ปฐก. 26:34 เมื่อเอซาวมีอายุ 40 ปี เขารับยูดิธบุตรหญิงของเบเออรีคนฮิตไทต์ และรับบาเสมัทบุตรหญิงของเอโลนคนฮิตไทต์เป็นภรรยา
ปฐก. 26:35 หญิงเหล่านั้นทำให้ชีวิตอิสอัคและนางเรเบคาห์ขมขื่น
ปฐก. 27:34 เมื่อเอซาวได้ยินถ้อยคำของบิดาก็ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความขมขื่นยิ่งนัก และพูดกับบิดาว่า “พ่อ ขออวยพรลูกด้วยเถิด”
**********
ปฐก. 27:30 พออิสอัคอวยพรยาโคบเสร็จ และยาโคบเพิ่งออกไปพ้นหน้าอิสอัคบิดา เอซาวพี่ชายก็กลับจากการล่าเนื้อ
ปฐก. 27:31 เขาทำอาหารอร่อยนำมาให้บิดา เขาพูดกับบิดาว่า “ขอพ่อลุกขึ้นรับประทานเนื้อที่ลูกชายหามา เพื่อจะได้อวยพรลูก”
ปฐก. 27:32 อิสอัค บิดาพูดกับเขาว่า “เจ้าคือใคร?” เขาตอบว่า “ลูกคือเอซาว ลูกชายหัวปีของพ่อ”
ปฐก. 27:33 พอได้ฟังดังนั้น อิสอัคก็ตัวสั่นมากยิ่งนัก พูดว่า “ใครเล่าที่ไปล่าเนื้อ แล้วนำมาให้พ่อ? พ่อกินหมดแล้วก่อนเจ้ามาถึง และพ่ออวยพรเขาแล้ว และเขาจะได้รับพรแน่นอน”
ปฐก. 27:34 เมื่อเอซาวได้ยินถ้อยคำของบิดาก็ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความขมขื่นยิ่งนัก และพูดกับบิดาว่า “พ่อ ขออวยพรลูกด้วยเถิด”
ปฐก. 27:35 แต่ท่านพูดว่า “น้องเจ้าเข้ามาหลอกพ่อ เอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว”
ปฐก. 27:36 เอซาวพูดว่า “เขามีชื่อว่ายาโคบก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ? เพราะเขาหลอกลูกสองหนเข้านี่แล้ว เขาเอาสิทธิบุตรหัวปีของลูกไป และคราวนี้เขาเอาพรของลูกไปอีกด้วย” แล้วเขาพูดว่า “พ่อไม่ได้สงวนพรไว้ให้ลูกบ้างหรือ?”
ปฐก. 27:37 อิสอัคตอบเอซาวว่า “พ่อตั้งให้เขาเป็นนายเหนือเจ้า และมอบบรรดาพี่น้องของเขาทั้งหมดให้เป็นคนใช้ของเขา ทั้งพืชและเหล้าองุ่น พ่อก็จัดให้เขา ลูกเอ๋ย พ่อจะทำอะไรให้เจ้าได้อีกเล่า?”
ปฐก. 27:38 เอซาวพูดกับบิดาว่า “พ่อ พ่อมีพรแต่เพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ? พ่อ ขออวยพรลูก ให้พรลูกด้วยเถิดพ่อ” แล้วเอซาวก็ตะเบ็งเสียงร้องไห้
ปฐก. 27:39 อิสอัคบิดาของเขาจึงตอบว่า “ที่ดินของเจ้าจะอยู่ห่างจากความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และห่างจากน้ำค้างจากฟ้าเบื้องบน
ปฐก. 27:40 แต่เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยดาบ และเจ้าจะรับใช้น้องชายของเจ้า แต่เมื่อเจ้าดิ้นรน เจ้าจะหักแอกของเขาออกจากคอของเจ้า”
*******
ปฐก. 27:12 พ่อของลูกคงจะคลำตัวลูก และเห็นว่าลูกหลอกลวงท่าน แล้วนำการสาปแช่งมาเหนือลูก ไม่ใช่พร”
ปฐก. 27:35 แต่ท่านพูดว่า “น้องเจ้าเข้ามาหลอกพ่อ เอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว”
ปฐก. 27:36 เอซาวพูดว่า “เขามีชื่อว่ายาโคบก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ? เพราะเขาหลอกลูกสองหนเข้านี่แล้ว เขาเอาสิทธิบุตรหัวปีของลูกไป และคราวนี้เขาเอาพรของลูกไปอีกด้วย” แล้วเขาพูดว่า “พ่อไม่ได้สงวนพรไว้ให้ลูกบ้างหรือ?”
ปฐก. 31:7 บิดาของเจ้ายังบิดพลิ้วต่อฉัน และเปลี่ยนค่าจ้างของฉันเสียสิบครั้งแล้ว แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงให้เขาทำร้ายฉัน
**********
ปฐก. 27:1 เมื่ออิสอัคชราและตามัว ท่านก็เรียกเอซาวบุตรคนโตของท่านมา และกล่าวแก่เขาว่า “ลูกเอ๋ย” เขาตอบว่า “ลูกอยู่นี่”
ปฐก. 27:2 ท่านว่า “นี่แน่ะ พ่อแก่แล้ว พ่อไม่รู้วันตายของพ่อ
ปฐก. 27:3 เจ้าจงเอาอาวุธของเจ้า คือแล่งธนูและคันธนูออกไปที่ท้องทุ่ง หาเนื้อมาให้พ่อ
ปฐก. 27:4 เตรียมอาหารอร่อยให้พ่อ อย่างที่พ่อชอบนั้น และนำมาให้พ่อกิน เพื่อพ่อจะได้อวยพรแก่เจ้าก่อนพ่อตาย”
ปฐก. 27:5 เมื่ออิสอัคพูดกับเอซาวบุตรชายนั้น นางเรเบคาห์แอบฟังอยู่ เมื่อเอซาวออกไปท้องทุ่งเพื่อหาเนื้อมา
ปฐก. 27:6 เรเบคาห์จึงพูดกับยาโคบบุตรของนางว่า “แม่ได้ยินพ่อของเจ้าพูดกับเอซาวพี่ชายของเจ้าว่า
ปฐก. 27:7 ‘จงนำเนื้อมาให้พ่อและจัดอาหารอร่อยให้พ่อกิน และพ่อจะอวยพรเจ้าเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ก่อนพ่อตาย’
ปฐก. 27:8 เพราะฉะนั้น ลูกเอ๋ยจงเชื่อฟังตามที่แม่จะสั่งเจ้า
ปฐก. 27:9 ไปที่ฝูงแพะแกะ นำลูกแพะดีๆ สองตัวมาให้แม่ แม่จะเอามันปรุงอาหารอร่อยให้พ่อเจ้า อย่างที่พ่อชอบ
ปฐก. 27:10 และเจ้าเองต้องนำไปให้พ่อเจ้ารับประทานเพื่อว่าท่านจะอวยพรเจ้าก่อนท่านตาย”
ปฐก. 27:11 ยาโคบพูดกับเรเบคาห์มารดาของเขาว่า “ดูสิ เอซาวพี่ของลูกเป็นคนมีขนดก และลูกเป็นคนเกลี้ยงเกลา
ปฐก. 27:12 พ่อของลูกคงจะคลำตัวลูก และเห็นว่าลูกหลอกลวงท่าน แล้วนำการสาปแช่งมาเหนือลูก ไม่ใช่พร”
ปฐก. 27:13 มารดาพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ย ขอให้คำสาปแช่งของเจ้าตกอยู่กับแม่เถิด เชื่อฟังแม่เท่านั้น ไปนำมาให้แม่เถิด”
ปฐก. 27:14 เขาจึงไปนำมาให้มารดา มารดาของเขาก็ทำอาหารอร่อยอย่างที่บิดาของเขาชอบนั้น
ปฐก. 27:15 แล้วเรเบคาห์นำเสื้ออย่างดีที่สุดของเอซาวบุตรชายคนโตของนาง ซึ่งอยู่กับนางในเรือนมาสวมให้ยาโคบบุตรคนเล็กของนาง
ปฐก. 27:16 เอาหนังลูกแพะหุ้มมือและคอที่เกลี้ยงเกลาของเขา
ปฐก. 27:17 แล้วนางก็มอบอาหารอร่อยและขนมปังที่นางทำให้ยาโคบบุตรชายของนางถือไป
ปฐก. 27:18 เขาจึงเข้าไปหาบิดาและพูดว่า “พ่อ” และท่านว่า “พ่ออยู่นี่ ลูกเอ๋ย เจ้าคือใคร?”
ปฐก. 27:19 ยาโคบตอบบิดาของเขาว่า “ลูกเป็นเอซาวบุตรหัวปีของพ่อ ลูกทำตามที่พ่อบอกลูกแล้ว เชิญลุกขึ้นนั่งรับประทานเนื้อที่ลูกหามาเถิด เพื่อพ่อจะได้อวยพรแก่ลูก”
ปฐก. 27:20 แต่อิสอัคพูดกับบุตรชายของตนว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าทำอย่างไรจึงพบมันเร็วนัก?” เขาตอบว่า “เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของพ่อทรงนำมาให้ลูก”
ปฐก. 27:21 แล้วอิสอัคจึงพูดกับยาโคบว่า “ลูกเอ๋ย มาใกล้ๆ พ่อจะได้คลำดูเจ้า เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นเอซาวลูกชายของพ่อแน่หรือไม่?”
ปฐก. 27:22 ยาโคบจึงเข้าไปใกล้อิสอัคบิดา อิสอัคคลำตัวเขาแล้วพูดว่า “เสียงก็เป็นเสียงของยาโคบ แต่มือเป็นมือของเอซาว”
ปฐก. 27:23 ท่านก็จำเขาไม่ได้ เพราะมือของเขามีขนดกเหมือนมือเอซาวพี่ชายของเขา ท่านจึงอวยพรแก่เขา
ปฐก. 27:24 ท่านถามว่า “เจ้าเป็นเอซาวลูกชายของพ่อจริงหรือ?” เขาตอบว่า “ใช่”
ปฐก. 27:25 ท่านจึงว่า “นำอาหารมาให้พ่อ พ่อจะได้กินเนื้อที่ลูกชายของพ่อหามา แล้วอวยพรเจ้า” ยาโคบจึงนำมันมาให้ท่าน ท่านก็รับประทาน ยาโคบนำเหล้าองุ่นมาให้ท่านและท่านก็ดื่ม
ปฐก. 27:26 แล้วอิสอัคบิดาของเขาจึงพูดกับเขาว่า “ลูกเอ๋ยเข้ามาใกล้และจูบพ่อ”
ปฐก. 27:27 เขาจึงเข้ามาใกล้และจูบท่าน และท่านก็ดมกลิ่นที่เสื้อของเขา และอวยพรเขาว่า “ดูซิ กลิ่นลูกชายข้า เหมือนกลิ่นท้องทุ่งซึ่งพระยาห์เวห์ทรงอวยพร
ปฐก. 27:28 ขอพระเจ้าประทานน้ำค้างจากฟ้าแก่เจ้า และประทานความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ทั้งข้าวและเหล้าองุ่นใหม่มากมายแก่เจ้า
ปฐก. 27:29 ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้เจ้า ขอให้ประชาชาติโน้มลงคำนับเจ้า ขอให้เป็นเจ้านายเหนือพี่น้อง และบุตรชายมารดาของเจ้าโน้มลงคำนับเจ้า ใครแช่งสาปเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาป และใครอวยพรเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นรับพร”
.
*************
ปฐก. 29:17 เลอาห์นั้นตาเศร้า แต่ราเชลนั้นรูปร่างสวยและงามน่าดู
ปฐก. 29:18 ยาโคบก็รักราเชล เขาบอกลาบันว่า “ฉันจะรับใช้ท่านเจ็ดปี เพื่อได้ราเชลลูกสาวคนเล็กของท่าน”
ปฐก. 29:19 ลาบันจึงว่า “ให้เรายกบุตรีให้เจ้านั้นดีกว่าจะยกให้ชายอื่น จงอยู่กับเราเถิด”
ปฐก. 29:20 ยาโคบก็รับใช้อยู่เจ็ดปีเพื่อได้ราเชล เห็นเป็นเหมือนน้อยวันเพราะเขารักเธอ
ปฐก. 29:21 ยาโคบบอกลุงว่า “เวลาที่กำหนดไว้ก็ครบแล้ว ขอให้ภรรยาฉันเถอะ ฉันจะได้เข้าไปหาเธอ”
ปฐก. 29:22 ลาบันจึงเชิญชาวบ้านมาพร้อมกัน แล้วจัดงานเลี้ยง
ปฐก. 29:23 เมื่อเวลาค่ำลาบันก็พาเลอาห์บุตรีมามอบให้แก่ยาโคบ และยาโคบก็เข้าไปหาเธอ
ปฐก. 29:24 (ลาบันยกศิลปาห์สาวใช้ของเขาให้เป็นสาวใช้ของเลอาห์)
ปฐก. 29:25 พอรุ่งขึ้นยาโคบก็เห็นว่าเป็นเลอาห์ จึงกล่าวแก่ลาบันว่า “ทำไมลุงทำกับฉันเช่นนี้? ฉันรับใช้ลุงเพื่อได้ราเชลไม่ใช่หรือ? ทำไมลุงจึงล่อลวงฉันเล่า?”
ปฐก. 29:26 ลาบันจึงตอบว่า “ในถิ่นของเราไม่มีธรรมเนียมที่จะยกน้องสาวให้ก่อนพี่หัวปี
ปฐก. 29:27 ขอให้ครบเจ็ดวันของหญิงนี้ก่อน แล้วเราจะยกคนนั้นให้ด้วย เพื่อตอบแทนที่เจ้าจะรับใช้ลุงอีกเจ็ดปี”
ปฐก. 29:28 ยาโคบก็ยอมและรอจนครบเจ็ดวันของนาง แล้วลาบันก็ยกราเชลบุตรีให้เป็นภรรยา
ปฐก. 29:29 (ลาบันยกบิลฮาห์สาวใช้ของเขาให้เป็นสาวใช้ของราเชล)
ปฐก. 29:30 ยาโคบก็เข้าไปหาราเชลด้วย เขารักราเชลมากกว่าเลอาห์ เขาจึงรับใช้ลาบันต่อไปอีกเจ็ดปี
ปฐก. 29:31 พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่ายาโคบไม่รักเลอาห์ จึงทรงให้เลอาห์ตั้งครรภ์ แต่ราเชลนั้นเป็นหมัน
**********
วว. 21:12 นครนั้นมีกำแพงสูงใหญ่ มีประตูสิบสองประตู และที่ประตูมีทูตสวรรค์สิบสององค์ บนประตูมีชื่อเผ่าของอิสราเอลสิบสองเผ่าจารึกไว้
วว. 21:1 และข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะว่าฟ้าสวรรค์เดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกต่อไป
วว. 21:2 และข้าพเจ้าได้เห็นนครบริสุทธิ์ คือนครเยรูซาเล็มใหม่ลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า นครนี้เตรียมพร้อมเหมือนอย่างเจ้าสาวที่แต่งตัวไว้สำหรับสามี
วว. 21:3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากพระที่นั่งว่า “นี่แน่ะ ที่ประทับของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว และพระองค์จะประทับกับเขาทั้งหลาย พวกเขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ พระเจ้าเองจะสถิตกับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา
วว. 21:4 พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขาทั้งหลาย และความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความโศกเศร้า การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นผ่านไปแล้ว”
วว. 21:5 แล้วพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งตรัสว่า “นี่แน่ะ เราสร้างทุกสิ่งขึ้นใหม่” และตรัสอีกว่า “จงเขียนลงไปเถิด เพราะว่าคำเหล่านี้เป็นคำที่เชื่อถือได้และสัตย์จริง”
วว. 21:6 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ใครที่กระหาย เราจะให้เขาดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
วว. 21:7 คนที่ชนะจะได้รับสิ่งเหล่านี้เป็นมรดก และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา
วว. 21:8 แต่พวกที่ขี้ขลาด พวกที่ไม่เชื่อ พวกที่ประพฤติอย่างน่าสะอิดสะเอียน พวกฆาตกร พวกล่วงประเวณี พวกใช้เวทมนตร์ พวกบูชารูปเคารพ และทุกคนที่โกหกนั้น มรดกของพวกเขาอยู่ในบึงที่ไฟและกำมะถันกำลังลุกไหม้อยู่ ซึ่งเป็นความตายครั้งที่สอง”
วว. 21:9 แล้วทูตสวรรค์องค์หนึ่งในเจ็ดองค์ที่ถือชามเจ็ดใบเต็มด้วยภัยพิบัติสุดท้ายเจ็ดอย่างนั้น มาและพูดกับข้าพเจ้าว่า “มานี่ซี เราจะให้ท่านดูเจ้าสาวที่เป็นมเหสีของพระเมษโปดก”
วว. 21:10 แล้วท่านนำข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณขึ้นไปบนภูเขาสูงใหญ่ และสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์คือเยรูซาเล็ม ซึ่งลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า
วว. 21:11 นครนั้นเต็มไปด้วยพระสิริของพระเจ้า ใสสว่างเหมือนอย่างอัญมณี เหมือนอย่างแจสเพอร์ที่ใสดังแก้วผลึก
วว. 21:12 นครนั้นมีกำแพงสูงใหญ่ มีประตูสิบสองประตู และที่ประตูมีทูตสวรรค์สิบสององค์ บนประตูมีชื่อเผ่าของอิสราเอลสิบสองเผ่าจารึกไว้
วว. 21:13 ทางด้านตะวันออกมีสามประตู ทางด้านเหนือมีสามประตู ทางด้านใต้มีสามประตูและทางด้านตะวันตกมีสามประตู
วว. 21:14 กำแพงของนครนั้นมีฐานศิลาสิบสองฐาน และบนฐานเหล่านั้นมีชื่ออัครทูตสิบสองคนของพระเมษโปดก
วว. 21:15 ทูตสวรรค์องค์ที่พูดกับข้าพเจ้านั้นมีไม้วัดที่ทำด้วยทองคำเพื่อจะวัดตัวนคร ประตูและกำแพงของนครนั้น
วว. 21:16 นครนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวเท่ากัน และท่านวัดนครนั้นด้วยไม้วัดได้ 12,000 สทาดิโอน ความยาว ความกว้างและความสูงเท่ากัน
วว. 21:17 ท่านวัดกำแพงนครนั้นได้ 144 ศอก ตามมาตราวัดของมนุษย์ที่ทูตสวรรค์ก็ใช้
วว. 21:18 กำแพงนครนั้นสร้างขึ้นด้วยแจสเพอร์ และนครนั้นสร้างด้วยทองคำเนื้อบริสุทธิ์เหมือนแก้วที่ใสสะอาด
วว. 21:19 ฐานศิลาต่างๆ ของกำแพงนครนั้นประดับด้วยอัญมณีทุกชนิด ฐานที่หนึ่งเป็นแจสเพอร์ ที่สองไพลิน ที่สามเป็นโมรา ที่สี่เป็นมรกต
วว. 21:20 ที่ห้าโอนิกซ์ ที่หกคาร์เนเลียน ที่เจ็ดเพอริโด ที่แปดเบริล ที่เก้าโทแพซ ที่สิบคริโซเพรส ที่สิบเอ็ดเพทาย ที่สิบสองแอเมทิสต์
วว. 21:21 ประตูทั้งสิบสองประตูนั้นทำด้วยไข่มุกสิบสองเม็ด ประตูละเม็ด และถนนในนครนั้นเป็นทองคำเนื้อบริสุทธิ์เหมือนอย่างแก้วโปร่งใส
วว. 21:22 ข้าพเจ้าไม่เห็นมีพระวิหารในนครนั้น เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าทรงฤทธานุภาพสูงสุด และพระเมษโปดกเป็นพระวิหารในนครนั้น
วว. 21:23 นครนั้นไม่จำเป็นต้องมีแสงจากดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ เพราะว่าพระสิริของพระเจ้าเป็นแสงสว่างของนครนั้น และพระเมษโปดกทรงเป็นประทีปของนครนั้น
วว. 21:24 ประชาชาติต่างๆ จะเดินโดยอาศัยแสงสว่างของนครนั้น และกษัตริย์ทั้งหลายในแผ่นดินโลกจะนำศักดิ์ศรีของตนเข้ามาในนครนั้น
วว. 21:25 ประตูต่างๆ ของนครจะไม่ปิดในเวลากลางวัน และจะไม่มีเวลากลางคืนในนั้น
วว. 21:26 คนทั้งหลายจะนำศักดิ์ศรีและเกียรติของประชาชาติต่างๆ เข้ามา
วว. 21:27 และไม่มีสิ่งใดที่เป็นมลทิน หรือคนใดที่ประพฤติอย่างน่าสะอิดสะเอียน หรือประพฤติการหลอกลวงจะเข้าไปในนครนั้นได้ นอกจากพวกที่มีชื่อจดไว้ในหนังสือชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น