคำเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้อยู่ในใจของท่าน
ฉธบ. 7:17 “ถ้าท่านจะนึกในใจว่า ‘ประชาชาติเหล่านี้ใหญ่โตกว่าข้า ข้าจะขับไล่พวกเขาได้อย่างไร?’
ฉธบ. 8:5 ท่านจงตระหนักในใจเถิดว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงตีสอนท่าน เหมือนกับบิดาตีสอนบุตรของตนเช่นกัน
ฉธบ. 8:17 จงระวังให้ดีเกรงว่าท่านจะนึกในใจว่า ‘กำลังและเรี่ยวแรงของข้านำทรัพย์มีค่านี้มาให้ข้า’
ฉธบ. 9:4 “เมื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงขับไล่เขาออกไปต่อหน้าท่านแล้ว ท่านอย่านึกในใจว่า ‘เพราะความชอบธรรมของข้า พระยาห์เวห์จึงทรงนำข้าให้มายึดครองแผ่นดินนี้’ แต่เพราะความชั่วของประชาชาติเหล่านี้ พระยาห์เวห์จึงทรงขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าท่าน
ฉธบ. 9:5 ที่ท่านกำลังจะเข้ายึดครองแผ่นดินของพวกเขานั้น ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมของท่าน หรือความซื่อตรงในใจของท่าน แต่เพราะความชั่วช้าของประชาชาติเหล่านี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจึงทรงขับไล่พวกเขาออกเสียต่อหน้าท่าน และเพื่อพระองค์จะทรงให้เป็นจริงตามพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของท่าน คือต่ออับราฮัม ต่ออิสอัค และต่อยาโคบ
ฉธบ. 15:9 จงระวังให้ดีเกรงว่าจะมีการคิดร้ายในใจของท่านว่า ‘ปีที่เจ็ด ปีที่จะต้องปลดปล่อยมาถึงแล้ว’ และท่านก็มองพี่น้องยากจนของท่านในแง่ร้าย ท่านจึงไม่ยอมให้อะไรเขาเลยและเขาจะฟ้องร้องท่านต่อพระยาห์เวห์ บาปก็จะตกแก่ท่าน
ฉธบ. 18:21 และถ้าท่านนึกในใจว่า ‘เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นถ้อยคำที่พระยาห์เวห์ไม่ได้ตรัส?’
ฉธบ. 29:19 และเมื่อคนนั้นได้ยินถ้อยคำของคำปฏิญาณนี้ จะนึกอวยพรตัวเองในใจว่า ‘แม้ข้าจะเดินด้วยความดื้อดึงตามใจของข้า ข้าก็จะเป็นสุข’ ความคิดเช่นนี้ก็นำการกวาดทำลายทั้งผลที่ลุ่มและที่แล้ง
ฉธบ. 30:14 แต่ถ้อยคำนั้นอยู่ใกล้ท่านมาก อยู่ในปากของท่าน และอยู่ในใจของท่าน ฉะนั้นท่านจึงทำตามได้
ยชว. 23:14 “นี่แน่ะ ข้าพเจ้ากำลังจะตายแล้ว พวกท่านได้ทราบในจิตในใจของท่านแล้วว่าไม่มีสิ่งดีสักสิ่งเดียวซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสัญญาเกี่ยวกับท่านแล้วล้มเหลวไป สำเร็จหมดทุกอย่าง ไม่มีสักอย่างเดียวที่ล้มเหลว
วนฉ. 16:17 จึงบอกความจริงในใจของท่านแก่นางจนสิ้นว่า “มีดโกนยังไม่เคยถูกศีรษะของฉัน เพราะฉันเป็นนาศีร์แด่พระเจ้าตั้งแต่คลอดจากท้องแม่ ถ้าโกนผมฉันแล้วกำลังก็จะหมดไปจากฉัน ฉันก็จะหมดแรงเหมือนชายอื่น”
วนฉ. 16:18 เมื่อเดลิลาห์เห็นว่าแซมสันบอกความจริงในใจแก่นางจนสิ้นแล้ว นางจึงใช้คนไปเรียกพวกเจ้านายฟีลิสเตียว่า “ขอจงขึ้นมาอีกครั้งเดียว เพราะเขาบอกความจริงในใจแก่ฉันจนสิ้นแล้ว” แล้วเจ้านายฟีลิสเตียก็ขึ้นมาหานางถือเงินมาด้วย
1ซมอ. 1:13 ฮันนาห์นั้นนางพูดแต่ในใจ ริมฝีปากของนางขยับอยู่เท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงของนาง เพราะเหตุนี้เอลีจึงคิดว่านางเมา
1ซมอ. 1:15 แต่ฮันนาห์ตอบว่า “ไม่ใช่เช่นนั้นค่ะเจ้านายของดิฉัน ดิฉันเป็นหญิงที่ทุกข์ใจยิ่งนัก ดิฉันไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมา แต่ดิฉันระบายความในใจของดิฉันออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์
1ซมอ. 2:35 และเราจะตั้งปุโรหิตผู้ซื่อสัตย์ของเราขึ้นมา ผู้จะทำตามสิ่งที่มีอยู่ในจิตในใจของเรา และเราจะสร้างพงศ์พันธุ์ที่มั่นคงให้เขา และเขาจะดำเนินอยู่ต่อหน้าผู้ที่เราเจิมไว้ตลอดไป
1ซมอ. 9:19 ซามูเอลตอบซาอูลว่า “ข้าพเจ้าเองเป็นผู้ทำนายนั้น จงนำหน้าข้าพเจ้าขึ้นไปยังปูชนียสถานสูงนั้น เพราะในวันนี้ท่านจะรับประทานอาหารกับข้าพเจ้า และพรุ่งนี้เช้าข้าพเจ้าจึงจะให้ท่านไปและข้าพเจ้าจะบอกทุกอย่างที่อยู่ในใจของท่านแก่ท่าน
1ซมอ. 21:12 และดาวิดก็เก็บถ้อยคำเหล่านี้ไว้ในใจและกลัวอาคีชกษัตริย์เมืองกัทยิ่งนัก
1ซมอ. 27:1 ดาวิดนึกในใจว่า “ข้าคงจะพินาศสักวันหนึ่งด้วยพระหัตถ์ของซาอูล ไม่มีสิ่งใดดีกว่าที่ข้าจะหนีจริงๆ ไปอยู่ที่แผ่นดินคนฟีลิสเตีย แล้วซาอูลก็จะทรงหมดหวังที่จะค้นหาข้าอีกภายในพรมแดนอิสราเอล และข้าจะรอดพ้นจากพระหัตถ์ของพระองค์ได้”
2ซมอ. 6:16 ขณะเมื่อหีบของพระยาห์เวห์เข้ามาถึงเมืองดาวิด มีคาลราชธิดาของซาอูลก็มองออกที่ช่องหน้าต่าง เห็นพระราชาดาวิดทรงกระโดดและเต้นรำเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ นางก็ดูหมิ่นดาวิดในใจ
2ซมอ. 18:14 โยอาบจึงว่า “เราไม่ควรเสียเวลากับเจ้าเช่นนี้” ท่านก็จับหลาวสามอันไว้ในมือแทงเข้าไปในหัวใจของอับซาโลมขณะท่านยังมีชีวิตอยู่ในใจกลางต้นโอ๊ก
1พกษ. 2:44 พระราชาตรัสกับชิเมอีว่า “ในใจของเจ้าเองรู้เรื่องเหตุร้ายทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าได้ทำต่อดาวิดพระราชบิดาของเรา เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์จะทรงนำเหตุร้ายมาสนองเหนือศีรษะของเจ้าเอง
1พกษ. 8:38 แล้วหากคนหนึ่งคนใด หรืออิสราเอลประชากรทั้งหมดของพระองค์ ได้สำนึกในใจของเขาเรื่องภัยพิบัติ จะอธิษฐานหรือวิงวอนประการใด โดยกางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้
1พกษ. 10:2 พระนางเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็มพร้อมด้วยข้าราชบริพารมากมาย กับฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศ ทองคำมากมาย อัญมณีล้ำค่า และเมื่อพระนางเสด็จมาถึงซาโลมอนแล้ว พระนางก็ทูลเรื่องในใจทุกประการต่อพระองค์
2พกษ. 10:30 พระยาห์เวห์ตรัสกับเยฮูว่า “เพราะเจ้าได้ทำดีโดยทำสิ่งที่ชอบในสายตาของเรา และได้ทำต่อราชวงศ์อาหับตามทุกอย่างที่อยู่ในใจของเรา เชื้อสายของเจ้าสี่ชั่วอายุคนจะได้นั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอล”
1พศด. 15:29 เมื่อหีบพันธสัญญาของพระยาห์เวห์มาถึงนครดาวิดแล้ว มีคาลราชธิดาของซาอูลทรงมองดูทางช่องหน้าต่าง ทรงเห็นกษัตริย์ดาวิดทรงเต้นรำและทรงร่าเริงอยู่ พระนางก็ทรงดูหมิ่นพระองค์ในใจ
1พศด. 29:18 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและอิสราเอลบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงรักษาความประสงค์ และความคิดในใจของประชากรของพระองค์ให้เป็นเช่นนี้เสมอไป และขอทรงทำจิตใจของเขาทั้งหลายให้มั่นคงในพระองค์
2พศด. 9:1 เมื่อพระราชินีแห่งเชบา ทรงได้ยินกิตติศัพท์ของซาโลมอน พระนางก็เสด็จมายังเยรูซาเล็ม เพื่อทดสอบพระองค์ด้วยปัญหายุ่งยากต่างๆ พร้อมด้วยข้าราชบริพารมากมาย กับฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศทองคำเป็นอันมาก และอัญมณีล้ำค่า และเมื่อพระนางเสด็จมาถึงซาโลมอนแล้ว พระนางทูลเรื่องทุกอย่างในใจต่อพระองค์
2พศด. 9:23 และพระราชาทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกก็แสวงหาที่จะเข้าเฝ้าซาโลมอน เพื่อจะฟังพระสติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานไว้ในใจของพระองค์
อสธ. 6:6 ฮามานจึงเข้ามา กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า “ควรจะทำอย่างไรกับคนที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่อง?” และฮามานรำพึงในใจว่า “ใครเล่าที่กษัตริย์พอพระทัยจะยกย่องมากกว่าข้า?”
โยบ 1:5 และเมื่องานเลี้ยงเวียนครบรอบแล้ว โยบจะทำพิธีชำระตัวเขาทั้งหลายให้บริสุทธิ์ และท่านจะตื่นแต่เช้ามืด ถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวตามจำนวนของเขาทั้งหมด เพราะโยบกล่าวว่า “บางทีลูกๆ ของข้าได้ทำบาปและแช่งพระเจ้าในใจ” โยบทำอย่างนี้เรื่อยมา
โยบ 17:11 วันเวลาของข้าก็ผ่านไป แผนงานของข้าก็แตกหัก คือความปรารถนาในใจของข้านั้น
โยบ 22:22 ขอจงรับคำสั่งสอนจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และเก็บพระวจนะของพระองค์ไว้ในใจของท่าน
สดด. 4:4 แม้ถูกยั่วยุ ก็อย่าทำบาป จงตรึกตรองในใจเวลาอยู่บนที่นอนและสงบอยู่ เส-ลาห์
สดด. 10:6 เขาพูดในใจว่า “ข้าจะไม่หวั่นไหว ทุกชั่วชาติพันธุ์ ข้าจะไม่พบความลำบากเลย”
สดด. 10:13 ไฉนคนอธรรมจึงประณามพระเจ้า และพูดในใจตนเองว่า “พระองค์จะไม่ทรงเอาเรื่องเอาราว”?
สดด. 13:2 ข้าพระองค์จะต้องตรึกตรองในจิต และมีความทุกข์โศกอยู่ในใจตลอดวันนานเท่าใด? ศัตรูข้าพระองค์จะอยู่เหนือข้าพระองค์นานเท่าใด?
สดด. 14:1 คนโง่รำพึงในใจตนว่า “ไม่มีพระเจ้า” เขาทั้งหลายก็เลวทราม ทำกิจการน่าเกลียดน่าชัง ไม่มีผู้ใดทำดี
สดด. 19:14 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นศิลาและผู้ไถ่ของข้าพระองค์ ขอให้ถ้อยคำจากปากข้าพระองค์ และการภาวนาในใจ เป็นที่โปรดปรานเฉพาะพระพักตร์พระองค์เถิด
สดด. 25:17 ขอทรงบรรเทาความยากลำบากในใจของข้าพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ออกจากความทุกข์ใจของข้าพระองค์
สดด. 28:3 ขออย่าทรงกวาดข้าพระองค์ไปพร้อมกับคนอธรรม กับผู้ทำความชั่ว ผู้พูดกับเพื่อนบ้านอย่างเป็นมิตร แต่การปองร้ายอยู่ในใจของเขา
สดด. 35:25 อย่าให้พวกเขารำพึงในใจว่า “ฮะฮ้า เราได้สมใจแล้ว” อย่าให้เขากล่าวได้ว่า “เราได้กลืนเขาแล้ว”
สดด. 36:1 การละเมิดพูดในใจของคนอธรรมว่า เขาไม่เห็นจะต้องหวาดกลัวพระเจ้า
สดด. 37:15 แต่ดาบของเขาจะแทงเข้าไปในใจของเขาเอง และคันธนูของเขาจะหัก
สดด. 40:10 ข้าพระองค์มิได้เก็บงำการชอบธรรมของพระองค์ไว้แต่ในใจ ข้าพระองค์ได้พูดถึงความซื่อสัตย์และความรอดของพระองค์ ข้าพระองค์มิได้ปิดบังความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์ ไว้จากชุมนุมชนใหญ่
สดด. 42:4 เมื่อข้าพระองค์ระบายความในใจออกมา ข้าพระองค์ระลึกถึงสิ่งเหล่านี้ คือ ข้าพระองค์ไปกับมหาชน และนำพวกเขาไปเป็นกระบวนแห่ถึงพระนิเวศของพระเจ้า ด้วยเสียงโห่ร้องยินดีและเสียงขอบพระคุณ คือมวลชนกำลังฉลองเทศกาลเลี้ยง
สดด. 51:6 แน่ทีเดียว พระองค์ทรงประสงค์ความจริงในใจ เพราะฉะนั้น ขอทรงสอนสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในที่ลี้ลับ
สดด. 53:1 คนโง่รำพึงในใจตนว่า “ไม่มีพระเจ้า” เขาทั้งหลายก็เลวทรามและทำความอยุติธรรมที่น่าเกลียดน่าชัง ไม่มีผู้ใดทำดี
สดด. 55:21 คำพูดของเขาลื่นยิ่งกว่าเนย แต่สงครามอยู่ภายในใจของเขา ถ้อยคำของเขานุ่มนวลกว่าน้ำมัน แต่ทว่าเป็นดาบที่ชักออกมาแล้ว
สดด. 62:4 พวกเขาคิดแต่จะผลักท่านลงมาจากตำแหน่งสูง เขาพอใจในความเท็จ เขาอวยพรด้วยปาก แต่แช่งอยู่ในใจ เส-ลาห์
สดด. 62:8 ประชาชนเอ๋ย จงวางใจในพระองค์ตลอดเวลา จงระบายความในใจของท่านต่อพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา เส-ลาห์
สดด. 66:18 ถ้าข้าพเจ้าได้บ่มความชั่วไว้ในใจ องค์เจ้านายจะไม่ทรงสดับ
สดด. 74:8 เขาทั้งหลายรำพึงในใจว่า “เราจะเอาชนะเขาให้สิ้นเชิง” พวกเขาเผาสถานที่ประชุมทุกแห่งของพระเจ้าในแผ่นดิน
สดด. 78:18 พวกเขาทดลองพระเจ้าในใจของเขา โดยเรียกร้องอาหารที่เขาอยาก
สดด. 94:19 เมื่อความกังวลมีมากในใจข้าพระองค์ การปลอบโยนของพระองค์ก็ทำให้จิตใจข้าพระองค์ปีติยินดี
สดด. 119:11 ข้าพระองค์ได้เก็บรักษาพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์
สดด. 140:2 ผู้คิดแผนร้ายอยู่ในใจ และปลุกปั่นทุกวันให้เกิดสงคราม
สภษ. 2:10 เพราะปัญญาจะเข้ามาในใจของเจ้า และความรู้จะเป็นที่ร่มรื่นแก่วิญญาณจิตของเจ้า
สภษ. 4:21 อย่าให้มันคลาดสายตาของเจ้า จงรักษามันไว้ภายในใจของเจ้า
สภษ. 6:14 ความตลบตะแลงในใจเขาคิดประดิษฐ์ความชั่วร้าย หว่านความแตกร้าวอยู่ทุกเวลา
สภษ. 12:20 ความหลอกลวงอยู่ในใจของคนที่คิดการชั่ว แต่คนที่แนะให้มีสันติภาพก็มีความยินดี
สภษ. 12:25 ความกระวนกระวายในใจคนถ่วงเขาลง แต่ถ้อยคำที่ดีทำให้เขายินดี
สภษ. 14:33 ปัญญาอาศัยอยู่ในใจของคนที่มีความเข้าใจ และปัญญาเป็นที่ประจักษ์แม้ในความคิดของคนโง่
สภษ. 19:21 ในใจมนุษย์มีแผนงานมากมาย แต่พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะดำรงอยู่ได้
สภษ. 20:5 ความประสงค์ในใจคนเหมือนน้ำลึก แต่คนที่มีความเข้าใจจะวิดมันออกมาได้
สภษ. 22:15 ความโง่ติดอยู่ในใจเด็ก แต่ไม้เรียวที่ตีสอนจะไล่ให้ห่างจากเขา
สภษ. 23:7 เพราะเขาคอยนับอยู่ในใจ เขาพูดกับเจ้าว่า “จงกินและดื่มเถิด” แต่ใจของเขาไม่ได้อยู่กับเจ้า
สภษ. 26:25 เมื่อน้ำเสียงเขาเหมือนมีเมตตาจิต ก็อย่าเชื่อเขา เพราะมีสิ่งน่าเกลียดน่าชังร้อยแปดในใจเขา
ปญจ. 3:17 ข้าพเจ้ารำพึงในใจว่า พระเจ้าจะทรงพิพากษาคนชอบธรรมและคนอธรรม เพราะมีกาลกำหนดไว้สำหรับทุกเรื่อง และสำหรับการงานทุกอย่าง
ปญจ. 3:18 ข้าพเจ้ารำพึงในใจเกี่ยวกับบรรดามนุษย์ว่า พระเจ้าทรงทดสอบพวกเขาเพื่อจะสำแดงว่า พวกเขาเป็นเพียงสัตว์
ปญจ. 7:2 ไปยังเรือนที่มีการคร่ำครวญ ก็ดีกว่าไปยังเรือนที่มีการเลี้ยงกัน เพราะนั่นเป็นวาระสุดท้ายของมนุษย์ทุกคน และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จะเอาเหตุการณ์นั้นใส่ไว้ในใจ
ปญจ. 9:3 นี่แหละเป็นสิ่งสามานย์ ที่มีอยู่ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์คือว่า มีเคราะห์อันเดียวกันที่ตกแก่ทุกคน เออ ใจมนุษย์ก็เต็มด้วยความชั่ว และความบ้าบออยู่ในใจเขาเมื่อมีชีวิต และต่อจากนั้น เขาก็ไปอยู่กับคนตาย
อสย. 10:7 แต่เขาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น และจิตใจของเขาก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น เพราะในใจของเขาคิดแต่จะทำลาย และทำลายประชาชาติไปไม่ใช่น้อย
อสย. 14:13 เจ้าเองรำพึงในใจของเจ้าว่า ‘ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะนั่งบนขุนเขาแห่งการชุมนุม ณ สุดปลายอุดรอันไกลโพ้น
อสย. 38:15 แต่ข้าพเจ้าจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้ว และพระองค์เองทรงทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าดำเนินอย่างสงบเสงี่ยมตลอดปีเดือนของข้าพเจ้า เพราะความขมขื่นในใจของข้าพเจ้า
อสย. 46:8 จงจำข้อนี้ไว้และตั้งมั่นคง เจ้าพวกคนทรยศ จงคิดคำนึงไว้ในใจ
อสย. 47:8 บัดนี้ จงฟังเรื่องนี้ซิ เจ้าผู้รักความเพลิดเพลิน คือผู้นั่งอยู่อย่างมั่นคง ผู้คิดในใจของตนว่า “ข้านี่แหละ และไม่มีผู้อื่นอีก ข้าจะไม่นั่งเป็นแม่ม่าย หรือประสบกับการพลัดพรากจากลูก”
อสย. 47:10 เจ้ารู้สึกมั่นคงอยู่ในความอธรรมของเจ้า เจ้าว่า “ไม่มีใครเห็นข้า” สติปัญญาของเจ้าและความรู้ของเจ้า ทำให้เจ้าหลงไป และเจ้าจึงคิดในใจของเจ้าว่า “ข้านี่แหละ และไม่มีผู้อื่นอีก”
อสย. 49:21 แล้วเจ้าจะพูดในใจของเจ้าว่า ‘ใครหนอได้คลอดคนเหล่านี้ให้ข้า ข้าทุกข์ระทมเพราะเสียลูกและเป็นหมัน ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยและถูกขับไล่ แต่ใครหนอชุบเลี้ยงคนเหล่านี้? นี่แน่ะ ข้าถูกทิ้งไว้แต่ลำพัง แล้วคนเหล่านี้มาจากไหนกัน?’ ”
อสย. 51:7 จงฟังเรา พวกเจ้าผู้รู้จักความชอบธรรม ชนชาติที่มีธรรมบัญญัติของเราอยู่ในใจ อย่ากลัวการเยาะเย้ยของมนุษย์ และอย่าวิตกต่อการถากถางของเขา
อสย. 63:4 เพราะวันแห่งการแก้แค้นอยู่ในใจเรา และปีแห่งการไถ่ของเรามาถึง
อสย. 65:17 “เพราะดูสิ เราสร้างฟ้าสวรรค์ใหม่ และสร้างแผ่นดินโลกใหม่ เพราะสิ่งเก่าก่อนนั้นจะไม่ถูกจดจำ และไม่นึกขึ้นในใจอีก
ยรม. 3:16 และเมื่อพวกเจ้าทวีและเพิ่มขึ้นในแผ่นดินนั้น ในเวลานั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เขาทั้งหลายจะไม่กล่าวอีกว่า ‘หีบพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์’ เรื่องนี้จะไม่มีขึ้นในใจ ไม่มีใครกล่าวถึง ไม่มีใครนึกถึง จะไม่ทำขึ้นอีกเลย
ยรม. 4:14 กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงล้างจิตใจของเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้าย เพื่อเจ้าจะรอดได้ ความคิดชั่วร้ายของเจ้านั้น จะสิงอยู่ในใจของเจ้านานสักเท่าใด?
ยรม. 5:24 พวกเขาไม่ได้คิดในใจของตนว่า ‘ให้เรายำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ผู้ประทานฝนตามฤดูของมัน คือฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู และทรงรักษา กฎเกณฑ์ของสัปดาห์แห่งการเก็บเกี่ยวไว้ให้เรา’
ยรม. 7:31 และได้สร้างปูชนียสถานสูงของโทเฟท ซึ่งอยู่ในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อเผาบุตรชายและบุตรสาวของพวกเขาเสียด้วยไฟ ซึ่งเราไม่ได้บัญชา และไม่เคยมีขึ้นในใจของเรา
ยรม. 9:8 ลิ้นของเขาเป็นลูกศรมรณะ มันพูดมารยา ปากของเขาพูดอย่างสันติกับเพื่อนบ้าน แต่ในใจของเขา เขาคอยดักซุ่มโจมตีอยู่”
ยรม. 13:22 และถ้าเจ้าพูดในใจของเจ้าว่า ‘ทำไมสิ่งเหล่านี้จึงเกิดกับข้า?’ ก็เพราะความผิดบาปอันมากมายของเจ้า เสื้อคลุมของเจ้าจึงต้องถูกถลกขึ้น และเจ้าจึงถูกข่มขืน
ยรม. 19:5 และได้สร้างปูชนียสถานสูงสำหรับพระบาอัล เพื่อจะเผาบุตรชายของเขาเสียในไฟ เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระบาอัล ซึ่งเราไม่ได้บัญชาหรือกล่าวถึง หรือได้นึกในใจของเรา
ยรม. 20:9 ถ้าข้าพระองค์จะกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะไม่อ้างถึงพระองค์ หรือกล่าวในพระนามของพระองค์อีก” ก็มีสิ่งในใจของข้าพระองค์เหมือนไฟไหม้ อัดอยู่ในกระดูกของข้าพระองค์ และข้าพระองค์ก็อ่อนเปลี้ยที่ต้องเก็บมันไว้ และข้าพระองค์ก็เก็บไว้ไม่ไหว
ยรม. 21:4 “ท่านจงทูลเศเดคียาห์ดังนี้ว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะหันอาวุธที่อยู่ในมือของเจ้ากลับมา ซึ่งเจ้าใช้สู้รบกับกษัตริย์บาบิโลนและคนเคลเดียซึ่งกำลังล้อมเจ้าอยู่นอกกำแพง และเราจะรวบรวมมันมาไว้ในใจกลางเมืองนี้
ยรม. 23:16 พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยให้ท่านฟัง ทำให้ท่านเต็มด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ เขากล่าวถึงนิมิตในใจของเขาเอง ไม่ใช่จากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์
ยรม. 23:26 จะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานสักเท่าใด? พวกผู้เผยพระวจนะคิดได้อย่างนี้หรือ? คือผู้เผยพระวจนะเท็จตามการหลอกลวงในใจของตน
ยรม. 32:35 พวกเขาได้สร้างปูชนียสถานสูงสำหรับพระบาอัลในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อถวายบุตรชายและบุตรหญิงของเขาแก่พระโมเลค แม้ว่าเราไม่ได้บัญชาเขา หรือคิดอยู่ในใจของเราว่า เขาควรจะทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังนี้ซึ่งทำให้ยูดาห์ผิดบาป”
ยรม. 32:40 เราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับพวกเขาว่าเราจะไม่หันไปจากการทำความดีแก่พวกเขา และเราจะบรรจุความยำเกรงเราไว้ในใจของพวกเขา เพื่อเขาจะไม่หันไปจากเรา
ยรม. 48:29 เราได้ยินถึงความเห่อเหิมของโมอับ เขาเห่อเหิมมาก ได้ยินถึงความยโส ความเห่อเหิมของเขา และความจองหองของเขา และความหยิ่งในใจของเขา
พคค. 2:19 จงลุกขึ้นร้องทูลตอนกลางคืนทุกยาม จงระบายความในใจของเจ้าออกมาอย่างน้ำ เฉพาะพระพักตร์องค์เจ้านาย จงชูมือทั้งสองของเจ้าขึ้นตรงไปยังพระองค์ เพื่อขอชีวิตลูกเด็กเล็กแดงของเจ้า ที่หิวจนเป็นลมสลบไป ตามหัวถนนทุกแห่ง
อสค. 3:10 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าอีกว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงรับถ้อยคำทั้งหมดของเราที่พูดกับเจ้าไว้ในใจของเจ้า และจงฟังด้วยหูของเจ้า
อสค. 14:3 “บุตรมนุษย์เอ๋ย คนพวกนี้ตั้งรูปเคารพของเขาไว้ในใจ และวางสิ่งสะดุดให้ล้มลงในบาปไว้ข้างหน้าเขา เราควรจะยอมให้พวกเขาถามเราหรือ?
อสค. 14:4 เพราะฉะนั้น จงพูดกับพวกเขาและกล่าวกับเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า คนหนึ่งคนใดในพงศ์พันธุ์อิสราเอลที่ตั้งรูปเคารพของเขาไว้ในใจ และวางสิ่งสะดุดให้ล้มลงในบาปไว้ข้างหน้าเขา แล้วมาหาผู้เผยพระวจนะ เราคือยาห์เวห์จะตอบสนองเขาที่มาด้วยรูปเคารพมากมายของเขานั้น
อสค. 14:7 เพราะว่าคนหนึ่งคนใดในพงศ์พันธุ์อิสราเอล หรือในพวกคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในอิสราเอล ซึ่งแยกตัวเขาจากเรา และตั้งรูปเคารพของเขาไว้ในใจของเขา และวางสิ่งสะดุดให้ล้มลงในบาปไว้ข้างหน้าเขา แล้วยังมาหาผู้เผยพระวจนะเพื่อขอถามจากเราเพื่อตัวเขาเอง เราคือยาห์เวห์จะตอบสนองเขาเอง
อสค. 20:32 “สิ่งที่อยู่ในใจของพวกเจ้าจะไม่เกิดขึ้นแน่ คือที่พวกเจ้าคิดว่า ‘เราจะเป็นเหมือนประชาชาติทั้งหลาย และเป็นเหมือนเผ่าต่างๆ ในประเทศทั่วไป คือการที่จะปรนนิบัติไม้และศิลา’ ”
อสค. 27:25 เรือทั้งหลายของเมืองทารชิชเดินทางไปค้าขายให้กับเจ้า “ดังนั้น เจ้าจึงบรรทุกจนเต็มและหนักมากๆ ในใจกลางของทะเล
อสค. 28:2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่เจ้าผู้ครองไทระว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เพราะใจของเจ้าผยองขึ้น และเจ้าได้กล่าวว่า ‘ข้าเป็นพระเจ้า ข้านั่งบนที่นั่งของพระเจ้า ในใจกลางของทะเล’ แต่เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า แม้เจ้าถือว่าความคิดเจ้าเหมือนความคิดพระเจ้า
อสค. 38:10 “พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นจะบังเกิดความคิดในใจของเจ้า และเจ้าจะคิดแผนการชั่ว
ดนล. 7:28 “เรื่องราวก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ส่วนข้าพเจ้าคือดาเนียล ความคิดของข้าพเจ้าก็ทำให้ข้าพเจ้าตกใจมาก และหน้าของข้าพเจ้าก็ซีดไป แต่ข้าพเจ้าก็เก็บเรื่องราวนี้ไว้ในใจ”
ฮชย. 7:2 แต่เขามิได้สำนึกในใจว่า เราจดจำความชั่วทั้งสิ้นของเขาได้ บัดนี้การกระทำของเขาห้อมล้อมเขาไว้แล้ว การเหล่านั้นอยู่ต่อหน้าเรา
อบด. 1:3 ใจหยิ่งจองหองของเจ้าได้ล่อลวงเจ้าเอง เจ้าผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในซอกหิน ที่อาศัยของเจ้าอยู่สูง เจ้ารำพึงอยู่ในใจว่า “ผู้ใดจะทำให้เราลงมายังพื้นดิน”
ศฟย. 1:12 ในเวลานั้นเราจะเอาตะเกียงส่องดูเยรูซาเล็ม และเราจะลงโทษพวกไม่รู้ร้อนรู้หนาวมานาน เหมือนตะกอนเหล้าที่เกรอะจนหนา ผู้ที่คิดในใจของตนว่า ‘พระยาห์เวห์จะไม่ทรงให้สิ่งดี และพระองค์ก็จะไม่ทรงให้สิ่งร้าย’
ศฟย. 2:15 นี่คือเมืองที่สนุกสนาน ที่เคยอยู่อย่างปลอดภัย เมืองที่คิดในใจของตนว่า “ข้านี่แหละ และไม่มีเมืองอื่นใดอีกแล้ว” แต่มันกลายเป็นเมืองร้างเปล่าแล้วหนอ เป็นที่พักผ่อนของสัตว์ป่า ทุกคนที่ผ่านเมืองนี้ไป จะทำเสียงเย้ยหยันและสั่นกำปั้นว่า สาสม
ศคย. 7:10 อย่าบีบบังคับหญิงม่าย ลูกกำพร้าพ่อ คนต่างด้าวหรือคนยากจน และอย่าคิดอุบายชั่วในใจต่อพี่น้องของตน
ศคย. 8:17 อย่าคิดอุบายชั่วในใจต่อกันและกัน อย่ารักคำสาบานเท็จ สิ่งเหล่านี้เราเกลียดชัง พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
ศคย. 12:5 แล้วหัวหน้าตระกูลยูดาห์จะรำพึงในใจว่า ‘ชาวเยรูซาเล็มมีกำลังเนื่องจากพระยาห์เวห์จอมทัพพระเจ้าของเขา’
มธ. 5:28 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า ใครมองผู้หญิงด้วยใจกำหนัดในหญิงนั้น คนนั้นได้ล่วงประเวณีในใจของเขากับหญิงนั้นแล้ว
มธ. 9:3 เมื่อได้ยินดังนั้น พวกธรรมาจารย์บางคนคิดในใจว่า “คนนี้หมิ่นประมาทพระเจ้า”
มธ. 9:4 พระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา จึงตรัสว่า “ทำไมพวกท่านจึงคิดการชั่วอยู่ในใจ?
มธ. 9:21 เพราะนางคิดในใจว่า “ถ้าฉันได้แตะต้องฉลองพระองค์เท่านั้น ฉันก็จะหายโรค”
มธ. 13:19 เมื่อใครได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาสิ่งที่หว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชซึ่งหว่านตกริมหนทาง
มธ. 24:48 แต่ถ้าบ่าวชั่วนั้นคิดในใจของเขาว่า ‘นายของข้ามาช้า’
มก. 2:6 แต่มีพวกธรรมาจารย์บางคนนั่งอยู่ที่นั่นและคิดในใจว่า
มก. 2:8 พระเยซูทรงทราบในพระทัยทันทีว่าพวกเขาสนทนากันในหมู่พวกเขาอย่างนั้น จึงตรัสว่า “ทำไมพวกท่านถึงคิดในใจอย่างนี้
มก. 7:19 เพราะว่าสิ่งนั้นไม่ได้เข้าไปในใจ แต่ลงไปในท้องแล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป” (เป็นการประกาศว่าอาหารทุกอย่างสะอาด)
ลก. 1:66 บรรดาคนที่ได้ยินก็จดจำไว้ในใจ และกล่าวว่า “ทารกคนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไปข้างหน้านะ?” เพราะว่าพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา
ลก. 2:19 ส่วนนางมารีย์ก็เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้และรำพึงอยู่ในใจ
ลก. 2:35 เพื่อที่ว่าความคิดในใจของคนจำนวนมากจะปรากฏแจ้ง ถึงหัวใจของท่านเองก็จะถูกดาบแทงทะลุด้วย”
ลก. 2:51 แล้วพระกุมารก็ลงไปกับบิดามารดา ยังเมืองนาซาเร็ธ และยอมเชื่อฟังเขาทั้งสอง ส่วนมารดาเก็บเรื่องราวทั้งหมดนั้นไว้ในใจ
ลก. 5:21 พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีจึงคิดในใจว่า “คนนี้พูดหมิ่นประมาทพระเจ้า เขาเป็นใครกัน? ใครจะอภัยบาปได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น?”
ลก. 5:22 แต่เมื่อพระเยซูทรงทราบความคิดของพวกเขา พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ทำไมท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้?
ลก. 7:39 ฟาริสีคนที่เชิญพระองค์มาเมื่อเห็นแล้วก็นึกในใจว่า “ถ้าท่านผู้นี้เป็นผู้เผยพระวจนะ ก็น่าจะรู้ว่าผู้หญิงที่แตะต้องตัวของท่านเป็นใครและเป็นคนอย่างไร เพราะนางเป็นคนบาป”
ลก. 9:47 พระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของพวกเขา จึงให้เด็กคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ พระองค์
ลก. 12:17 เศรษฐีคนนั้นจึงคิดในใจว่า ‘ข้าจะทำอย่างไรดี? เพราะว่าข้าไม่มีที่ที่จะเก็บพืชผลของข้า’
ลก. 12:45 แต่ถ้าบ่าวคนนั้นคิดในใจว่า ‘นายของข้าคงจะมาช้า’ แล้วเริ่มต้นโบยตีบรรดาบ่าวชายหญิงและกินดื่มเมามาย
ลก. 16:3 พ่อบ้านคนนั้นจึงคิดในใจว่า ‘ข้าจะทำอะไรดี เพราะข้ากำลังจะถูกนายถอดออกจากหน้าที่แล้ว? จะไปขุดดินก็ไม่มีแรง จะไปขอทานก็อายเขา
ลก. 18:4 แต่ผู้พิพากษาคนนั้นไม่ยอมทำจนเวลาผ่านไปนาน แต่ภายหลังเขานึกในใจว่า ‘แม้ว่าข้าจะไม่เกรงกลัวพระเจ้าและไม่เห็นแก่มนุษย์
ลก. 24:38 พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายวุ่นวายใจทำไม? เพราะอะไรท่านถึงเกิดความคิดสงสัยขึ้นในใจ?
กจ. 8:22 เพราะฉะนั้นจงกลับใจใหม่จากการชั่วร้ายของเจ้า และอธิษฐานขอต่อพระเจ้า พระองค์อาจจะทรงยกความผิดที่เจ้าคิดอยู่ในใจ
กจ. 24:26 แต่ในขณะเดียวกันเฟลิกส์ก็นึกในใจว่า เปาโลอาจจะให้เงินสินบนแก่ท่าน เพราะฉะนั้นท่านจึงเรียกเปาโลมาสนทนาด้วยบ่อยๆ
กจ. 26:9 “ข้าพระบาทเคยคิดในใจของตนเองว่า ควรจะทำหลายๆ อย่างเพื่อขัดขวางพระนามของพระเยซูชาวนาซาเร็ธ
รม. 1:24 เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงทรงปล่อยเขาให้ประพฤติการโสโครกตามราคะตัณหาในใจของเขา ให้เขาทำสิ่งที่น่าอับอายต่อกายของกันและกัน
รม. 7:22 เพราะว่าส่วนลึกในใจของข้าพเจ้านั้น ก็ชื่นชมในธรรมบัญญัติของพระเจ้า
รม. 9:2 ข้าพเจ้ามีความทุกข์หนักและความเจ็บร้อนในใจเสมอ
รม. 10:6 แต่ความชอบธรรมที่มาทางความเชื่อว่าอย่างนี้ว่า “อย่านึกในใจของตัวว่า ใครจะขึ้นไปบนสวรรค์?” (คือจะเชิญพระคริสต์ลงมา)
รม. 10:8 แต่ความชอบธรรมว่าอย่างไร? ก็ว่า “ถ้อยคำนั้นอยู่ใกล้ท่าน อยู่ในปากของท่าน และอยู่ในใจของท่าน” (คือคำซึ่งก่อให้เกิดความเชื่อที่เราทั้งหลายประกาศอยู่นั้น)
รม. 10:9 คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
1คร. 14:25 ความลับในใจของเขาจะถูกทำให้ปรากฏ เขาก็จะทรุดตัวลงซบหน้านมัสการพระเจ้ากล่าวว่า พระเจ้าสถิตอยู่ท่ามกลางพวกท่านอย่างแน่นอน
2คร. 1:22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย
2คร. 4:6 เพราะว่าพระเจ้าผู้ตรัสว่าให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืด ทรงส่องสว่างเข้ามาในใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า ที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระคริสต์
2คร. 7:3 ข้าพเจ้าพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อจะลงโทษพวกท่าน เพราะข้าพเจ้าได้บอกก่อนหน้านี้แล้วว่า ท่านทั้งหลายอยู่ในใจของเรา จะตายหรือจะเป็นก็อยู่ด้วยกัน
2คร. 8:16 แต่ขอขอบพระคุณพระเจ้าผู้ทรงให้ทิตัสมีใจกระตือรือร้นเพื่อพวกท่านอยู่ในใจของเขา ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่เรามีอยู่
2คร. 9:7 แต่ละคนจงให้ตามที่เขาคิดหมายไว้ในใจ ไม่ใช่ให้ด้วยความเสียดาย ไม่ใช่ให้ด้วยความจำใจ เพราะว่าพระเจ้าทรงรักคนที่ให้ด้วยใจยินดี
กท. 4:6 และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา (พ่อ)”
อฟ. 3:17 ให้พระคริสต์ประทับในใจของท่านโดยทางความเชื่อ ให้ท่านได้หยั่งรากและตั้งมั่นอยู่ในความรัก
คส. 1:21 และเมื่อก่อนนี้พวกท่านถูกตัดขาดจากพระเจ้า และเป็นศัตรูในใจโดยการทำชั่วต่างๆ
คส. 3:16 จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ จงสั่งสอนและเตือนสติกันด้วยปัญญาทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณด้วยการขอบพระคุณพระเจ้าในใจของท่าน
ฮบ. 4:12 เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
ฮบ. 10:16 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเขาทั้งหลาย หลังจากสมัยนั้น เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในจิตใจของพวกเขา”
ยก. 3:14 แต่ถ้าหากในใจของพวกท่านมีความขมขื่นเพราะริษยาและมีความมักใหญ่ใฝ่สูง ก็อย่าโอ้อวดและอย่าต่อต้านความจริงด้วยการโกหก
1ปต. 3:4 แต่จงประดับด้วยบุคลิกที่ซ่อนอยู่ในใจ ด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า
1ปต. 3:15 แต่ในใจของพวกท่าน จงเคารพนับถือพระคริสต์ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมพร้อมเสมอ ที่จะอธิบายกับทุกคนที่ขอทราบเหตุผลเกี่ยวกับความหวังของพวกท่าน
2ปต. 1:19 และเรามีคำเผยพระวจนะที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นอีก จะเป็นการดีถ้าพวกท่านจะเอาใจใส่คำนั้น เพราะคำนั้นเป็นเสมือนตะเกียงที่ส่องสว่างในที่มืด จนกว่าแสงอรุณจะขึ้น และดาวรุ่งจะผุดขึ้นในใจของพวกท่าน
วว. 18:7 นครนั้นให้เกียรติตัวเองและอยู่อย่างฟุ่มเฟือยมากเพียงไร ก็จงมอบความทรมานและความโศกเศร้าแก่นครนั้นมากเพียงนั้น เพราะนครนั้นรำพึงในใจว่า ‘เรานั่งอยู่ในตำแหน่งราชินี เราไม่ใช่หญิงม่าย และเราจะไม่ประสบความโศกเศร้าเลย’
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น