วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2567

เมือง​ของ​เรา​จะ​ไพ​บูลย์​ท่วม​ท้น​ไป​ด้วย​ความ​มั่ง​คั่ง​อีก

 ศคย. 1:7 เมื่อ​วัน​ที่ 24 เดือน​ที่ 11 ซึ่ง​เป็น​เดือน​เช​บัท ใน​ปี​ที่ 2 แห่ง​รัช​กาล​ดา​ริ​อัส พระ​วจนะ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​มา​ยัง​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​เศ​คา​ริ​ยาห์ บุตร​เบ​เร​คิ​ยาห์​ผู้​เป็น​บุตร​อิด​โด และ​เศ​คา​ริ​ยาห์​กล่าว​ว่า

ศคย. 1:8 “คืน​วัน​หนึ่ง ข้าพ​เจ้า​ได้​มอง​ดู และ​นี่​แน่ะ มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ขี่​ม้า​สี​แดงยืน​อยู่​ท่าม​กลาง​ต้น​น้ำ​มัน​เขียว​ที่​ลาน​หุบ​เขา มี​ม้า​สี​แดง สี​แสด และ​สี​ขาว​อยู่​ข้าง​หลัง​คน​นั้น

(สรุปประเด็นสำคัญ:

  • นิมิต: ข้อพระคัมภีร์นี้บรรยายถึงนิมิตที่ศาสดาเศคาริยาห์เห็นในยามค่ำคืน

  • บุคคลลึกลับ: มีบุคคลหนึ่งขี่ม้าสีแดงปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียวในลานหุบเขา

  • ม้าสีต่างๆ: มีม้าสีแดง สีแสด และสีขาว อยู่ข้างหลังบุคคลลึกลับนี้

ความหมายที่เป็นไปได้:

  • การตีความในเชิงสัญลักษณ์: องค์ประกอบต่างๆ ในนิมิตนี้ เช่น ม้าสีต่างๆ และต้นน้ำมันเขียว มักถูกตีความในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งอาจหมายถึงสิ่งต่างๆ ในบริบทของหนังสือเศคาริยาห์และประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล

  • พระเจ้าทรงกำลังเคลื่อนไหว: บุคคลลึกลับขี่ม้าสีแดง อาจเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าหรือทูตสวรรค์ ที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือและปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล

  • ความหวังและการฟื้นฟู: การปรากฏตัวของม้าสีต่างๆ อาจสื่อถึงความหวังและการฟื้นฟูสำหรับชนชาติอิสราเอล หลังจากเผชิญกับความยากลำบาก)

ศคย. 1:9 แล้ว​ข้าพ​เจ้า​จึง​ถาม​ว่า ‘นาย​เจ้า​ข้า เหล่า​นี้​คือ​อะไร?’ ทูต​สวรรค์​ที่​สน​ทนา​กับ​ข้าพ​เจ้า​บอก​ว่า ‘เรา​จะ​สำ​แดง​ให้​เจ้า​ทราบ​ว่า เหล่า​นี้​คือ​อะไร’

(สรุป:

ผู้พูด (น่าจะเป็นผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์) เห็นนิมิตบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ และถามทูตสวรรค์ที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาว่า "นายเจ้าข้า เหล่านี้คืออะไร?" ทูตสวรรค์ตอบว่าจะอธิบายให้เขาฟัง

ความหมาย:

ข้อพระคัมภีร์นี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ผ่านทางทูตสวรรค์ โดย:

  • ความสัมพันธ์ที่พระเจ้าทรงสื่อสาร: พระเจ้าทรงสื่อสารกับมนุษย์ผ่านทางทูตสวรรค์เพื่อเปิดเผยนิมิตและแผนการของพระองค์

  • ความถ่อมใจของผู้เผยพระวจนะ: เศคาริยาห์แสดงความถ่อมใจและยอมรับว่าเขาไม่เข้าใจนิมิตที่เห็น จึงขอการอธิบายจากทูตสวรรค์

  • ความสำคัญของการตีความ: นิมิตจากพระเจ้ามักจะต้องมีการตีความเพื่อให้เข้าใจความหมายที่แท้จริง ซึ่งทูตสวรรค์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการตีความ)

ศคย. 1:10 ชาย​ที่​ยืน​อยู่​ท่าม​กลาง​ต้น​น้ำ​มัน​เขียว​จึง​บอก​ว่า ‘เหล่า​นี้​คือ​ผู้​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ใช้​ให้​ไป​เที่ยว​ตรวจ​แผ่น​ดิน​โลก’

(

ข้อความ “ชาย​ที่​ยืน​อยู่​ท่าม​กลาง​ต้น​น้ำ​มัน​เขียว​จึง​บอก​ว่า ‘เหล่า​นี้​คือ​ผู้​ที่​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ใช้​ให้​ไป​เที่ยว​ตรวจ​แผ่น​ดิน​โลก” มาจากหนังสือเศคาริยาห์ บทที่ 1 ข้อ 10

สรุปประเด็นสำคัญ:

  • นิมิตของเศคาริยาห์: ข้อความนี้อยู่ในบริบทของนิมิตที่พระเจ้าประทานแก่เศคาริยาห์ ผู้เผยพระวจนะ

  • ชายที่ยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียว: บุคคลนี้เป็นทูตสวรรค์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ อธิบายนิมิตให้เศคาริยาห์เข้าใจ

  • ผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงใช้: “เหล่านี้” น่าจะหมายถึงผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมให้เป็นผู้นำ อาจเป็น เศรุบบาเบล ผู้นำทางการเมือง และ โยชูวา มหาปุโรหิต ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในช่วงเวลาที่เศคาริยาห์เผยพระวจนะ

  • เที่ยวตรวจแผ่นดินโลก: เป็นภาพพจน์ที่สื่อถึง การดูแล เฝ้าระวัง และนำแผ่นดินของพระเจ้า

ความหมาย:

 อำนาจอธิปไตยของพระเจ้า พระองค์ทรงควบคุมทุกสิ่ง และทรงใช้ผู้คนให้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ แม้ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนสิ้นหวัง พระองค์ทรงมีแผนงานและทรงจัดเตรียมผู้นำให้กับประชากรของพระองค์

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม:

  • บริบทของหนังสือเศคาริยาห์: ช่วยให้เข้าใจข้อความนี้ได้ดีขึ้น ในขณะนั้น ชาวอิสราเอลเพิ่งกลับจากการเป็นเชลยในบาบิโลน พวกเขากำลังสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ แต่ก็เผชิญกับอุปสรรคมากมาย นิมิตนี้จึงเป็นการหนุนใจให้พวกเขามั่นใจในแผนงานของพระเจ้า)

ศคย. 1:11 และ​เขา​เหล่า​นั้น​ได้​ตอบ​ทูต​สวรรค์​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​ผู้​ยืน​อยู่​ท่าม​กลาง​ต้น​น้ำ​มัน​เขียว​ว่า ‘เรา​ได้​ตรวจ​แผ่น​ดิน​โลก​แล้ว นี่​แน่ะ ทั้ง​โลก​ก็​สงบ’

(

บริบท:

  • หนังสือศักดิ์ดาเรียห์เป็นส่วนหนึ่งของพันธสัญญาเดิม บอกเล่าเรื่องราวของผู้เผยพระวจนะศักดิ์ดาเรียห์ที่ได้รับนิมิตจากพระเจ้าในช่วงเวลาที่ชาวยิวกำลังสร้างพระวิหารแห่งที่สองในเยรูซาเล็ม

  • ในบทที่ 1 ศักดิ์ดาเรียห์ได้เห็นนิมิตของคนขี่ม้าอยู่ท่ามกลางต้นไม้ เขาถามว่าพวกเขาคือใคร ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ได้อธิบายว่าพวกเขาเป็นผู้ที่ถูกส่งไปตรวจตราทั่วแผ่นดินโลก

สรุปประเด็นสำคัญของ ศคย. 1:11

  • มีทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ "ยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียว" ภาพนี้สื่อถึงความสงบสุขและความอุดมสมบูรณ์ ต้นน้ำมันเขียวอาจเป็นสัญลักษณ์ของอิสราเอลที่ได้รับการฟื้นฟู

  • ทูตสวรรค์รายงานว่า "ได้ตรวจแผ่นดินโลกแล้ว" แสดงให้เห็นถึงการดูแลและการควบคุมของพระเจ้าต่อโลกและเหตุการณ์ต่างๆ

  • รายงานของทูตสวรรค์คือ "ทั้งโลกก็สงบ" นี่อาจเป็นความสงบภายนอกที่หลอกลวง เพราะประชาชนยังคงเผชิญกับความท้าทายในการสร้างพระวิหาร อีกนัยหนึ่ง อาจหมายถึงช่วงเวลาแห่งสันติภาพทางการเมือง

ความหมายที่เป็นไปได้:

  • พระเจ้าทรงทราบถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ พระองค์ไม่ได้ละทิ้งประชากรของพระองค์

  • แม้ในช่วงเวลาแห่งความสงบภายนอก ก็ยังคงมีความจำเป็นที่ผู้คนจะต้องซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า และทำตามพระประสงค์ของพระองค์ต่อไป

  • นิมิตนี้เป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังสร้างพระวิหาร โดยเตือนพวกเขาว่าพระเจ้ากำลังเฝ้ามองและทรงควบคุมสถานการณ์

สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าการตีความพระคัมภีร์เป็นเรื่องซับซ้อนและมีหลายมุมมอง การศึกษาบริบท ประวัติศาสตร์ และคำสอนอื่นๆ ภายในพระคัมภีร์ จะช่วยให้เข้าใจความหมายของข้อพระคัมภีร์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น


ศคย. 1:11 กล่าวว่า “และเขาทั้งหลายได้ตอบทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ ผู้ยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียวว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ตรวจแผ่นดินโลกแล้ว นี่แน่ะ ทั้งโลกก็สงบ’"

สรุปประเด็นสำคัญ:

  • บริบท: ข้อพระคัมภีร์นี้มาจากหนังสือเศคาริยาห์ ซึ่งเป็นผู้เผยพระวจนะที่ได้รับนิมิตจากพระเจ้าเกี่ยวกับอนาคตของอิสราเอล

  • นิมิต: เศคาริยาห์เห็นนิมิตของทูตสวรรค์ขี่ม้าสีแดงอยู่ท่ามกลางต้นไมร์เติล (บางฉบับแปลว่า ต้นน้ำมันเขียว) และมีทูตสวรรค์อื่นๆอยู่ด้วย

  • การลาดตระเวน: ทูตสวรรค์เหล่านี้เพิ่งกลับมาจากการลาดตระเวนทั่วโลก และรายงานต่อทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ว่า "ทั้งโลกก็สงบ"

  • ความหมายโดยนัย: ความสงบสุขที่กล่าวถึงในที่นี้อาจหมายถึงความสงบภายนอกเท่านั้น ซึ่งขัดแย้งกับความจริงที่ว่าผู้คนยังคงห่างเหินจากพระเจ้า

การตีความ: ข้อพระคัมภีร์นี้อาจตีความได้หลายอย่าง เช่น:

  • ความแตกต่างระหว่างมุมมองของมนุษย์และมุมมองของพระเจ้า: สิ่งที่ดูเหมือนสงบสุขสำหรับมนุษย์ อาจไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงเห็น

  • ความสำคัญของการเฝ้าระวังฝ่ายวิญญาณ: เช่นเดียวกับทูตสวรรค์ที่ลาดตระเวน คริสเตียนควรตื่นตัวและเฝ้าระวังฝ่ายวิญญาณอยู่เสมอ

  • ความหวังสำหรับอนาคต: แม้ว่าโลกจะดูวุ่นวาย แต่พระเจ้าทรงควบคุมทุกสิ่ง และพระองค์ทรงมีแผนการสำหรับอนาคต)

ศคย. 1:12 แล้ว​ทูต​สวรรค์​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​กล่าว​ว่า ‘ข้า​แต่​พระ​ยาห์​เวห์​จอม​ทัพ อีก​นาน​เท่า​ใด พระ​องค์​จะ​ไม่​ทรง​เมต​ตา​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​และ​เมือง​อื่นๆ แห่ง​ยู​ดาห์ ซึ่ง​พระ​องค์​ก็​ทรง​กริ้ว​มา 70 ปี​แล้ว​พระ​เจ้า​ข้า?’

เศคาริยาห์ 1:12 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่พูดถึงคำถามของทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่ถามพระยาห์เวห์ว่า เมื่อใดที่พระองค์จะทรงเมตตาต่อกรุงเยรูซาเล็มและเมืองอื่น ๆ ของยูดาห์ หลังจากที่พวกเขาต้องตกเป็นเชลยในบาบิโลนเป็นเวลา 70 ปี

ประเด็นสำคัญที่พบในข้อพระคัมภีร์นี้คือ:

  • ความเมตตาของพระเจ้า: แม้ว่าชาวอิสราเอลจะไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่พระองค์ก็ยังทรงห่วงใยพวกเขาและทรงปรารถนาที่จะแสดงความเมตตาต่อพวกเขา

  • การไถ่ถอนของพระเจ้า: 70 ปีแห่งการเป็นเชลยเป็นสัญลักษณ์ของการพิพากษาของพระเจ้าต่อบาปของพวกเขา แต่พระองค์ก็ยังทรงสัญญาว่าจะไถ่พวกเขากลับมา

  • ความสัตย์ซื่อของพระเจ้า: พระเจ้าทรงรักษาสัญญาที่พระองค์มีต่อประชากรของพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ซื่อสัตย์ก็ตาม

ข้อพระคัมภีร์นี้ให้ความหวังและกำลังใจแก่ผู้เชื่อโดยแสดงให้เห็นว่า:

  • พระเจ้าทรงเมตตาและรักษาสัญญา: แม้ในยามที่เราทำบาป พระเจ้าก็ยังทรงรักเราและปรารถนาที่จะยกโทษให้เรา

  • พระเจ้าทรงควบคุม: พระองค์ทรงกำหนดเวลาและฤดูกาล และพระองค์ทรงทำงานเพื่อทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จ

  • ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าจะคงอยู่ตลอดไป: เราสามารถวางใจในพระสัญญาของพระเจ้าได้ เพราะพระองค์ทรงสัตย์ซื่อเสมอ 

)

ศคย. 1:13 และ​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ตอบ​ทูต​สวรรค์​ผู้​ที่​สน​ทนา​กับ​ข้าพ​เจ้า เป็น​ถ้อย​คำ​ที่​แสดง​ความ​เมตตา​และ​ชูใจ

การตีความ:

  • บริบท: เพื่อให้เข้าใจความหมายของข้อนี้ได้อย่างถ่องแท้ จำเป็นต้องอ่านข้อนี้ควบคู่กับบริบทของทั้งบทและทั้งเล่ม เศคาริยาห์เป็นผู้เผยพระวจนะที่ได้รับนิมิตและข่าวสารจากพระเจ้าเพื่อหนุนใจชาวอิสราเอลที่กำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง

  • "ถ้อยคำที่แสดงความเมตตาและชูใจ": ข้อความนี้บ่งบอกว่า ถึงแม้ชาวอิสราเอลจะทำบาปและไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่พระองค์ยังคงทรงรักและห่วงใยพวกเขา พระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้ความหวังและกำลังใจแก่พวกเขา

  • บทบาทของทูตสวรรค์: ทูตสวรรค์ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ในที่นี้ ทูตสวรรค์น่าจะทูลขอความเมตตาจากพระเจ้าแทนชาวอิสราเอล

สรุป

ข้อพระคัมภีร์ ศคย. 1:13 เน้นย้ำถึงความรักและความเมตตาอันไม่มีขอบเขตของพระเจ้า แม้ในยามที่มนุษย์ทำบาปและไม่เชื่อฟัง ข้อนี้ให้ความหวังและกำลังใจแก่ผู้ที่สำนึกผิดและกลับใจใหม่

)

ศคย. 1:14 ทูต​สวรรค์​ผู้​ที่​สน​ทนา​อยู่​กับ​ข้าพ​เจ้า​จึง​กล่าว​แก่​ข้าพ​เจ้า​ว่า ‘จง​ร้อง​ประ​กาศ​ว่า พระ​ยาห์​เวห์​จอม​ทัพ​ตรัส​ดัง​นี้​ว่า เรา​มี​ความ​หวง​แหน​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม คือ​กรุง​ศิโยน​เป็น​อย่าง​ยิ่ง

ศคย. 1:14 กล่าวว่า "ทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนาอยู่กับข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า ‘จงร้องประกาศว่า พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า เรามีความหวงแหนกรุงเยรูซาเล็ม คือกรุงศิโยน เป็นอย่างยิ่ง"

สำหรับข้อพระคัมภีร์ที่คุณกล่าวถึง (ศคย. 1:14), นี่คือการแบ่งข้อความอย่างง่าย:

  • "ทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนาอยู่กับข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า": ส่วนนี้ระบุว่าผู้พูดคือทูตสวรรค์ที่กำลังสื่อสารกับศาสดาพยากรณ์เศคาริยาห์

  • "จงร้องประกาศว่า พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า": นี่เป็นคำสั่งให้เศคาริยาห์ประกาศข้อความต่อไปนี้ ซึ่งมาจากพระยาห์เวห์

  • "เรามีความหวงแหนกรุงเยรูซาเล็ม คือกรุงศิโยนเป็นอย่างยิ่ง": นี่คือข้อความหลัก พระยาห์เวห์ทรงประกาศความหวงแหนอย่างลึกซึ้งต่อกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และภูเขาศิโยน ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระวิหาร

 ความสัมพันธ์พิเศษระหว่างพระเจ้ากับกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นศูนย์กลางของการนมัสการของชาวยิว พระองค์ทรงห่วงใยเมืองและประชากรของเมือง และข้อความนี้สัญญาว่าจะปกป้องและฟื้นฟูพวกเขา


สรุปประเด็นสำคัญ:

  • พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาหาศาสดาพยากรณ์เศคาริยาห์

  • พระเจ้าทรงมีข่าวสารสำคัญที่ต้องการให้ประกาศ

  • ข่าวสารนั้นคือ พระเจ้าทรง "หวงแหน" กรุงเยรูซาเล็มและกรุงศิโยน

ความหมาย:

  • ความหวงแหน: คำนี้แสดงถึงความรักที่ลึกซึ้ง ความห่วงใย และความปรารถนาที่จะปกป้อง

  • กรุงเยรูซาเล็มและกรุงศิโยน: เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นศูนย์กลางของศาสนาและเป็นสัญลักษณ์ของการสถิตอยู่ของพระเจ้าท่ามกลางประชากรของพระองค์

  • ข้อพระคัมภีร์นี้เน้นย้ำถึงความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้าที่มีต่อประชากรของพระองค์ และความตั้งใจของพระองค์ที่จะสถิตอยู่กับพวกเขา แม้ในยามที่พวกเขาหันเหไปจากพระองค์


 )

ศคย. 1:15 เรา​โกรธ​ประ​ชา​ชาติ​มาก​ที่​อยู่​อย่าง​สบายๆ เพราะ​เมื่อ​เรา​โกรธ​แต่​น้อย เขา​ทำ​ให้​เหตุ​การณ์​ยาก​ลำบาก​มาก​ขึ้น

ศคย. 1:15 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่มีความซับซ้อนและสามารถตีความได้หลายแง่มุม ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการตีความข้อนี้ ได้แก่:

  • บริบททางประวัติศาสตร์: ศคย. เขียนขึ้นในช่วงเวลาที่ประชาชนของพระเจ้าเผชิญกับความยากลำบากมากมาย ข้อนี้สะท้อนถึงความขัดแย้งและความท้าทายที่พวกเขาเผชิญ

  • ธรรมชาติของพระเจ้า: พระคัมภีร์แสดงให้เห็นทั้งความรักและความยุติธรรมของพระเจ้า พระองค์ทรงเมตตา แต่ก็ทรงพิโรธต่อความบาปและการไม่เชื่อฟัง

  • ความรับผิดชอบของมนุษย์: แม้ว่าพระเจ้าจะทรงฤทธิ์อำนาจ แต่พระองค์ก็ทรงมอบอิสรภาพให้มนุษย์ในการเลือก การกระทำของมนุษย์จึงส่งผลต่อสถานการณ์ของตนเอง

 

สรุป: ข้อนี้กล่าวถึงความโกรธของพระเจ้าที่มีต่อประชาชาติต่างๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ในขณะที่ประชากรของพระองค์กำลังทุกข์ทรมาน พระองค์ทรงรู้สึกว่าการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ ที่พระองค์ทรงส่งไปนั้นไม่ได้ทำให้พวกเขากลับใจ แต่กลับทำให้พวกเขากระทำสิ่งที่เลวร้ายยิ่งขึ้น

ประเด็นสำคัญ:

  • ความยุติธรรมของพระเจ้า: พระเจ้าทรงห่วงใยความอยุติธรรมและความชั่วร้ายในโลก และพระองค์ทรงโกรธเมื่อประชาชาติต่างๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความทุกข์ทรมานของผู้อื่น

  • การกลับใจ: พระเจ้าทรงปรารถนาให้ประชาชาติต่างๆ กลับใจจากการกระทำที่ชั่วร้ายของพวกเขาและหันมาหาพระองค์

  • ผลของการไม่เชื่อฟัง: หากประชาชาติต่างๆ ยังคงไม่เชื่อฟัง พระเจ้า พวกเขาจะต้องเผชิญกับการพิพากษาของพระองค์

ความหมาย: ข้อนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าพระเจ้าทรงเฝ้าดูการกระทำของเราและเราจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเรา หากเราไม่กลับใจจากบาปของเรา เราจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมา)

ศคย. 1:16 เพราะ​ฉะนั้น​พระ​ยาห์​เวห์​จึง​ตรัส​ว่า เรา​จะ​กลับ​มา​ยัง​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​ด้วย​ความ​กรุณา พระ​ยาห์​เวห์​จอม​ทัพ​ตรัส​ว่า เรา​จะ​ต้อง​ให้​มี​การ​สร้าง​นิเวศ​ของ​เรา​ขึ้น​ไว้​ใน​นั้น​และ​ขึง​เชือก​วัด​ไว้​เหนือ​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม

ศคย. 1:16 เพราะ​ฉะนั้น​พระ​ยาห์​เวห์​จึง​ตรัส​ว่า เรา​จะ​กลับ​มา​ยัง​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​ด้วย​ความ​กรุณา พระ​ยาห์​เวห์​จอม​ทัพ​ตรัส​ว่า เรา​จะ​ต้อง​ให้​มี​การ​สร้าง​นิเวศ​ของ​เรา​ขึ้น​ไว้​ใน​นั้น​และ​ขึง​เชือก​วัด​ไว้​เหนือ​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม

ประเด็นสำคัญ:

  • การกลับมาของพระเจ้า: ข้อนี้เน้นย้ำถึงคำสัญญาของพระเจ้าที่จะกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม แม้ว่าเมืองนี้จะถูกทำลายและประชาชนถูกเนรเทศออกไป พระเจ้าก็ยังคงทรงรักและห่วงใยพวกเขาอยู่

  • ความกรุณา: พระเจ้าไม่ได้กลับมาด้วยความโกรธ แต่ด้วย "ความกรุณา" นี่แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระองค์ที่มีต่อประชาชนของพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังก็ตาม

  • การฟื้นฟู: การสร้าง "นิเวศ" และ "ขึงเชือกวัด" เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟูและการสร้างใหม่ พระเจ้าสัญญาว่าจะไม่เพียงแค่กลับมา แต่จะทำให้กรุงเยรูซาเล็มเจ prosperous และยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ความหมาย:

ข้อพระคัมภีร์นี้เป็นข้อความแห่งความหวังสำหรับชาวอิสราเอลที่ถูกเนรเทศ มันให้ความมั่นใจว่าพระเจ้าไม่ได้ละทิ้งพวกเขา และพระองค์มีแผนที่จะฟื้นฟูพวกเขา ข้อความนี้ยังคงมีความหมายสำหรับคริสเตียนในทุกวันนี้ เตือนใจเราว่า:

  • พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ: พระองค์ทรงรักษาสัญญาของพระองค์เสมอ แม้ในยามที่ยากลำบาก

  • ความรักของพระเจ้าไม่มีที่สิ้นสุด: พระองค์ทรงพร้อมที่จะให้อภัยและฟื้นฟูผู้ที่กลับใจใหม่

  • พระเจ้าทรงกำลังสร้าง: พระองค์กำลังทำงานในชีวิตของเรา แม้ว่าเราจะมองไม่เห็นก็ตาม

 

 

ประเด็นสำคัญ:

  • การกลับมาของพระยาห์เวห์: ข้อพระคัมภีร์นี้เน้นย้ำถึงคำมั่นสัญญาของพระเจ้าในการกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งแสดงถึงการฟื้นฟูและการสถิตอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์อีกครั้ง

  • ความกรุณาของพระเจ้า: การกลับมาของพระเจ้าไม่ได้เกิดจากข้อดีของประชาชน แต่เป็นเพราะความรักและความเมตตาอันไม่เปลี่ยนแปลงของพระองค์

  • การสร้างใหม่: พระสัญญาในการ "สร้างนิเวศ" บ่งบอกถึงการฟื้นฟูทั้งทางกายภาพและทางวิญญาณของกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งอาจหมายถึงการสร้างพระวิหารใหม่ การกลับมาของผู้ถูกเนรเทศ หรือการสถาปนาความยุติธรรมและสันติภาพ

  • การสถาปนา: การ "ขึงเชือกวัด" เป็นสัญลักษณ์ของการวัดและการวางแผนอย่างรอบคอบ ซึ่งหมายถึงการฟื้นฟูกรุงเยรูซาเล็มจะไม่เป็นไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เป็นไปตามแผนการณ์และพระประสงค์ของพระเจ้า

ความหมาย:

ข้อพระคัมภีร์นี้ให้ความหวังและกำลังใจแก่ประชาชนของพระเจ้า แม้จะเผชิญกับความยากลำบากและความไม่แน่นอน พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะฟื้นฟูพวกเขา และสถาปนาพวกเขากลับคืนสู่สถานที่ที่ถูกต้อง


)

ศคย. 1:17 จง​ร้อง​ประ​กาศ​อีก​ว่า พระ​ยาห์​เวห์​จอม​ทัพ​ตรัส​ดัง​นี้​ว่า เมือง​ของ​เรา​จะไพ​บูลย์ท่วม​ท้น​ไป​ด้วย​ความ​มั่ง​คั่ง​อีก และ​พระ​ยาห์​เวห์​จะ​ปลอบศิโยน​และ​เลือก​สรร​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​อีก​ครั้ง​หนึ่ง

บริบท: พระวจนะนี้มาจากหนังสือศักดิ์สิทธิ์ของเศคาริยาห์ ผู้เผยพระวจนะของอิสราเอลโบราณ ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิมิตที่พระเจ้าประทานแก่เศคาริยาห์ ในช่วงเวลาที่ประชากรของพระองค์กำลังเผชิญกับความยากลำบากและความไม่แน่นอน หลังจากที่พวกเขาได้กลับมาจากการถูกเนรเทศ(ไปเป็นเชลย)ในบาบิโลน

ประเด็นสำคัญ:

  • การฟื้นฟูและความเจริญรุ่งเรือง: พระเจ้าสัญญากับประชากรของพระองค์ว่ากรุงเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นใหม่และเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง คำว่า "ไพบูลย์ท่วมท้นไปด้วยความมั่งคั่ง" บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก

  • การปลอบโยน: ถ้อยคำ "พระ​ยาห์​เวห์​จะ​ปลอบ​ศิโยน" แสดงถึงความรักและความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาว่าจะปลอบโยนและเยียวยาความเจ็บปวดของพวกเขา และการฟื้นฟูจิตวิญญาณ

  • การเลือกสรร: ถ้อยคำ "เลือก​สรร​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​อีก​ครั้ง​หนึ่ง" ยืนยันถึงความสัมพันธ์อันพิเศษระหว่างพระเจ้ากับเยรูซาเล็มจะทรงสถาปนาให้เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อีกครั้ง  แม้ว่าประชากรของพระองค์จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก แต่พระองค์ก็ยังทรงเลือกพวกเขาและเมืองของพวกเขาอยู่

ความหมาย:

  • ให้ความหวังและกำลังใจแก่ประชากรของพระเจ้าที่กำลังเผชิญกับความยากลำบาก เป็นการยืนยันว่าแม้ในยามที่มืดมนที่สุด พระเจ้าก็ยังทรงรักและห่วงใยประชากรของพระองค์ และพระองค์จะทรงทำให้พวกเขากลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง

  • ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของกรุงเยรูซาเล็มในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร )


การวิเคราะห์พระธรรมเศคาริยาห์ 1:7-17

บริบทและความสำคัญ

พระธรรมเศคาริยาห์เป็นหนึ่งในหนังสือที่อยู่ในกลุ่มของ "ผู้เผยพระวจนะน้อย" ซึ่งเขียนขึ้นหลังจากที่ชาวอิสราเอลกลับจากการถูกเนรเทศที่บาบิโลน หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยนิมิตและคำพยากรณ์ที่ให้กำลังใจและความหวังแก่ประชาชนของพระเจ้าในช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทที่ 1 ข้อ 7-17 นี้ เศคาริยาห์ได้เห็นนิมิตที่บ่งบอกถึงความห่วงใยของพระเจ้าที่มีต่อกรุงเยรูซาเล็มและพระประสงค์ที่จะฟื้นฟูเมืองให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

การวิเคราะห์ข้อความ

  • การสำรวจแผ่นดินโลก (ข้อ 8-11): นิมิตของม้าสีต่างๆ ที่ไปสำรวจแผ่นดินโลกบ่งบอกถึงความห่วงใยของพระเจ้าที่มีต่อทั้งโลก และการยืนยันว่าพระองค์ทรงควบคุมทุกสิ่ง การที่ผู้รับใช้ของพระเจ้ารายงานว่า "ทั้งโลกก็สงบ" อาจหมายถึงการที่โลกยังคงดำเนินไปตามปกติ แม้ว่าอิสราเอลกำลังประสบความยากลำบาก

  • ความกังวลเกี่ยวกับกรุงเยรูซาเล็ม (ข้อ 12): ทูตสวรรค์ได้ถามพระเจ้าเกี่ยวกับเวลาที่พระองค์จะทรงเมตตากรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของประชาชนที่จะเห็นเมืองของตนกลับมามีความรุ่งเรืองอีกครั้ง

  • พระเมตตาของพระเจ้า (ข้อ 13-17): พระเจ้าทรงตอบด้วยพระเมตตาและคำสัญญาที่จะฟื้นฟูกกรุงเยรูซาเล็ม การ "ขึงเชือกวัด" หมายถึงการวางแผนและเตรียมการที่จะสร้างเมืองใหม่ให้มีความเจริญรุ่งเรือง คำสัญญาที่ว่า "เมืองของเราจะไพบูลย์ท่วมท้นไปด้วยความมั่งคั่งอีก" เป็นคำมั่นสัญญาที่ให้ความหวังแก่ประชาชนอิสราเอล

ความหมายและการประยุกต์ใช้

  • ความหวังในพระเมตตาของพระเจ้า: ข้อความนี้ให้ความหวังแก่ผู้เชื่อทุกคนว่าแม้ในยามที่เราเผชิญกับความยากลำบาก พระเจ้าก็ทรงห่วงใยและทรงมีแผนการที่จะฟื้นฟูเราเสมอ

  • ความสำคัญของการอธิษฐาน: การอธิษฐานของทูตสวรรค์แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอธิษฐานเพื่อขอพระเมตตาของพระเจ้า

  • การฟื้นฟูของพระเจ้า: พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะฟื้นฟูทุกสิ่งที่เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นบุคคล สังคม หรือแม้กระทั่งเมือง

  • การมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์: การ "ขึงเชือกวัด" บ่งบอกถึงการที่เรามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์งานของพระเจ้า

สรุป

พระธรรมเศคาริยาห์ 1:7-17 ให้กำลังใจและความหวังแก่ผู้เชื่อทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เผชิญกับความยากลำบาก ข้อความนี้ยืนยันว่าพระเจ้าทรงห่วงใยและทรงมีแผนการที่จะฟื้นฟูทุกสิ่งที่เสียหาย และเชิญชวนให้เรามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์งานของพระองค์

คำถามเพื่อการไตร่ตรอง

  • คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากข้อความนี้เกี่ยวกับพระลักษณะของพระเจ้า?

  • คุณเคยรู้สึกท้อแท้หรือสิ้นหวังในชีวิตบ้างไหม? ข้อความนี้ให้กำลังใจคุณอย่างไร?

  • คุณสามารถนำหลักการจากข้อความนี้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร?



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น