วิงวอน จาก ฉบับ THSV จำนวน 116 ข้อ
(ปฐก. 19:2 [THSV Free])
กล่าวว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน ขอท่านแวะไปบ้านข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่าน ค้างสักคืนหนึ่ง ล้างเท้าของท่าน แล้วค่อยลุกขึ้นแต่เช้า เดินทางต่อไป” ทั้งสองตอบว่า “อย่าเลย เราจะค้างคืนที่ลานเมือง”
(อพย. 8:8 [THSV Free])
ฟาโรห์ตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนมาว่า “เจ้าทั้งสองจงวิงวอนพระยาห์เวห์ ขอทรงบันดาลให้ฝูงกบไปเสียจากเราและจากพลเมืองของเรา แล้วเราจะยอมปล่อยให้คนอิสราเอลไปถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์”
(อพย. 8:9 [THSV Free])
โมเสสจึงทูลฟาโรห์ว่า “เวลาไหนที่ฝ่าพระบาทมีพระประสงค์ให้ข้าพระบาทวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อฝ่าพระบาท ข้าราชบริพารและพลเมืองของฝ่าพระบาท เพื่อกำจัดฝูงกบไปจากฝ่าพระบาทและบ้านเรือนของฝ่าพระบาท ให้เหลืออยู่แต่ในแม่น้ำไนล์ ก็โปรดบัญชาข้าพระบาทเถิด”
(อพย. 8:28 [THSV Free])
ฟาโรห์จึงตรัสว่า “เราจะปล่อยพวกเจ้าไป เพื่อถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าในถิ่นทุรกันดาร เพียงแต่อย่าไปไกลนัก จงวิงวอนเพื่อเราด้วย”
(อพย. 9:28 [THSV Free])
ขอท่านทูลวิงวอนพระยาห์เวห์ให้ยุติเสียงฟ้าร้องและลูกเห็บเสียที แล้วเราจะปล่อยพวกเจ้าไป จะไม่กักไว้อีก”
(อพย. 10:17 [THSV Free])
ขอเจ้ายกโทษบาปครั้งนี้ให้เราสักครั้งหนึ่งเถิด จงวิงวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เพื่อพระองค์จะโปรดให้ความตายนี้พ้นไปจากเรา”
(อพย. 10:18 [THSV Free])
โมเสสก็ไปจากฟาโรห์ และกราบทูลวิงวอนพระยาห์เวห์
(อพย. 32:11 [THSV Free])
แต่โมเสสกราบทูลวิงวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ทำไมพระองค์จึงกริ้วยิ่งนักต่อประชากรของพระองค์ ซึ่งทรงนำออกจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์เล่า?
(กดว. 12:13 [THSV Free])
แล้วโมเสสร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรักษานาง ข้าพระองค์ขอวิงวอนต่อพระองค์”
(กดว. 14:17 [THSV Free])
บัดนี้ข้าพระองค์ทูลวิงวอน ขอองค์เจ้านายทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ตามที่พระองค์ตรัสไว้ว่า
(กดว. 21:7 [THSV Free])
และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทำบาปเพราะเราต่อว่าพระยาห์เวห์และต่อว่าท่าน ขอทูลวิงวอนพระยาห์เวห์ให้พระองค์ทรงนำงูไปจากเรา” ดังนั้นโมเสสจึงทูลวิงวอนเพื่อประชาชน
(วนฉ. 10:15 [THSV Free])
และคนอิสราเอลทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปแล้ว ขอพระองค์ทรงทำแก่ข้าพระองค์ตามที่ทรงเห็นชอบ ข้าพระองค์ขอวิงวอนเพียงว่า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นภัยในวันนี้เถิด”
(วนฉ. 13:8 [THSV Free])
แล้วมาโนอาห์ก็วิงวอนพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย โปรดให้คนของพระเจ้าผู้ซึ่งพระองค์ทรงใช้มานั้นมาหาข้าพระองค์ทั้งสองอีก เพื่อสอนพวกข้าพระองค์ว่า ควรทำอย่างไรแก่เด็กที่จะเกิดมานั้น”
(นรธ. 1:16 [THSV Free])
แต่รูธตอบว่า “ขอแม่อย่าวิงวอนให้ลูกจากแม่หรือเลิกตามแม่กลับไปเลย เพราะแม่จะไปไหนลูกจะไปด้วย และแม่จะอาศัยอยู่ที่ไหนลูกก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ชนชาติของแม่จะเป็นชนชาติของลูก และพระเจ้าของแม่ก็จะเป็นพระเจ้าของลูก
(1ซมอ. 1:12 [THSV Free])
อยู่มาเมื่อนางยังวิงวอนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์อยู่นั้น เอลีก็สังเกตดูปากของนาง
(1ซมอ. 1:26 [THSV Free])
นางก็กล่าวว่า “เจ้านายของดิฉันมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ท่านเจ้าข้า ดิฉันเองคือผู้หญิงที่เคยยืนอยู่ที่นี่ต่อหน้าท่าน และทูลวิงวอนต่อพระยาห์เวห์
(1ซมอ. 1:27 [THSV Free])
ดิฉันทูลวิงวอนขอเด็กคนนี้ และพระยาห์เวห์ประทานตามคำทูลขอของดิฉันตามที่ได้ทูลวิงวอนต่อพระองค์
(1ซมอ. 13:12 [THSV Free])
ข้าพเจ้าจึงว่า ‘บัดนี้ พวกฟีลิสเตียจะยกมารบกับข้าพเจ้าที่กิลกาล และข้าพเจ้ายังไม่ได้ทูลวิงวอนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์’ ข้าพเจ้าจึงบังคับตัวเองขึ้นไปถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว”
(1ซมอ. 20:6 [THSV Free])
ถ้าเสด็จพ่อของท่านทรงสังเกตจริงๆ ว่าข้าพเจ้าขาดไป ก็ขอทูลพระองค์ว่า ‘ดาวิดวิงวอนขอลาข้าพระบาทรีบกลับไปเบธเลเฮมเมืองของเขา เพราะทุกคนในตระกูลทำการถวายสัตวบูชาประจำปีที่นั่น’
(1ซมอ. 20:28 [THSV Free])
โยนาธานทูลตอบซาอูลว่า “ดาวิดวิงวอนขอลาข้าพระบาทไปยังบ้านเบธเลเฮม
(2ซมอ. 7:27 [THSV Free])
เพราะพระองค์ พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอล ได้ทรงสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ตรัสว่า ‘เราจะสร้างราชวงศ์ให้เจ้า’ เพราะฉะนั้น ผู้รับใช้ของพระองค์จึงมีใจกล้าวิงวอนต่อพระองค์ด้วยคำอธิษฐานนี้
(1พกษ. 8:28 [THSV Free])
แต่ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนของเขา ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ในวันนี้
(1พกษ. 8:30 [THSV Free])
และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของ พระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์เองทรงสดับจากสถานที่ประทับของพระองค์คือจากฟ้าสวรรค์ และเมื่อทรงสดับแล้ว ก็ขอทรงอภัย
(1พกษ. 8:38 [THSV Free])
แล้วหากคนหนึ่งคนใด หรืออิสราเอลประชากรทั้งหมดของพระองค์ ได้สำนึกในใจของเขาเรื่องภัยพิบัติ จะอธิษฐานหรือวิงวอนประการใด โดยกางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้
(1พกษ. 8:45 [THSV Free])
ก็ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐาน และคำวิงวอนของพวกเขาในฟ้าสวรรค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา
(1พกษ. 8:47 [THSV Free])
แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในแผ่นดินที่เขาถูกจับไปเป็นเชลย และได้กลับใจ แล้วได้วิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้จับเขาไปเป็นเชลย ทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและได้ทำการอธรรม’
(1พกษ. 8:49 [THSV Free])
ก็ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของพวกเขาในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา
(1พกษ. 8:52 [THSV Free])
ขอลืมพระเนตรของพระองค์อยู่ต่อคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และต่อคำวิงวอนของอิสราเอลประชากรของพระองค์ ขอทรงฟังเมื่อเขาทั้งหลายร้องต่อพระองค์
(1พกษ. 8:54 [THSV Free])
เมื่อซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐาน และคำวิงวอนทั้งสิ้นนี้ต่อพระยาห์เวห์แล้ว ก็ทรงลุกขึ้นจากหน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ที่ที่ทรงคุกเข่าพร้อมกับกางพระหัตถ์สู่ฟ้าสวรรค์
(1พกษ. 8:59 [THSV Free])
ขอให้ถ้อยคำเหล่านี้ ที่ข้าพเจ้าได้วิงวอนเฉพาะพระยาห์เวห์ อยู่ใกล้พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งวันและคืน และขอให้ความยุติธรรมแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์ ตามความต้องการในแต่ละวัน
(1พกษ. 9:3 [THSV Free])
และพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเจ้า ซึ่งเจ้าได้อ้อนวอนเรานั้นแล้ว เราได้ทำนิเวศนี้ซึ่งเจ้าได้สร้างไว้ให้บริสุทธิ์ และได้ใส่นามของเราไว้ที่นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป
(1พกษ. 13:6 [THSV Free])
แล้วพระราชาตรัสตอบคนของพระเจ้าว่า “โปรดวิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อเรา แล้วเราจะชักมือกลับเข้าหาตัวได้อีก” และคนของพระเจ้าก็วิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระยาห์เวห์ และพระราชาก็ชักพระหัตถ์กลับเข้าหาพระองค์ได้อีก และหายเป็นปกติ
(2พกษ. 1:13 [THSV Free])
แล้วพระราชารับสั่งให้นายกองคนที่สามไปพร้อมกับทหาร 50 นายของเขา และนายกองคนที่สามก็ขึ้นไป และคุกเข่าต่อหน้าเอลียาห์ และวิงวอนท่านว่า “ท่านคนของพระเจ้า ขอให้ชีวิตของข้าพเจ้าและชีวิตของผู้รับใช้ของท่านอีก 50 คนนี้เป็นสิ่งประเสริฐในสายตาของท่าน
(2พกษ. 13:4 [THSV Free])
แล้วเยโฮอาหาสได้วิงวอนพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงฟังท่าน เพราะพระองค์ทรงเห็นการกดขี่อิสราเอล คือที่พระราชาแห่งซีเรียกดขี่พวกเขาอย่างไร
(2พศด. 6:19 [THSV Free])
แต่ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนของเขา ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์
(2พศด. 6:21 [THSV Free])
และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาทั้งหลายอธิษฐานต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์เองทรงสดับจากที่ประทับของพระองค์คือฟ้าสวรรค์ และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว ก็ขอทรงอภัย
(2พศด. 6:29 [THSV Free])
แล้วหากคนหนึ่งคนใด หรืออิสราเอลประชากรของพระองค์ทั้งหมดที่ตระหนักในภัยพิบัติและความทุกข์ จะอธิษฐานหรือวิงวอนประการใด โดยกางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้
(2พศด. 6:35 [THSV Free])
แล้วขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐาน และคำวิงวอนของเขาจากฟ้าสวรรค์ และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา
(2พศด. 6:37 [THSV Free])
แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในแผ่นดินที่เขาถูกจับไปเป็นเชลยและได้กลับใจ แล้วได้วิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย ทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและได้ทำการอธรรม’
(2พศด. 6:39 [THSV Free])
ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของพวกเขาจากฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์และขอประทานความยุติธรรมแก่พวกเขา และขอทรงอภัยให้ประชากรของพระองค์ผู้ทำบาปต่อพระองค์
(2พศด. 33:12 [THSV Free])
เมื่อทรงทุกข์ยาก พระองค์ทรงวิงวอนขอพระกรุณาต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ และถ่อมพระทัยลงอย่างมากต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์
(2พศด. 33:13 [THSV Free])
พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าทรงฟังคำวิงวอน และคำอ้อนวอนของพระองค์ และทรงให้พระองค์กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มในราชอาณาจักรของพระองค์อีก แล้วมนัสเสห์ทรงทราบว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า
(2พศด. 33:19 [THSV Free])
ทั้งคำอธิษฐานของพระองค์ เรื่องที่พระเจ้าทรงฟังคำวิงวอนของพระองค์ ความบาปและความไม่ซื่อสัตย์ทั้งหมดของพระองค์ บรรดาสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงใช้สร้างปูชนียสถานสูง และใช้ตั้งพวกพระอาเช-ราห์และรูปเคารพ ก่อนที่พระองค์จะถ่อมพระทัยลงนั้น ดูสิ มีบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของผู้ทำนาย
(อสร. 8:23 [THSV Free])
เราจึงอดอาหารและวิงวอนพระเจ้าของเราเพื่อเรื่องนี้ และพระองค์ทรงฟังเสียงร้องทูลของเรา
(อสธ. 4:8 [THSV Free])
โมรเดคัยยังได้ให้สำเนาบันทึกกฤษฎีกาที่ออกในสุสา สั่งให้ทำลายพวกเขา เพื่อให้ฮาธาคนำไปแสดงต่อพระนางเอสเธอร์ และอธิบายเรื่องราวต่อพระนาง พร้อมกับกำชับให้พระนางเข้าเฝ้ากษัตริย์ เพื่อทูลอ้อนวอนพระองค์ และวิงวอนพระองค์เพื่อชนชาติของพระนาง
(อสธ. 8:3 [THSV Free])
แล้วพระนางเอสเธอร์ทูลกษัตริย์อีก พระนางกราบลงที่พระบาทของพระองค์ และวิงวอนพระองค์ด้วยน้ำพระเนตร เพื่อขอให้ยุติแผนชั่วของฮามาน คนอากัก และการคิดร้ายต่อพวกยิวเสีย
(โยบ 8:5 [THSV Free])
ถ้าท่านเองจะแสวงหาพระเจ้า และวิงวอนองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
(โยบ 9:15 [THSV Free])
แม้ข้าเป็นฝ่ายชอบธรรม ข้าก็ตอบพระองค์ไม่ได้ ข้าจะต้องวิงวอนองค์ตุลาการของข้า
(โยบ 13:6 [THSV Free])
บัดนี้ขอฟังเหตุผลของข้า และขอสดับคำวิงวอนแห่งริมฝีปากของข้า
(โยบ 19:16 [THSV Free])
ข้าเรียกคนใช้ของข้า แต่เขาไม่ตอบข้า ข้าต้องวิงวอนเขาด้วยปากของข้า
(โยบ 41:3 [THSV Free])
มันจะวิงวอนต่อเจ้าเป็นอันมากหรือ? มันจะพูดกับเจ้าด้วยคำอ่อนหวานหรือ?
(สดด. 6:9 [THSV Free])
พระยาห์เวห์ได้ทรงสดับคำวิงวอนของข้า พระยาห์เวห์ทรงรับคำอธิษฐานของข้า
(สดด. 28:2 [THSV Free])
ขอทรงฟังเสียงวิงวอนของข้าพระองค์ ขณะเมื่อข้าพระองค์ทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ขณะเมื่อข้าพระองค์ชูมือทั้งคู่ มายังอภิสุทธิสถานของพระองค์
(สดด. 28:6 [THSV Free])
สาธุการแด่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงวิงวอนของข้าพเจ้า
(สดด. 30:8 [THSV Free])
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ร้องทูลพระองค์ และข้าพระองค์ได้วิงวอนองค์เจ้านายว่า
(สดด. 31:22 [THSV Free])
ข้าพระองค์ตกใจ กล่าวว่า “ข้าพระองค์ถูกตัดขาดไปพ้นสายพระเนตรของพระองค์แล้ว” แต่พระองค์ทรงสดับเสียงวิงวอนของข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์
(สดด. 39:12 [THSV Free])
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสดับคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณฟังคำวิงวอนของข้าพระองค์ ขออย่าทรงเฉยเมยต่อน้ำตาของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์เป็นคนต่างด้าวสำหรับพระองค์ เป็นคนร่อนเร่ อย่างบรรพบุรุษทั้งสิ้นของข้าพระองค์
(สดด. 55:1 [THSV Free])
ข้าแต่พระเจ้า ขอเงี่ยพระกรรณฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขออย่าซ่อนพระองค์จากคำวิงวอนของข้าพระองค์
(สดด. 86:6 [THSV Free])
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเงี่ยพระโสตฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงวิงวอนของข้าพระองค์
(สดด. 116:1 [THSV Free])
ข้าพเจ้ารักพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงและคำวิงวอนของข้าพเจ้า
(สดด. 119:58 [THSV Free])
ข้าพระองค์วิงวอนขอความโปรดปรานของพระองค์ด้วยสุดใจ ขอทรงพระกรุณาแก่ข้าพระองค์ตามพระสัญญาของพระองค์
(สดด. 119:170 [THSV Free])
ขอทรงสดับคำวิงวอนของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ตามพระสัญญาของพระองค์
(สดด. 130:2 [THSV Free])
ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงฟังเสียงของข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณ ฟังเสียงวิงวอนของข้าพระองค์
(สดด. 140:6 [THSV Free])
ข้าพเจ้าทูลพระยาห์เวห์ว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเงี่ยพระกรรณฟังเสียงวิงวอนของข้าพระองค์
(สดด. 143:1 [THSV Free])
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณสดับคำวิงวอนของข้าพระองค์ตามความซื่อสัตย์ของพระองค์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ตามความชอบธรรมของพระองค์
(สภษ. 6:3 [THSV Free])
ลูกเอ๋ย จงทำอย่างนี้และช่วยตัวเจ้าให้พ้นภัย เพราะเจ้าตกอยู่ในกำมือเพื่อนบ้านของเจ้าแล้ว รีบไป ถ่อมตัวลง และวิงวอนเพื่อนบ้านของเจ้า
(สภษ. 18:23 [THSV Free])
คนยากจนใช้คำวิงวอน แต่คนมั่งคั่งตอบเสียงห้วนๆ
(สภษ. 19:7 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหมดของคนยากจนก็ยังเกลียดเขา แล้วเพื่อนจะยิ่งหนีห่างจากเขาสักเท่าไร แม้เขาตามไปวิงวอน แต่พวกเขาก็หายหน้ากันไปหมด
(อสย. 19:22 [THSV Free])
พระยาห์เวห์จะทรงโจมตีอียิปต์ แต่เมื่อโจมตีแล้วก็จะรักษา และเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระยาห์เวห์ แล้วพระองค์จะทรงฟังคำวิงวอนของเขาและทรงรักษาพวกเขา
(อสย. 38:3 [THSV Free])
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ขอวิงวอนพระองค์ให้ระลึกว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินเฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และด้วยสิ้นสุดใจ ทั้งได้ทำสิ่งดีในสายพระเนตรของพระองค์” แล้วเฮเซคียาห์ทรงกันแสงอย่างมาก
(อสย. 45:14 [THSV Free])
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ทรัพย์สมบัติของอียิปต์และสินค้าของชาวคูช ทั้งของชาวเสบาคนร่างสูง จะมาหาเจ้าและเป็นของเจ้า พวกเขาจะเดินตามหลังเจ้า เขาจะมาหาพร้อมตรวนและกราบเจ้า พวกเขาจะวิงวอนเจ้าว่า ‘พระเจ้าสถิตกับท่านแน่แล้ว และไม่มีอื่นใดอีก ไม่มีพระเจ้าอื่นใด’ ”
(ยรม. 3:21 [THSV Free])
เขาได้ยินเสียงมาจากที่สูงโล่ง เป็นเสียงร้องไห้และเสียงวิงวอนของบุตรทั้งหลายของอิสราเอล เพราะเขาได้แปรวิถีของเขาเสียแล้ว เขาได้ลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา
(ยรม. 7:16 [THSV Free])
“ส่วนเจ้า อย่าอธิษฐานเพื่อประชากรนี้ อย่าร้องขอหรืออธิษฐานเพื่อเขา และอย่าวิงวอนต่อเรา เพราะเราจะไม่ฟังเจ้า
(ยรม. 11:14 [THSV Free])
“เพราะฉะนั้น เจ้าเองอย่าอธิษฐานเพื่อชนชาตินี้ อย่าวิงวอนหรืออธิษฐานเพื่อพวกเขา เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อเขาร้องต่อเราในเวลาลำบาก
(ยรม. 26:19 [THSV Free])
เฮเซคียาห์กษัตริย์ยูดาห์ และคนยูดาห์ทั้งสิ้นได้ฆ่าท่านเสียหรือ? ท่านยำเกรงพระยาห์เวห์และทูลวิงวอนขอพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ได้กลับพระทัยต่อเหตุร้ายซึ่งพระองค์ทรงกำหนดให้เขาเหล่านั้นไม่ใช่หรือ? แต่เรากำลังจะนำเหตุร้ายยิ่งใหญ่มาสู่ตัวเราเอง”
(ยรม. 27:18 [THSV Free])
ถ้าเขาเหล่านั้นเป็นผู้เผยพระวจนะ และถ้าพระวจนะของพระยาห์เวห์อยู่กับเขา ก็ขอให้เขาทูลวิงวอนต่อพระยาห์เวห์จอมทัพไม่ให้เครื่องใช้ซึ่งเหลืออยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ และในกรุงเยรูซาเล็ม ถูกนำไปยังบาบิโลน
(ยรม. 36:7 [THSV Free])
บางทีคำทูลวิงวอนของเขาจะมาถึงพระยาห์เวห์ และทุกคนจะหันกลับจากทางชั่วของตน เพราะความกริ้วและพระพิโรธ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงประกาศเป็นโทษเหนือชนชาตินี้นั้นใหญ่หลวงนัก”
(ยรม. 36:25 [THSV Free])
แม้ว่าเมื่อเอลนาธันและเดลายาห์และเกมาริยาห์ได้ทูลวิงวอนกษัตริย์ไม่ให้พระองค์ทรงเผาหนังสือม้วนพระองค์ก็ไม่ทรงฟัง
(พคค. 1:17 [THSV Free])
เมืองศิโยนกางมือทั้งคู่ออกวิงวอน แต่ไม่มีผู้ใดปลอบโยนเธอ พระยาห์เวห์ทรงบัญชาต่อสู้ยาโคบ คือให้เพื่อนบ้านของเขากลายเป็นคู่อริ เยรูซาเล็มกลายเป็น สิ่งโสโครกท่ามกลางเขาทั้งหลาย
(ดนล. 6:11 [THSV Free])
เมื่อพวกที่สมรู้ร่วมคิดพากันมาพบดาเนียลกำลังอธิษฐานและวิงวอนต่อพระเจ้าของท่าน
(ดนล. 9:3 [THSV Free])
แล้วข้าพเจ้าก็หันหน้าไปหาพระเจ้าองค์เจ้านาย แสวงหาด้วยการอธิษฐานและการวิงวอน ทั้งด้วยการอดอาหาร และนุ่งห่มผ้ากระสอบและนั่งบนขี้เถ้า
(ดนล. 9:13 [THSV Free])
ดังที่ได้จารึกไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสสแล้ว วิบัติทั้งสิ้นก็ได้ตกอยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว แต่พวกข้าพระองค์ยังไม่ได้ทูลวิงวอนขอพระกรุณาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ด้วยการหันจากความผิดของข้าพระองค์ทั้งหลาย หรือใส่ใจในความจริงของพระองค์
(ดนล. 9:17 [THSV Free])
ฉะนั้น ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์และคำวิงวอนของเขา ข้าแต่องค์เจ้านาย เพื่อเห็นแก่พระองค์ ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหนือสถานนมัสการของพระองค์ซึ่งร้างเปล่านั้น
(ดนล. 9:18 [THSV Free])
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณสดับ ขอลืมพระเนตรดูความร้างเปล่าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ทั้งนครซึ่งมีชื่อตามพระนามของพระองค์ เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ถวายคำวิงวอนต่อพระองค์ ด้วยอ้างความชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเหตุ แต่ได้อ้างพระกรุณายิ่งใหญ่ของพระองค์
(ดนล. 9:20 [THSV Free])
ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังพูด อธิษฐานสารภาพบาปของข้าพเจ้าและบาปของอิสราเอลประชากรของข้าพเจ้า และเสนอคำวิงวอนต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์
(ดนล. 9:23 [THSV Free])
เมื่อท่านเริ่มวิงวอนคำตอบก็ปรากฏทันที ข้าพเจ้าจึงมาบอกให้ท่านทราบ เพราะท่านเป็นผู้ที่ทรงรักมาก เพราะฉะนั้นจงพิจารณาคำตอบและเข้าใจนิมิตนั้น
(ยนา. 1:14 [THSV Free])
ดังนั้น พวกเขาจึงร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอวิงวอนต่อพระองค์ ขออย่าให้พวกข้าพระองค์พินาศ เพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย ขออย่าให้โทษของการทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดตกมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงทำสิ่งที่พระองค์พอพระทัย”
(ศคย. 12:10 [THSV Free])
“และเราจะเทวิญญาณแห่งความโปรดปรานและการวิงวอนบนราชวงศ์ดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม ดังนั้นเมื่อเขาทั้งหลายมองดูท่าน ผู้ซึ่งเขาเองได้แทง เขาจะไว้ทุกข์เพื่อท่าน เหมือนคนไว้ทุกข์เพื่อบุตรคนเดียวของตน และร้องไห้อย่างขมขื่นเพื่อท่าน เหมือนอย่างคนร้องไห้เพื่อบุตรหัวปีของตน
(มธ. 18:26 [THSV Free])
ทาสคนนั้นจึงกราบลงวิงวอนว่า ‘ขอโปรดผัดไว้ก่อน แล้วข้าพระองค์จะใช้หนี้ทั้งหมด’
(มก. 1:40 [THSV Free])
มีคนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์และคุกเข่าลงทูลวิงวอนพระองค์ว่า “เพียงแต่พระองค์พอพระทัย ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์หายสะอาดได้”
(กจ. 16:15 [THSV Free])
เมื่อหญิงคนนั้นกับครัวเรือนของนางได้รับบัพติศมาแล้ว จึงอ้อนวอนเราว่า “ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็ขอเชิญเข้ามาพักอาศัยในบ้านของข้าพเจ้าเถิด” และนางก็ได้วิงวอนจนเราขัดไม่ได้
(กจ. 19:31 [THSV Free])
แม้แต่บางคนในพวกหัวหน้าศาสนาประจำแคว้นเอเชียซึ่งเป็นเพื่อนของเปาโล ก็ใช้คนไปวิงวอนเปาโลไม่ให้เข้าไปในเวทีมหรสพ
(กจ. 25:2 [THSV Free])
พวกหัวหน้าปุโรหิตกับคนสำคัญๆ ในพวกยิวมาฟ้องเปาโลต่อท่าน และวิงวอน
(รม. 10:1 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย ความปรารถนาในจิตใจของข้าพเจ้าและคำวิงวอนขอต่อพระเจ้าเพื่อคนอิสราเอลนั้น คือขอให้เขาได้รับความรอด
(รม. 12:1 [THSV Free])
ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน
(รม. 15:30 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และโดยความรักของพระวิญญาณ ข้าพเจ้าวิงวอนขอให้ท่านร่วมอธิษฐานต่อพระเจ้าด้วยใจกระตือรือร้นเพื่อข้าพเจ้า
(รม. 16:17 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านให้สังเกตดูคนที่ก่อเหตุวิวาทและทำให้คนอื่นหลงไปจากคำสอนที่ท่านทั้งหลายได้เรียนมา จงตีตัวออกห่างจากคนเหล่านั้น
(1คร. 1:10 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนท่านในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอให้ปรองดองกัน อย่ามีความแตกแยกในพวกท่าน แต่ขอให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความคิดและความเห็น
(1คร. 4:13 [THSV Free])
เมื่อถูกกล่าวร้ายก็พยายามวิงวอน เรากลายเป็นเหมือนเศษเดนของโลก และเหมือนราคีของทุกสิ่งจนถึงบัดนี้
(2คร. 5:20 [THSV Free])
เพราะฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายผ่านทางเรา เราจึงวิงวอนท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกับพระเจ้า
(2คร. 8:4 [THSV Free])
พวกเขาวิงวอนเราอย่างมาก ขอร้องให้มีส่วนในคุณความดีในการช่วยเหลือธรรมิกชนด้วย
(2คร. 9:14 [THSV Free])
และเขาก็จะวิงวอนขอเพื่อท่านทั้งหลายและคิดถึงท่าน เพราะเหตุพระคุณของพระเจ้าที่อยู่ในท่านอย่างมากมาย
(2คร. 12:8 [THSV Free])
เรื่องหนามนั้น ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า
(กท. 4:12 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนพวกท่านให้เป็นเหมือนข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนพวกท่าน พวกท่านไม่ได้ทำผิดต่อข้าพเจ้าเลย
(อฟ. 4:1 [THSV Free])
เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษโดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น
(อฟ. 6:18 [THSV Free])
จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาโดยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกๆ อย่าง เพราะเหตุนี้จงเฝ้าระวังด้วยความเพียรและด้วยการวิงวอนเผื่อธรรมิกชนทุกคนอยู่เสมอ
(ฟป. 4:6 [THSV Free])
อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ
(1ธส. 4:1 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ เนื่องจากเราได้สอนท่านถึงวิธีดำเนินชีวิตซึ่งจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และท่านดำเนินอย่างนั้นอยู่แล้ว เราจึงขอวิงวอนและเตือนสติท่านในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จงดำเนินให้ดียิ่งขึ้นอีก
(1ทธ. 2:1 [THSV Free])
เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน
(1ทธ. 5:5 [THSV Free])
ส่วนผู้หญิงที่เป็นแม่ม่ายไร้ที่พึ่งและอยู่ตามลำพังย่อมหวังในพระเจ้า เฝ้าวิงวอนและอธิษฐานทั้งกลางวันกลางคืนไม่หยุดหย่อน
(2ทธ. 1:3 [THSV Free])
ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าผู้ที่ข้าพเจ้ารับใช้ด้วยมโนธรรมอันบริสุทธิ์เช่นบรรพบุรุษทั้งหลายของข้าพเจ้า ขณะที่ข้าพเจ้าระลึกถึงท่านเสมอในการทูลวิงวอนทั้งกลางวันกลางคืน
(ฮบ. 13:22 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนพวกท่านให้อดทนฟังคำเตือนสตินี้ เพราะข้าพเจ้าเขียนมาถึงพวกท่านแต่เพียงย่อๆ เท่านั้น
(ยก. 5:16 [THSV Free])
เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล
(1ปต. 3:21 [THSV Free])
บัดนี้น้ำนั้นที่เล็งถึงพิธีบัพติศมาก็ช่วยพวกท่านให้รอดเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นการชำระมลทินทางกาย แต่เป็นการวิงวอนพระเจ้าเพื่อจะมีมโนธรรมที่ดี ความรอดนั้นมาโดยทางการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
(2ยน. 1:5 [THSV Free])
ท่านสุภาพสตรีที่รัก เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าเขียนบัญญัติใหม่ถึงท่าน แต่เป็นบัญญัติที่เรามีอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มแรก นั่นก็คือให้เรารักกันและกัน
(ยด. 1:3 [THSV Free])
ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเขียนถึงท่านเรื่องความรอดที่เรามีร่วมกัน แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า จำเป็นจะต้องเขียนวิงวอนท่านให้ต่อสู้เพื่อหลักความเชื่อที่ได้ทรงมอบให้กับพวกธรรมิกชนครั้งเดียวสำหรับตลอดไป
วิงวอน จาก ฉบับ TBS1971 จำนวน 120 ข้อ
(ปฐก. 19:2 [TBS1971])
กล่าวว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน ขอท่านแวะไปบ้านข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านค้างสักคืนหนึ่ง ล้างเท้าของท่าน แล้วค่อยลุกขึ้นแต่เช้าเดินทางต่อไป” ท่านทั้งสองตอบว่า “อย่าเลย เราจะค้างคืนที่ลานเมือง”
(ปฐก. 23:8 [TBS1971])
และพูดกับพวกเขาว่า “ถ้าท่านยินยอมให้ข้าพเจ้าฝังผู้ตายของข้าพเจ้าให้พ้นสายตาไปแล้ว ขอท่านฟังข้าพเจ้าเถิด และวิงวอนเอโฟรนบุตรโศหาร์เพื่อข้าพเจ้า
(อพย. 8:8 [TBS1971])
ฟาโรห์ตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนมาว่า “เจ้าทั้งสองจงกราบทูลวิงวอนขอพระเจ้าทรงบันดาลให้ฝูงกบไปเสียจากเราและจากพลเมืองของเรา แล้วเราจะยอมปล่อยให้ประชากรเหล่านั้นไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า”
(อพย. 8:9 [TBS1971])
โมเสสจึงทูลฟาโรห์ว่า “เวลาใดที่ฝ่าพระบาทมีพระประสงค์ให้ข้าพระบาทวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อฝ่าพระบาท ข้าราชบริพารและพลเมืองของฝ่าพระบาท ขอให้ทรงขับไล่ฝูงกบไปเสียจากฝ่าบาทและราชสำนักลงไปอยู่ในแม่น้ำไนล์ ก็จงมีพระบัญชามาเถิด ข้าพระบาทจะกราบทูลขอให้เป็นไปดังพระประสงค์”
(อพย. 8:28 [TBS1971])
ฟาโรห์จึงรับสั่งว่า “เราจะปล่อยพวกเจ้าไป เพื่อจะได้ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าของเจ้าในถิ่นทุรกันดาร แต่ว่าพวกเจ้าอย่าไปให้ไกลนัก จงวิงวอนเพื่อเราด้วย”
(อพย. 9:28 [TBS1971])
ขอท่านทูลวิงวอนพระเจ้าให้เลิกมีฟ้าร้องและลูกเห็บเสียที เราจะปล่อยพวกท่านไป จะไม่กักไว้อีก”
(อพย. 10:17 [TBS1971])
ขอเจ้ายกโทษบาปให้เราครั้งนี้สักครั้งเถิด จงวิงวอนขอพระเจ้าของเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ทรงโปรดให้ความตายนี้พ้นไปจากเรา”
(อพย. 10:18 [TBS1971])
โมเสสก็ไปจากฟาโรห์ และทูลวิงวอนพระเจ้า
(อพย. 32:11 [TBS1971])
ฝ่ายโมเสสก็วิงวอนกราบทูลพระเจ้าของท่านว่า “ข้าแต่พระเจ้า ไฉนพระองค์จึงทรงพระพิโรธต่อประชากรของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงนำออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่ง และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์เล่า
(กดว. 12:13 [TBS1971])
และโมเสสได้ร้องทูลพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงรักษานาง ข้าพระองค์ทูลวิงวอนต่อพระองค์”
(กดว. 14:17 [TBS1971])
บัดนี้ข้าพระองค์ทูลวิงวอน ขอพระองค์ทรงบันดาลให้ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าให้ใหญ่ยิ่งดังพระสัญญาที่ว่า
(วนฉ. 10:15 [TBS1971])
และคนอิสราเอลกราบทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กระทำบาปแล้ว ขอพระองค์ทรงกระทำแก่ข้าพระองค์ตามที่พระองค์ทรงเห็นชอบ ข้าพระองค์ขอวิงวอนเพียงว่าขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นในวันนี้เถิด”
(วนฉ. 13:8 [TBS1971])
แล้วมาโนอาห์ก็วิงวอนพระเจ้าทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอบุรุษของพระเจ้าผู้ซึ่งพระองค์ทรงใช้มานั้นปรากฏแก่ข้าพระองค์ทั้งสองอีกครั้งหนึ่ง สั่งสอนข้าพระองค์ว่า ข้าพระองค์ควรกระทำอย่างไรแก่เด็กที่จะเกิดมานั้น”
(นรธ. 1:16 [TBS1971])
แต่รูธตอบว่า “ขอแม่อย่าวิงวอนให้ฉันจากแม่หรือเลิกติดตามแม่ไปเลย เพราะแม่จะไปไหนฉันจะไปด้วย และแม่จะอาศัยอยู่ที่ไหนฉันก็จะอยู่ที่นั่นด้วย ญาติของแม่จะเป็นญาติของฉัน และพระเจ้าของแม่ก็จะเป็นพระเจ้าของฉัน
(1ซมอ. 20:6 [TBS1971])
ถ้าเสด็จพ่อของท่านเห็นข้าพเจ้าขาดไป ก็ขอโปรดทูลพระองค์ว่า ‘ดาวิดได้วิงวอนขอลาข้าพระบาทรีบกลับไปเมืองเบธเลเฮมเมืองของตน เพราะที่นั่นวงศ์ญาติทำการถวายสัตวบูชาประจำปี’
(1ซมอ. 20:28 [TBS1971])
โยนาธานทูลตอบซาอูลว่า “ดาวิดได้วิงวอนขอลาข้าพระบาทไปยังบ้านเบธเลเฮม
(2ซมอ. 7:27 [TBS1971])
ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าของอิสราเอล เพราะว่าพระองค์ได้ทรงสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ‘เราจะสร้างราชวงศ์ให้เจ้า’ เพราะฉะนั้น ผู้รับใช้ของพระองค์จึงกล้าหาญที่จะวิงวอนด้วยคำอธิษฐานนี้ต่อพระองค์
(2ซมอ. 21:17 [TBS1971])
แต่อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์เข้ามาช่วยพระองค์ไว้ และสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนั้นฆ่าเขาเสีย แล้วบรรดาประชาชนของดาวิดก็ทูลวิงวอนพระองค์ด้วยการสาบานว่า “ขอฝ่าพระบาทอย่าเสด็จไปทำศึกพร้อมกับพวกข้าพระบาททั้งหลายอีกต่อไปเลย เกรงว่าฝ่าพระบาทจะดับประทีปของอิสราเอลเสีย”
(1พกษ. 8:28 [TBS1971])
แต่ขอพระองค์สนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐานซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์ อธิษฐานต่อพระองค์ในวันนี้
(1พกษ. 8:30 [TBS1971])
และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลชนชาติของพระองค์ เมื่อเขาอธิษฐานตรงต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์ทรงสดับอยู่ในฟ้าสวรรค์อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว ก็ขอพระองค์ทรงประทานอภัย
(1พกษ. 8:33 [TBS1971])
“เมื่ออิสราเอลชนชาติของพระองค์พ่ายแพ้ต่อศัตรู เพราะเขาได้กระทำบาปต่อพระองค์ ถ้าเขาหันกลับมาหาพระองค์อีก และยอมรับพระนามของพระองค์ และอธิษฐานและกระทำการวิงวอนต่อพระองค์ในพระนิเวศนี้
(1พกษ. 8:38 [TBS1971])
ไม่ว่าคำอธิษฐานอย่างใด หรือคำวิงวอนประการใดซึ่งประชาชนคนใด หรืออิสราเอลประชากรของพระองค์ทั้งสิ้นทูล ต่างก็สำนึกในใจของเขาในเรื่องภัยพิบัติอันจะตกแก่เขา และได้กางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้
(1พกษ. 8:45 [TBS1971])
ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของเขาและคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ และขอทรงให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่
(1พกษ. 8:47 [TBS1971])
แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในใจในแผ่นดินซึ่งเขาได้ถูกจับไปเป็นเชลยและได้กลับใจ และได้ทำการวิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินของผู้จับเขาไปเป็นเชลย ทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กระทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและอย่างอธรรม’
(1พกษ. 8:49 [TBS1971])
ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และขอทรงให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่
(1พกษ. 8:52 [TBS1971])
ขอพระเนตรของพระองค์จงลืมอยู่ต่อคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และต่อคำวิงวอนของอิสราเอลประชากรของพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังเมื่อเขาทั้งหลายร้องต่อพระองค์
(1พกษ. 8:54 [TBS1971])
ครั้นซาโลมอนทรงจบคำอธิษฐาน และคำวิงวอนทั้งสิ้นนี้ต่อพระเจ้าแล้ว ก็ทรงลุกขึ้นจากหน้าแท่นบูชาของพระเจ้า ที่ซึ่งทรงคุกเข่าพร้อมกับกางพระหัตถ์สู่ฟ้าสวรรค์
(1พกษ. 8:59 [TBS1971])
ขอให้ถ้อยคำเหล่านี้ของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าได้วิงวอนขอต่อพระเจ้าให้อยู่ใกล้พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกเราทั้งวันและคืน และขอให้สิทธิอันชอบธรรมของผู้รับใช้ของพระองค์คงอยู่ และให้สิทธิอันชอบธรรมของอิสราเอลประชากรของพระองค์คงอยู่ ตามต้องการแต่ละวัน
(1พกษ. 9:3 [TBS1971])
และพระเจ้าตรัสกับท่านว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าและคำวิงวอนของเจ้า ซึ่งเจ้าได้กระทำต่อเรานั้นแล้ว เราได้รับพระนิเวศซึ่งเจ้าได้สร้างนี้ไว้เป็นสถานบริสุทธิ์ และได้ประดิษฐานชื่อของเราไว้ที่นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป
(1พกษ. 13:6 [TBS1971])
และพระราชาตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “จงวิงวอนขอพระกรุณาแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ขอจงอธิษฐานเพื่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะชักมือกลับเข้าหาตัวได้อีก” และคนของพระเจ้าก็วิงวอนต่อพระเจ้า และพระราชาก็ทรงชักพระหัตถ์กลับเข้าหาพระองค์ได้อีกและเป็นเหมือนเดิม
(2พกษ. 1:13 [TBS1971])
และพระราชารับสั่งให้นายห้าสิบคนที่สาม ไปพร้อมกับทหารห้าสิบคนของเขา และนายห้าสิบคนที่สามก็ขึ้นไป และคุกเข่าลงต่อหน้าเอลียาห์ และวิงวอนท่านว่า “ข้าแต่คนแห่งพระเจ้า ขอชีวิตของข้าพเจ้าและชีวิตของผู้รับใช้ของท่านอีกห้าสิบคนนี้ ให้เป็นสิ่งประเสริฐในสายตาของท่าน
(2พกษ. 13:4 [TBS1971])
แล้วเยโฮอาหาสได้วิงวอนพระเจ้า และพระเจ้าทรงฟังท่าน เพราะพระองค์ทรงเห็นการบีบบังคับอิสราเอล คือที่พระราชาแห่งซีเรียบีบบังคับเขาอย่างไร
(2พศด. 6:19 [TBS1971])
แต่ขอพระองค์ทรงสนพระทัยในคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และในคำวิงวอนนี้ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องและคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์อธิษฐานต่อพระองค์
(2พศด. 6:21 [TBS1971])
และขอพระองค์ทรงสดับคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ และของอิสราเอลประชากรของพระองค์ เมื่อเขาอธิษฐานตรงต่อสถานที่นี้ ขอพระองค์ทรงสดับอยู่ในฟ้าสวรรค์อันเป็นที่ประทับของพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว ก็ขอพระองค์ทรงประทานอภัย
(2พศด. 6:24 [TBS1971])
“ถ้าอิสราเอลประชากรของพระองค์พ่ายแพ้ต่อศัตรู เพราะเขาได้กระทำบาปต่อพระองค์ และเขาหันกลับมาหาพระองค์อีก ยอมรับพระนามของพระองค์ และอธิษฐานและกระทำการวิงวอนต่อพระองค์ในพระนิเวศนี้
(2พศด. 6:29 [TBS1971])
ไม่ว่าคำอธิษฐานอย่างใด หรือคำวิงวอนประการใด ซึ่งประชาชนคนใด หรืออิสราเอลประชากรของพระองค์ทั้งสิ้นทูล ต่างก็ประจักษ์ในภัยพิบัติและความทุกข์ใจของเขา และได้กางมือของเขาสู่พระนิเวศนี้
(2พศด. 6:35 [TBS1971])
แล้วขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของเขาและคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ และขอทรงให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่
(2พศด. 6:37 [TBS1971])
แต่ถ้าเขาสำนึกผิดในใจในแผ่นดินซึ่งเขาได้ถูกจับไปเป็นเชลยและได้กลับใจ และได้ทำการวิงวอนต่อพระองค์ในแผ่นดินที่เขาไปเป็นเชลย ทูลว่า ‘ข้าพระองค์ทั้งหลายได้กระทำบาป และได้ประพฤติชั่วร้ายและอย่างอธรรม’
(2พศด. 6:39 [TBS1971])
แล้วขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเขาในฟ้าสวรรค์ อันเป็นที่ประทับของพระองค์และขอทรงให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่ และขอทรงประทานอภัยแก่ประชากรของพระองค์ผู้ได้กระทำบาปต่อพระองค์
(2พศด. 33:12 [TBS1971])
และเมื่อพระองค์ทรงทุกข์ยาก พระองค์ทรงวิงวอนขอพระกรุณาต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของพระองค์ และถ่อมพระทัยลงอย่างมากต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษของพระองค์
(2พศด. 33:13 [TBS1971])
พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าทรงรับคำวิงวอนของท่าน และทรงฟังคำอ้อนวอนของท่าน และนำท่านกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มในราชอาณาจักรของท่านอีก แล้วมนัสเสห์ทรงทราบว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า
(2พศด. 33:19 [TBS1971])
และคำอธิษฐานของพระองค์ และเรื่องที่พระเจ้าทรงรับคำวิงวอนของพระองค์ บาปทั้งสิ้นของพระองค์ และความไม่ซื่อของพระองค์ทั้งสิ้น และสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงสร้างปูชนียสถานสูง และตั้งบรรดาอาเชราห์และรูปเคารพ ก่อนที่พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลงนั้น ดูเถิด เขาบันทึกไว้ในหนังสือประวัติที่ผู้ทำนายแต่ง
(อสร. 8:23 [TBS1971])
เราจึงอดอาหารและวิงวอนพระเจ้าของเราเพื่อเรื่องนี้ และพระองค์ทรงฟังเสียงร้องทูลของเรา
(อสธ. 4:8 [TBS1971])
โมรเดคัยยังได้ให้สำเนากฤษฎีกาเขียนที่ออกในสุสาสั่งให้ทำลายเขาทั้งหลายเพื่อนำไปแสดงแก่พระนางเอสเธอร์ อธิบายเรื่องให้พระนาง และกำชับให้พระนางเข้าเฝ้าพระราชา เพื่อทูลอ้อนวอนพระองค์ และวิงวอนพระองค์เพื่อเห็นแก่ชนชาติของพระนาง
(อสธ. 8:3 [TBS1971])
แล้วพระนางเอสเธอร์กราบทูลพระราชาอีก พระนางกราบลงที่พระบาทของพระองค์ และวิงวอนพระองค์ด้วยน้ำพระเนตร ขอให้แผนการร้ายของฮามาน คนอากัก และการปองร้ายซึ่งท่านได้คิดขึ้นต่อพวกยิวนั้นพ้นไปเสีย
(โยบ 8:5 [TBS1971])
ถ้าท่านจะหมั่นแสวงหาพระเจ้า และวิงวอนต่อองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
(โยบ 13:6 [TBS1971])
บัดนี้ขอฟังการหาเหตุผลของข้า และขอฟังคำวิงวอนแห่งริมฝีปากของข้า
(โยบ 19:16 [TBS1971])
ข้าเรียกคนใช้ของข้า แต่เขาไม่ตอบข้า ข้าต้องวิงวอนเขาด้วยปากของข้า
(โยบ 41:3 [TBS1971])
มันจะวิงวอนต่อเจ้าเป็นอันมากหรือ มันจะพูดด้วยคำอ่อนหวานกับเจ้าหรือ
(สดด. 6:9 [TBS1971])
พระเจ้าทรงสดับคำวิงวอนของข้า พระองค์ทรงรับคำอธิษฐานของข้า
(สดด. 28:2 [TBS1971])
ขอทรงฟังเสียงวิงวอนของข้าพระองค์ ขณะเมื่อข้าพระองค์ร้องทูลขอความอุปถัมภ์จากพระองค์ ขณะเมื่อข้าพระองค์ยกมือของข้าพระองค์ ขึ้นตรงต่ออภิสุทธิสถานของพระองค์
(สดด. 28:6 [TBS1971])
สาธุการแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงวิงวอนของข้าพเจ้า
(สดด. 30:8 [TBS1971])
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ และข้าพระองค์ได้วิงวอนพระเจ้าว่า
(สดด. 31:22 [TBS1971])
ข้าพระองค์ตกใจกล่าวว่า “ข้าพระองค์ถูกตัดขาดไปพ้นสายพระเนตรของพระองค์แล้ว” แต่พระองค์ยังทรงได้ยินคำวิงวอนของข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ร้องทูลขอความอุปถัมภ์จากพระองค์
(สดด. 55:1 [TBS1971])
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขออย่าซ่อนพระองค์เสียจากคำวิงวอนของข้าพระองค์
(สดด. 86:6 [TBS1971])
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเงี่ยพระโสตฟังคำทูลอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงสดับเสียงร้องทูลวิงวอนของข้าพระองค์
(สดด. 116:1 [TBS1971])
ข้าพเจ้ารักพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงฟังเสียงและคำวิงวอนของข้าพเจ้า
(สดด. 119:170 [TBS1971])
ขอคำวิงวอนของข้าพระองค์ขึ้นมาต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ตามพระดำรัสของพระองค์
(สดด. 130:2 [TBS1971])
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงฟังเสียงของข้าพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระโสต ฟังเสียงคำวิงวอนของข้าพระองค์
(สดด. 140:6 [TBS1971])
ข้าพเจ้าทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเงี่ยพระกรรณฟังคำทูลวิงวอนของข้าพระองค์
(สดด. 142:1 [TBS1971])
ข้าพเจ้าร้องทูลพระเจ้าด้วยเสียงของข้าพเจ้า ด้วยเสียงของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าวิงวอนต่อพระเจ้า
(สดด. 143:1 [TBS1971])
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับคำวิงวอนของข้าพระองค์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ตามความสัตย์สุจริตของพระองค์ ตามความชอบธรรมของพระองค์
(สภษ. 6:3 [TBS1971])
บุตรชายของเราเอ๋ย จงทำอย่างนี้และช่วยตัวเจ้าให้รอดเถิด เพราะเจ้าตกอยู่ในกำมือเพื่อนบ้านของเจ้าแล้ว ไป รีบไปวิงวอนเพื่อนบ้านของเจ้า
(สภษ. 18:23 [TBS1971])
คนยากจนใช้คำวิงวอน แต่คนมั่งคั่งตอบเสียงห้วนๆ
(อสย. 19:22 [TBS1971])
และพระเจ้าจะโจมตีอียิปต์ ทรงโจมตีพลางทรงรักษาพลาง และเขาทั้งหลายจะหันกลับมาหาพระเจ้า และพระองค์จะทรงฟังคำวิงวอนของเขาและทรงรักษาเขา
(อสย. 45:14 [TBS1971])
พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ทรัพยากรของอียิปต์และสินค้ากำไรของเอธิโอเปีย และคนเสบา คนร่างสูง จะมาหาเจ้าและเป็นของเจ้า เขาจะติดตามเจ้า เขาจะติดตรวนมาหาและกราบไหว้เจ้า เขาจะวิงวอนเจ้าว่า ‘พระเจ้าอยู่กับท่านแน่ และไม่มีอื่นใดอีก ไม่มีพระเจ้าอื่น’ ”
(ยรม. 3:21 [TBS1971])
เขาได้ยินเสียงมาจากที่สูงโล้น เป็นเสียงร้องไห้และเสียงวิงวอนของบุตรทั้งหลายของอิสราเอล เพราะเขาได้แปรวิถีของเขาเสียแล้ว เขาได้ลืมพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา
(ยรม. 7:16 [TBS1971])
“ฝ่ายเจ้า เจ้าอย่าอธิษฐานเพื่อชนชาตินี้ อย่าร้องขึ้นหรืออธิษฐานเพื่อเขา และอย่าวิงวอนขอต่อเรา เพราะเราจะไม่ฟังเจ้า
(ยรม. 15:11 [TBS1971])
ข้าแต่พระเจ้า ถ้าข้าพระองค์มิได้วิงวอนพระองค์เพื่อความดีของเขา ถ้าข้าพระองค์มิได้ทูลขอต่อพระองค์เพื่อศัตรูในเวลาลำบากและในเวลาทุกข์ใจก็ปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้นเถิด พระเจ้าข้า
(ยรม. 26:19 [TBS1971])
เฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และคนยูดาห์ทั้งสิ้นได้ฆ่าเขาเสียหรือ ท่านไม่ยำเกรงพระเจ้าและทูลวิงวอนขอพระเจ้าหรือ และพระเจ้ามิได้กลับพระทัยต่อโทษซึ่งพระองค์ทรงกำหนดให้เขาเหล่านั้นหรือ แต่เรากำลังจะนำเหตุร้ายใหญ่ยิ่งมาสู่ตัวเราเอง”
(ยรม. 27:18 [TBS1971])
ถ้าเขาเหล่านั้นเป็นผู้เผยพระวจนะ และถ้าพระวจนะของพระเจ้าอยู่กับเขา ก็ขอให้เขาทูลวิงวอนต่อพระเจ้าจอมโยธาว่า ให้เครื่องใช้ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า และในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ และในกรุงเยรูซาเล็ม อย่าให้ไปยังบาบิโลน
(ยรม. 36:7 [TBS1971])
ชะรอยคำทูลวิงวอนของเขาจะมาถึงพระเจ้า และทุกคนจะหันกลับจากทางชั่วของตัว เพราะความกริ้วและความพิโรธ ซึ่งพระเจ้าทรงประกาศเป็นโทษเหนือชนชาตินี้นั้นใหญ่หลวงนัก”
(ยรม. 36:25 [TBS1971])
แม้ว่าเมื่อเอลนาธันและเดลายาห์และเกมาริยาห์ ได้ทูลวิงวอนพระราชามิให้พระองค์ทรงเผาหนังสือม้วนพระองค์หาทรงฟังไม่
(พคค. 1:17 [TBS1971])
เมืองศิโยนได้เหยียดมือทั้งสองออกวิงวอน แต่ก็ไม่มีใครที่เล้าโลมเธอได้ พระเจ้าทรงมีพระบัญชากล่าวโทษยาโคบ ว่าให้พวกที่อยู่ล้อมรอบยาโคบตั้งตัวขึ้นเป็นคู่อริ เยรูซาเล็มเป็นสิ่งโสโครกท่ามกลางเขาทั้งหลาย
(อสค. 16:34 [TBS1971])
ฉะนั้นเจ้าจึงผิดกับหญิงอื่นในเรื่องการเล่นชู้ของเจ้า ไม่มีใครมาวิงวอนให้เล่นชู้ และเจ้ากลับให้สินจ้าง ขณะเมื่อไม่มีผู้ใดให้สินจ้างแก่เจ้า เพราะฉะนั้นเจ้าจึงแตกต่างกัน
(ดนล. 6:11 [TBS1971])
แล้วคนเหล่านี้ก็ได้พากันมาและได้พบดาเนียลทูลขอ และวิงวอนอยู่ต่อพระเจ้าของท่าน
(ดนล. 9:3 [TBS1971])
แล้วข้าพเจ้าก็หันหน้าไปหาพระเจ้า แสวงหาด้วยการอธิษฐานและการวิงวอน ทั้งด้วยการอดอาหาร และนุ่งห่มผ้ากระสอบและนั่งบนมูลเถ้า
(ดนล. 9:13 [TBS1971])
ดังที่ได้จารึกไว้ในบัญญัติของโมเสสแล้ว วิบัติทั้งสิ้นก็ได้ตกอยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายยังมิได้ทูลวิงวอนขอพระกรุณาจากพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย โดยหันเสียจากความบาปชั่วของข้าพระองค์ และเชื่อฟังความจริงของพระองค์
(ดนล. 9:17 [TBS1971])
ฉะนั้น ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์ และคำวิงวอนของเขา ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเห็นแก่พระองค์ ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงที่สถานศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ซึ่งร้างเปล่านั้น
(ดนล. 9:18 [TBS1971])
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับ ขอทรงลืมพระเนตรดูความร้างเปล่าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ทั้งนครซึ่งมีชื่อตามพระนามของพระองค์ เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายมิได้ถวายคำวิงวอนต่อพระองค์ ด้วยอ้างความชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเหตุ แต่ได้อ้างพระกรุณายิ่งใหญ่ของพระองค์
(ดนล. 9:20 [TBS1971])
ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังพูด กำลังอธิษฐานและสารภาพบาปของข้าพเจ้า และบาปของอิสราเอล ประชากรของข้าพเจ้า และเสนอคำวิงวอนของข้าพเจ้าต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า เพื่อภูเขาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้าของข้าพเจ้าอยู่นั้น
(ดนล. 9:23 [TBS1971])
ในตอนต้นแห่งคำวิงวอนของท่านก็มีคำหนึ่งออกไป ข้าพเจ้าจึงมาบอกให้ท่านทราบ เพราะท่านเป็นผู้ที่ทรงรักมาก เพราะฉะนั้นจงพิจารณาคำนั้นและเข้าใจนิมิตนั้น
(ยนา. 1:14 [TBS1971])
เพราะฉะนั้น เขาจึงร้องทูลต่อพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายขอวิงวอนต่อพระองค์ ขออย่าให้พวกข้าพระองค์พินาศ เพราะชีวิตของชายผู้นี้เลย ขออย่าให้โทษของการทำให้โลหิตที่ไร้ความผิดตกมาเหนือข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงพอพระทัย”
(ศคย. 12:10 [TBS1971])
“และเราจะเทวิญญาณแห่งความเมตตาเอ็นดูและการวิงวอนบนราชวงศ์ดาวิดและชาวเยรูซาเล็ม ดังนั้นเมื่อเขาทั้งหลายมองดูเรา ผู้ซึ่งเขาเองได้แทงเขาจะไว้ทุกข์เพื่อท่าน เหมือนคนไว้ทุกข์เพื่อบุตรคนเดียวของตน และร้องไห้อย่างขมขื่นเพื่อท่าน เหมือนอย่างคนร้องไห้เพื่อบุตรหัวปีของตน
(มธ. 18:26 [TBS1971])
ทาสลูกหนี้ผู้นั้นจึงกราบลงวิงวอนว่า ‘ข้าแต่ท่าน ขอโปรดผัดไว้ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะใช้หนี้ทั้งสิ้น’
(มก. 1:40 [TBS1971])
คนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงทูลวิงวอนพระองค์ว่า “เพียงแต่พระองค์จะโปรด ก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์หายโรคได้”
(ลก. 11:8 [TBS1971])
เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้เขาจะไม่ลุกขึ้นหยิบให้คนนั้นเพราะเป็นมิตรสหายกัน แต่ว่าเพราะวิงวอนมากเข้า เขาจึงจะลุกขึ้นหยิบให้ตามที่เขาต้องการ
(กจ. 16:15 [TBS1971])
เมื่อหญิงคนนั้นกับทั้งครอบครัวของเขาได้รับบัพติศมาแล้ว จึงอ้อนวอนเราว่า “ถ้าท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า เชิญเข้ามาพักอาศัยในตึกของข้าพเจ้าเถิด” และเขาได้วิงวอนจนเราขัดไม่ได้
(กจ. 19:31 [TBS1971])
มีบางคนในพวกศาสนประธานที่ประจำแคว้นเอเชีย ซึ่งเป็นสหายของเปาโล ได้ใช้คนไปวิงวอนขอเปาโลมิให้เข้าไปในเวทีมหรสพ
(กจ. 25:2 [TBS1971])
พวกมหาปุโรหิตกับคนสำคัญๆ ในพวกยิวมาฟ้องเปาโลต่อท่าน และได้วิงวอน
(กจ. 25:24 [TBS1971])
เฟสทัสจึงทูลว่า “ดูก่อน ท่านกษัตริย์อากริปปาและท่านทั้งหลายที่อยู่ด้วยกันที่นี่ ท่านทั้งหลายเห็นคนนี้ ที่บรรดาพวกยิวได้วิงวอนข้าพเจ้าทั้งในกรุงเยรูซาเล็มและที่นี่ด้วย ร้องว่าเขาไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
(รม. 10:1 [TBS1971])
พี่น้องทั้งหลาย ความปรารถนาในจิตใจของข้าพเจ้า และคำวิงวอนขอต่อพระเจ้าเพื่อคนอิสราเอลนั้น คือขอด้วยหวังให้เขารอด
(รม. 12:1 [TBS1971])
พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย
(รม. 15:30 [TBS1971])
พี่น้องทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสต์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และโดยความรักของพระวิญญาณ ข้าพเจ้าวิงวอนขอให้ท่านช่วยอธิษฐานพระเจ้าด้วยใจร้อนรนเพื่อข้าพเจ้า
(รม. 16:17 [TBS1971])
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน ให้สังเกตดูคนเหล่านั้นที่ก่อเหตุวิวาทและทำให้คนอื่นหลง ซึ่งเป็นการผิดคำสอนที่ท่านทั้งหลายได้เรียนมา จงเมินหน้าจากคนเหล่านั้น
(1คร. 1:10 [TBS1971])
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนท่านในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ขอให้ท่านปรองดองกัน อย่าถือพวกถือคณะ แต่ขอให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
(2คร. 2:8 [TBS1971])
ดังนั้นข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านให้ยืนยันความรักต่อคนนั้นใหม่
(2คร. 6:1 [TBS1971])
ในเมื่อเราทำงานร่วมกับพระคริสต์แล้ว เราจึงขอวิงวอนท่านว่า อย่าสักแต่รับพระคุณของพระเจ้าเท่านั้น
(2คร. 8:4 [TBS1971])
และเขายังได้วิงวอนเรามากมาย ขอให้เขามีส่วนในการช่วยธรรมิกชนด้วย
(2คร. 9:5 [TBS1971])
เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นว่า สมควรจะวิงวอนให้พี่น้องเหล่านั้นไปหาท่านก่อนข้าพเจ้า และให้จัดเตรียมทานของท่านไว้ ตามที่ท่านได้สัญญาไว้แล้ว เพื่อทานนั้นจะมีอยู่พร้อม และจะเป็นทานที่ให้ด้วยใจศรัทธา มิใช่ให้ด้วยการฝืนใจ
(2คร. 9:14 [TBS1971])
เขาก็จะวิงวอนขอพระพรให้แก่ท่านทั้งหลายและอาลัยท่านเป็นอันมาก เพราะเหตุพระคุณของพระเจ้าซึ่งสถิตอยู่ในท่านอย่างเหลือล้น
(2คร. 10:1 [TBS1971])
ข้าพเจ้า เปาโล ขอวิงวอนต่อท่านเป็นส่วนตัว โดยเห็นแก่ความอ่อนสุภาพและพระทัยกรุณาของพระคริสต์ ข้าพเจ้าผู้ซึ่งท่านว่า เป็นคนสุภาพถ่อมตนเมื่ออยู่กับท่านทั้งหลาย แต่เมื่ออยู่ต่างหากก็เป็นคนใจกล้า
(2คร. 12:8 [TBS1971])
เรื่องหนามใหญ่นั้น ข้าพเจ้าวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า
(2คร. 13:11 [TBS1971])
ในที่สุดนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอลาก่อน ท่านจงปรับปรุงตัวให้ดี จงฟังคำวิงวอนของข้าพเจ้า จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และพระเจ้าแห่งความรักและสันติสุขจะทรงสถิตอยู่กับท่าน
(กท. 4:12 [TBS1971])
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนให้ท่านเป็นเหมือนข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้าก็ได้กลายเป็นอย่างท่านแล้วเหมือนกัน ท่านไม่ได้ทำผิดต่อข้าพเจ้าเลย
(อฟ. 4:1 [TBS1971])
เหตุฉะนั้นข้าพเจ้า ผู้ถูกจำจองเพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอวิงวอนท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับพันธกิจอันเนื่องจากการทรงเรียกท่านนั้น
(อฟ. 6:18 [TBS1971])
จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน
(ฟป. 4:6 [TBS1971])
อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ
(1ธส. 4:1 [TBS1971])
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ เราขอวิงวอนและเตือนสติท่านในพระเยซูเจ้าว่า ท่านได้เรียนจากเราแล้วว่าควรจะประพฤติอย่างไร จึงจะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า ท่านกำลังประพฤติอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ขอประพฤติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
(1ธส. 4:10 [TBS1971])
ความจริงท่านได้ประพฤติต่อพวกพี่น้องทั่วแคว้นมาซิโดเนียเช่นนั้นอยู่ แต่พี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนท่านให้มีความรักทวีขึ้นอีก
(1ธส. 5:12 [TBS1971])
พี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนท่านให้นับถือคนที่ทำงานอยู่ในพวกท่าน ซึ่งปกครองท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า และตักเตือนท่าน
(1ธส. 5:14 [TBS1971])
และพี่น้องทั้งหลาย เราขอวิงวอนพวกท่านให้ตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนน้ำใจผู้ที่ท้อใจ ชูกำลังคนที่อ่อนกำลัง และมีใจอดเอาเบาสู้ต่อคนทั้งปวง
(2ธส. 2:1 [TBS1971])
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราทั้งหลายไปเป็นของพระองค์นั้น เราขอวิงวอนท่านว่า
(1ทธ. 2:1 [TBS1971])
เหตุฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลายให้วิงวอนอธิษฐานทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อคนทั้งปวง
(1ทธ. 5:5 [TBS1971])
ฝ่ายผู้หญิงที่เป็นแม่ม่ายไร้ที่พึ่ง และอยู่แต่ลำพังผู้เดียวนั้นก็ย่อมมอบความหวังไว้กับพระเจ้า และวิงวอนอธิษฐานทั้งกลางวันกลางคืนไม่ขาด
(ฮบ. 5:7 [TBS1971])
ฝ่ายพระเยซู ขณะเมื่อพระองค์ทรงเป็นมนุษย์อยู่นั้น พระองค์ได้ทรงร้องอธิษฐาน และทูลวิงวอนด้วยน้ำพระเนตรไหล ต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตายได้ และพระเจ้าได้ทรงสดับเนื่องด้วยความยำเกรงของพระเยซู
(ฮบ. 13:22 [TBS1971])
ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านให้เพียรฟังคำเตือนสตินี้ เพราะข้าพเจ้าได้เขียนมาถึงท่านทั้งหลายแต่เพียงย่อๆ เท่านั้น
(1ปต. 2:11 [TBS1971])
ดูก่อนท่านที่รัก ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลาย ผู้อาศัยในโลกอย่างโลกไม่เป็นบ้านเกิดเมืองนอน ให้เว้นจากตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งเป็นข้าศึกต่อวิญญาณจิตของท่าน
(2ยน. 1:5 [TBS1971])
และดูก่อนท่านสุภาพสตรี บัดนี้ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่าน มิใช่เสมือนหนึ่งว่าข้าพเจ้าเขียนบัญญัติใหม่ถึงท่าน แต่เป็นพระบัญญัติที่เราได้มีมาแล้วตั้งแต่เริ่มแรก นั่นก็คือให้เราทั้งหลายรักกันและกัน
(ยด. 1:3 [TBS1971])
ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้ตั้งใจจะเขียนถึงท่านเรื่องความรอดร่วมกัน แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า จำเป็นจะต้องเขียนวิงวอนท่านให้ต่อสู้เพื่อหลักคำสอนที่เชื่อกันอยู่ ที่ได้ทรงโปรดมอบไว้แก่ธรรมิกชนครั้งเดียวเป็นพอนั้น
อ้อนวอน จาก ฉบับ THSV จำนวน 46 ข้อ
(ปฐก. 33:11 [THSV Free])
ข้าพเจ้าขอท่านรับของขวัญที่นำมาให้ท่าน เพราะพระเจ้าทรงกรุณาข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็มีพอเพียงแล้ว” ท่านอ้อนวอนเอซาว เขาจึงรับไว้
(ปฐก. 42:21 [THSV Free])
พวกพี่ชายจึงพูดกันว่า “สมควรแล้วที่เรามีความผิดเรื่องน้องของเรา เพราะเราได้เห็นความทุกข์ใจของน้องเมื่อเขาอ้อนวอนเรา แต่เราไม่ฟัง เพราะฉะนั้นความทุกข์ใจครั้งนี้จึงเกิดแก่เรา”
(ฉธบ. 3:23 [THSV Free])
“เวลานั้นข้าพเจ้าอ้อนวอนพระยาห์เวห์ว่า
(1ซมอ. 28:23 [THSV Free])
แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ รับสั่งว่า “ไม่กิน” แต่พวกมหาดเล็กกับหญิงนั้นอ้อนวอนพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟังเสียงของพวกเขา พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพื้นดินและประทับบนเตียง
(2ซมอ. 12:16 [THSV Free])
ดาวิดก็ทรงอ้อนวอนพระเจ้าเพื่อพระกุมารนั้น และดาวิดทรงอดอาหารและบรรทมบนพื้นดินคืนยังรุ่ง
(1พกษ. 9:3 [THSV Free])
และพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานและคำวิงวอนของเจ้า ซึ่งเจ้าได้อ้อนวอนเรานั้นแล้ว เราได้ทำนิเวศนี้ซึ่งเจ้าได้สร้างไว้ให้บริสุทธิ์ และได้ใส่นามของเราไว้ที่นั่นเป็นนิตย์ ตาของเราและใจของเราจะอยู่ที่นั่นตลอดไป
(2พศด. 33:13 [THSV Free])
พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าทรงฟังคำวิงวอน และคำอ้อนวอนของพระองค์ และทรงให้พระองค์กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มในราชอาณาจักรของพระองค์อีก แล้วมนัสเสห์ทรงทราบว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า
(นหม. 4:9 [THSV Free])
แต่พวกเราได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าของเรา และวางยามป้องกันพวกเขาทั้งกลางวันและกลางคืน
(อสธ. 4:8 [THSV Free])
โมรเดคัยยังได้ให้สำเนาบันทึกกฤษฎีกาที่ออกในสุสา สั่งให้ทำลายพวกเขา เพื่อให้ฮาธาคนำไปแสดงต่อพระนางเอสเธอร์ และอธิบายเรื่องราวต่อพระนาง พร้อมกับกำชับให้พระนางเข้าเฝ้ากษัตริย์ เพื่อทูลอ้อนวอนพระองค์ และวิงวอนพระองค์เพื่อชนชาติของพระนาง
(สดด. 34:15 [THSV Free])
พระเนตรของพระยาห์เวห์เฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา
(อสย. 53:12 [THSV Free])
เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งส่วนหนึ่งแก่เขาเช่นเดียวกับคนใหญ่โต และเขาจะแบ่งของริบกับพวกผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเขาเทตัวของเขาลงถึงความมรณะ และถูกนับเข้ากับพวกคนทรยศ เขาเองแบกบาปของคนจำนวนมาก และเขาอ้อนวอนเพื่อพวกคนทรยศ
(อสย. 59:16 [THSV Free])
พระองค์ทรงเห็นว่าไม่มีผู้ใดเลย และประหลาดพระทัยว่าไม่มีใครอ้อนวอนเผื่อ แล้วพระกรของพระองค์เองก็นำชัยชนะมาให้พระองค์ และความชอบธรรมของพระองค์เชิดชูพระองค์ไว้
(ยรม. 15:11 [THSV Free])
พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราไม่ได้ปลดปล่อยเจ้าเพราะประสงค์ดีหรือ? เราไม่ได้ให้ศัตรูมาอ้อนวอนต่อเจ้าในเวลาลำบากและในเวลาทุกข์ใจหรือ?
(ยรม. 42:9 [THSV Free])
และบอกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ซึ่งท่านได้ใช้ให้ข้าพเจ้านำเอาคำอ้อนวอนของท่านไปเสนอพระองค์นั้น ได้ตรัสดังนี้ว่า
(มลค. 1:9 [THSV Free])
ลองอ้อนวอนขอความชอบต่อพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงพระกรุณาต่อพวกเราดูซี ด้วยของถวายดังกล่าวมานี้จากมือของเจ้า พระองค์จะทรงชอบพอเจ้าสักคนหนึ่งหรือ? พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ
(มธ. 8:5 [THSV Free])
เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์
(มธ. 8:31 [THSV Free])
ผีเหล่านั้นอ้อนวอนพระองค์ว่า “ถ้าท่านขับเราออกก็ขอให้เข้าไปอยู่ในฝูงสุกรนั้นเถิด”
(มธ. 8:34 [THSV Free])
นี่แน่ะ คนทั้งเมืองพากันออกมาหาพระเยซู เมื่อพบพระองค์แล้ว พวกเขาจึงอ้อนวอนขอให้พระองค์เสด็จไปเสียจากเขตแดนของพวกเขา
(มธ. 9:38 [THSV Free])
เพราะฉะนั้นท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ทรงส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์”
(มธ. 18:29 [THSV Free])
เพื่อนทาสคนนั้นจึงกราบลงอ้อนวอนว่า ‘ขอผัดไว้ก่อนแล้วข้าจะใช้ให้’
(มธ. 18:32 [THSV Free])
ท่านจึงเรียกทาสนั้นมาตรัสว่า ‘ไอ้ข้าชั่วร้าย เรายกหนี้ให้เอ็งทั้งหมด ก็เพราะเอ็งอ้อนวอนเรา
(มก. 5:10 [THSV Free])
มันจึงอ้อนวอนพระองค์อย่างมาก ที่จะไม่ให้ขับไล่พวกมันออกจากเขตแดนเมืองนั้น
(มก. 5:12 [THSV Free])
ผีเหล่านั้นก็อ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอส่งพวกเราเข้าไปในฝูงสุกร เพื่อให้พวกเราสิงในตัวพวกมัน”
(มก. 5:17 [THSV Free])
คนทั้งหลายจึงพากันอ้อนวอนขอให้พระองค์เสด็จไปเสียจากเขตเมืองของพวกเขา
(มก. 5:18 [THSV Free])
ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จลงเรือ คนที่เคยถูกผีสิงอ้อนวอนขอติดตามพระองค์ไปด้วย
(มก. 5:23 [THSV Free])
แล้วทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า “ลูกสาวเล็กๆ ของข้าพระองค์ป่วยหนัก ขอพระองค์เสด็จไปวางพระหัตถ์บนเธอ เพื่อเธอจะหายโรคและมีชีวิตอยู่”
(มก. 7:26 [THSV Free])
หญิงผู้นี้มีเชื้อชาติซีเรียฟีนิเซีย เป็นคนต่างศาสนา นางทูลอ้อนวอนขอให้พระองค์ขับผีออกจากลูกสาวของนาง
(มก. 8:22 [THSV Free])
พระองค์กับพวกสาวกจึงไปยังเมืองเบธไซดา มีบางคนพาคนตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ และทูลอ้อนวอนขอให้พระองค์ทรงสัมผัสคนนั้น
(ลก. 4:38 [THSV Free])
เมื่อพระองค์ทรงลุกออกจากธรรมศาลา ก็เสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมน แม่ยายของซีโมนกำลังป่วยมีไข้สูง พวกเขาจึงอ้อนวอนขอให้พระองค์ช่วยนาง
(ลก. 5:12 [THSV Free])
ต่อมาขณะที่พระเยซูประทับอยู่ในเมืองแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อนเต็มทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซูก็ซบหน้าลงถึงดินทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอเพียงแต่พระองค์เต็มพระทัยเท่านั้น ก็จะทำให้ข้าพระองค์หายสะอาดได้”
(ลก. 7:3 [THSV Free])
เมื่อนายร้อยได้ยินเรื่องพระเยซู จึงส่งผู้ใหญ่บางคนของพวกยิวไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของเขา
(ลก. 7:4 [THSV Free])
พวกเขาจึงไปหาพระเยซูแล้วก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจกระตือรือร้นว่า “นายร้อยคนนั้นเป็นคนที่พระองค์สมควรจะทำสิ่งนี้ให้
(ลก. 8:31 [THSV Free])
พวกผีก็อ้อนวอนขอพระองค์อย่าสั่งให้พวกมันกลับไปที่นรกขุมลึก
(ลก. 8:32 [THSV Free])
ขณะนั้นมีสุกรฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่บนไหล่เขา ผีเหล่านั้นจึงอ้อนวอนพระองค์ ขออนุญาตให้พวกมันเข้าสิงในสุกรฝูงนั้น พระองค์ก็ทรงอนุญาต
(ลก. 8:41 [THSV Free])
นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งชื่อไยรัส เป็นนายธรรมศาลา เขามากราบที่พระบาทของพระเยซูอ้อนวอนขอให้พระองค์เสด็จไปที่บ้านของเขา
(ลก. 10:2 [THSV Free])
พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมาก แต่คนงานยังน้อยอยู่ เพราะฉะนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์
(ยน. 4:47 [THSV Free])
เมื่อท่านทราบข่าวว่าพระเยซูเสด็จออกจากแคว้นยูเดียไปแคว้นกาลิลีแล้ว ท่านจึงไปอ้อนวอนพระองค์ขอให้เสด็จไปรักษาบุตรของตนเพราะว่าเขาใกล้จะตายแล้ว
(ยน. 16:26 [THSV Free])
ในวันนั้นพวกท่านจะทูลขอในนามของเรา และเราจะไม่บอกท่านว่าเราจะอ้อนวอนพระบิดาเพื่อท่าน
(กจ. 8:24 [THSV Free])
ซีโมนจึงตอบว่า “ขอพวกท่านช่วยอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อว่าเหตุการณ์ที่พวกท่านกล่าวนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าแม้แต่อย่างเดียว”
(กจ. 10:2 [THSV Free])
ท่านและครอบครัวเป็นคนเคร่งศาสนาและเกรงกลัวพระเจ้า ท่านให้ทานแก่ประชาชนอย่างมากมายและอ้อนวอนพระเจ้าอยู่เสมอ
(กจ. 13:42 [THSV Free])
ขณะที่ท่านทั้งสองกำลังเดินออกไป คนทั้งหลายก็อ้อนวอนพวกท่านให้กล่าวคำเหล่านั้นให้พวกเขาฟังอีกในวันสะบาโตหน้า
(กจ. 16:9 [THSV Free])
ในเวลากลางคืน เปาโลได้รับนิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า “ขอมาช่วยเราในแคว้นมาซิโดเนียด้วย”
(กจ. 16:15 [THSV Free])
เมื่อหญิงคนนั้นกับครัวเรือนของนางได้รับบัพติศมาแล้ว จึงอ้อนวอนเราว่า “ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็ขอเชิญเข้ามาพักอาศัยในบ้านของข้าพเจ้าเถิด” และนางก็ได้วิงวอนจนเราขัดไม่ได้
(กจ. 21:12 [THSV Free])
เมื่อเราได้ยินอย่างนั้น เรากับคนที่นั่นจึงอ้อนวอนเปาโลไม่ให้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
(ฮบ. 12:19 [THSV Free])
หรือมาถึงเสียงแตร หรือมาถึงพระสุรเสียงตรัส ที่คนเหล่านั้นเมื่อได้ยินแล้วก็อ้อนวอนขอไม่ให้ตรัสกับพวกเขาอีก
(1ปต. 3:12 [THSV Free])
เพราะว่าพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของพวกเขา แต่พระพักตร์ของพระองค์ต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ทำชั่ว
อ้อนวอน จาก ฉบับ TBS1971 จำนวน 47 ข้อ
(ปฐก. 33:11 [TBS1971])
ข้าพเจ้าอ้อนวอน ขอท่านรับของขวัญที่นำมาให้ท่าน เพราะพระเจ้าทรงโปรดกรุณาข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็มีพอเพียงแล้ว” เขาอ้อนวอนอย่างนี้เอซาวจึงรับไว้
(ปฐก. 42:21 [TBS1971])
พวกพี่ชายจึงพูดกันว่า “ที่จริงเรามีความผิดเรื่องน้องเรา เพราะเราได้เห็นความทุกข์ใจของน้องเมื่อเขาอ้อนวอนเรา แต่แล้วมิได้ฟัง เพราะฉะนั้นความทุกข์ใจทั้งนี้จึงบังเกิดแก่เรา”
(ฉธบ. 3:23 [TBS1971])
“ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้อ้อนวอนพระเจ้าว่า
(วนฉ. 14:15 [TBS1971])
พอถึงวันที่เจ็ดเขาจึงไปอ้อนวอนภรรยาของแซมสันว่า “จงลวงสามีของเจ้าให้แก้ปริศนานี้ให้เราฟัง มิฉะนั้นเราจะเอาไฟเผาเจ้ากับบ้านครอบครัวบิดาของเจ้าเสีย เจ้าเชิญเรามาหวังจะทำให้เรายากจนหรือ”
(1ซมอ. 28:23 [TBS1971])
พระองค์ก็ทรงปฏิเสธ รับสั่งว่า “ไม่กิน” แต่มหาดเล็กกับหญิงนั้นอ้อนวอนพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟังเสียงของเขา พระองค์ทรงลุกขึ้นประทับบนเตียง
(2ซมอ. 12:16 [TBS1971])
ดาวิดก็ทรงอ้อนวอนต่อพระเจ้าเพื่อพระกุมารนั้น และดาวิดทรงอดพระกระยาหารและบรรทมบนพื้นดินคืนยังรุ่ง
(2พศด. 33:13 [TBS1971])
พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าทรงรับคำวิงวอนของท่าน และทรงฟังคำอ้อนวอนของท่าน และนำท่านกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มในราชอาณาจักรของท่านอีก แล้วมนัสเสห์ทรงทราบว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า
(นหม. 4:9 [TBS1971])
แต่เราทั้งหลายได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าของเรา และวางยามป้องกันเขาทั้งหลายทั้งกลางวันและกลางคืน
(อสธ. 4:8 [TBS1971])
โมรเดคัยยังได้ให้สำเนากฤษฎีกาเขียนที่ออกในสุสาสั่งให้ทำลายเขาทั้งหลายเพื่อนำไปแสดงแก่พระนางเอสเธอร์ อธิบายเรื่องให้พระนาง และกำชับให้พระนางเข้าเฝ้าพระราชา เพื่อทูลอ้อนวอนพระองค์ และวิงวอนพระองค์เพื่อเห็นแก่ชนชาติของพระนาง
(สดด. 34:15 [TBS1971])
พระเนตรของพระเจ้า เห็นคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา
(อสย. 53:12 [TBS1971])
ฉะนี้ เราจะแบ่งส่วนหนึ่งให้ท่านกับผู้ยิ่งใหญ่ และท่านจะแบ่งรางวัลกับคนแข็งแรง เพราะท่านเทวิญญาณจิตของท่านถึงความมรณะ และถูกนับเข้ากับคนทรยศ ถึงกระนั้นท่านก็แบกบาปของคนเป็นอันมาก และทำการอ้อนวอนเพื่อผู้ทรยศ
(อสย. 59:16 [TBS1971])
พระองค์ทรงเห็นว่าไม่มีคนใดเลย ทรงประหลาดพระทัยว่าไม่มีใครอ้อนวอนเผื่อ แล้วพระกรของพระองค์เองก็นำความรอดมา และความชอบธรรมของพระองค์ชูพระองค์ไว้
(ยรม. 42:2 [TBS1971])
และพูดกับเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะว่า “ขอให้คำอ้อนวอนของข้าพเจ้าทั้งหลายมาอยู่ต่อหน้าท่าน และขอท่านอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านเพื่อเราทั้งหลาย เพื่อคนที่เหลืออยู่นี้ทั้งสิ้น (เพราะเรามีเหลือน้อยจากคนมาก ตามที่ท่านเห็นอยู่กับตาแล้ว)
(ยรม. 42:9 [TBS1971])
และบอกเขาว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ซึ่งท่านได้ใช้ให้ข้าพเจ้านำเอาคำอ้อนวอนของท่านไปเสนอพระองค์นั้น ได้ตรัสดังนี้ว่า
(มลค. 1:9 [TBS1971])
ลองอ้อนวอนขอความชอบต่อพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงพระกรุณาต่อพวกเราดูซี ด้วยของถวายดังกล่าวมานี้จากมือของเจ้า พระองค์จะทรงชอบพอเจ้าสักคนหนึ่งหรือ พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ
(มธ. 8:5 [TBS1971])
เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าไปในเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาอ้อนวอนพระองค์
(มธ. 8:31 [TBS1971])
ผีเหล่านั้นได้อ้อนวอนพระองค์ว่า “ถ้าท่านขับพวกเราออกก็ขอให้เข้าอยู่ในฝูงสุกรนั้นเถิด”
(มธ. 8:34 [TBS1971])
ดูเถิด คนทั้งนครพากันออกมาหาพระเยซู เมื่อพบพระองค์แล้ว เขาจึงอ้อนวอนขอให้พระองค์ไปเสียจากเขตแดนของเขา
(มธ. 9:38 [TBS1971])
เหตุนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์”
(มธ. 18:29 [TBS1971])
เพื่อนทาสคนนั้นได้กราบลงอ้อนวอนว่า ‘ขอโปรดผัดไว้ก่อนแล้วข้าพเจ้าจะใช้ให้’
(มธ. 18:32 [TBS1971])
ท่านจึงทรงเรียกทาสนั้นมาสั่งว่า ‘อ้ายข้าชาติชั่ว เราได้โปรดยกหนี้ให้เอ็งหมด เพราะเอ็งได้อ้อนวอนเรา
(มก. 5:10 [TBS1971])
มันจึงอ้อนวอนพระองค์เป็นอันมาก มิให้ขับไล่มันออกจากแดนเมืองนั้น
(มก. 5:12 [TBS1971])
ผีเหล่านั้นก็อ้อนวอนพระองค์ว่า “ขอโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเข้าในสุกรเหล่านี้เถิด”
(มก. 5:17 [TBS1971])
คนทั้งหลายจึงพากันอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปเสียจากเขตแดนเมืองของเขา
(มก. 5:18 [TBS1971])
เมื่อพระองค์กำลังเสด็จลงเรือ คนที่ผีได้สิงแต่ก่อนนั้นได้อ้อนวอนขอติดตามพระองค์ไป
(มก. 5:23 [TBS1971])
แล้วทูลอ้อนวอนพระองค์ว่า “ลูกสาวเล็กๆ ของข้าพระองค์เจ็บ เกือบจะตายแล้ว ขอเชิญพระองค์ไปวางพระหัตถ์บนเขา เพื่อเขาจะได้หายโรคและไม่ตาย”
(มก. 7:26 [TBS1971])
ผู้หญิงนั้นมีเชื้อชาติซีเรียฟีนิเซีย พูดภาษากรีก แล้วนางทูลอ้อนวอนขอพระองค์ให้ขับผีออกจากลูกสาวของตน
(มก. 8:22 [TBS1971])
พระองค์กับสาวกจึงไปยังเมืองเบธไซดา เขาพาคนตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ ทูลอ้อนวอนขอพระองค์ให้โปรดถูกต้องคนนั้น
(ลก. 4:38 [TBS1971])
ฝ่ายพระองค์ทรงลุกขึ้นออกจากธรรมศาลา เสด็จเข้าไปในเรือนของซีโมน แม่ยายซีโมนป่วยเป็นไข้หนัก เขาทั้งหลายจึงอ้อนวอนพระองค์ให้ช่วยหญิงนั้น
(ลก. 5:12 [TBS1971])
เมื่อพระเยซู ทรงอยู่ในเมืองหนึ่ง นี่แน่ะมีคนเป็นโรคเรื้อนเต็มทั้งตัว เมื่อเขาเห็นพระเยซูก็ซบหน้าลงถึงดินอ้อนวอนทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า เพียงแต่พระองค์จะโปรดก็จะทรงบันดาลให้ข้าพระองค์หายโรคได้”
(ลก. 7:3 [TBS1971])
เมื่อนายร้อยได้ยินถึงพระเยซู จึงใช้ผู้ใหญ่บางคนของพวกยิวให้ไปอ้อนวอน เชิญพระองค์เสด็จมารักษาทาสของตน
(ลก. 7:4 [TBS1971])
เมื่อเขาเหล่านั้นมาถึงพระเยซูแล้ว เขาก็อ้อนวอนพระองค์ด้วยใจร้อนรนว่า “นายร้อยนั้นเป็นคนสมควรที่พระองค์จะกระทำการนั้นให้ท่าน
(ลก. 8:31 [TBS1971])
ผีนั้นจึงอ้อนวอนขอพระองค์มิให้สั่งให้มันกลับไปยังนรกขุมลึก
(ลก. 8:32 [TBS1971])
ตำบลนั้น มีสุกรฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่ที่ภูเขา ผีเหล่านั้นได้อ้อนวอนพระองค์ ขออนุญาตให้มันเข้าสิงในฝูงสุกร พระองค์ก็ทรงอนุญาต
(ลก. 8:37 [TBS1971])
ชาวเมืองเก-ราซาและคนทั้งปวงที่อยู่ตามชนบทโดยรอบ จึงอ้อนวอนพระองค์ให้ไปเสียจากเขา เพราะว่าเขากลัวยิ่งนัก พระองค์จึงเสด็จลงเรือกลับไป
(ลก. 8:38 [TBS1971])
คนที่ผีออกจากตัวนั้นอ้อนวอนขอติดตามพระองค์ แต่พระเยซูตรัสสั่งเขาให้ไปว่า
(ลก. 8:41 [TBS1971])
นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งชื่อไยรัส เป็นนายธรรมศาลามากราบลงที่พระบาทพระเยซู อ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จเข้าไปในตึกของเขา
(ลก. 10:2 [TBS1971])
พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากแต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์
(ยน. 4:47 [TBS1971])
เมื่อท่านได้ทราบข่าวว่า พระเยซูได้เสด็จจากแคว้นยูเดียไปยังแคว้นกาลิลีแล้ว ท่านจึงไปทูลอ้อนวอนพระองค์ให้เสด็จไปรักษาบุตรของตน เพราะบุตรจวนจะตายแล้ว
(ยน. 16:26 [TBS1971])
ในวันนั้นพวกท่านจะทูลขอในนามของเรา และเราจะไม่บอกท่านว่า เราจะอ้อนวอนพระบิดาเพื่อท่าน
(กจ. 7:59 [TBS1971])
เขาจึงเอาหินขว้างสเทเฟน เมื่อกำลังอ้อนวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ว่า “ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอทรงโปรดรับจิตวิญญาณของข้าพระองค์ด้วย”
(กจ. 13:42 [TBS1971])
เมื่อท่านทั้งสองกำลังเดินออกไป คนทั้งหลายก็อ้อนวอนท่านให้กล่าวคำเหล่านั้นให้เขาฟังอีก ในวันสะบาโตหน้า
(กจ. 16:9 [TBS1971])
ในเวลากลางคืน เปาโลได้นิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า “ขอโปรดมาช่วยพวกข้าพเจ้าในแคว้นมาซิโดเนียเถิด”
(กจ. 16:15 [TBS1971])
เมื่อหญิงคนนั้นกับทั้งครอบครัวของเขาได้รับบัพติศมาแล้ว จึงอ้อนวอนเราว่า “ถ้าท่านเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า เชิญเข้ามาพักอาศัยในตึกของข้าพเจ้าเถิด” และเขาได้วิงวอนจนเราขัดไม่ได้
(กจ. 21:12 [TBS1971])
ครั้นเราได้ยินดังนั้น เรากับคนทั้งหลายที่อยู่ที่นั่น จึงอ้อนวอนเปาโลมิให้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
(ฮบ. 12:19 [TBS1971])
และถึงเสียงแตร และถึงพระสุรเสียงตรัส ซึ่งคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วได้อ้อนวอนขอไม่ให้ตรัสแก่เขาอีก
(1ปต. 3:12 [TBS1971])
เพราะว่าพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์ทรงสดับคำอ้อนวอนของเขา แต่พระพักตร์ของพระองค์ไม่เป็นมิตรกับคนทั้งหลายที่ทำความชั่ว
ขอร้อง จาก ฉบับ THSV จำนวน 28 ข้อ
(1ซมอ. 25:35 [THSV Free])
แล้วดาวิดก็รับบรรดาสิ่งที่นางนำมาจากมือของนาง และดาวิดพูดกับนางว่า “จงกลับไปบ้านของเจ้าด้วยสวัสดิภาพเถิด ดูสิเราได้ฟังเสียงของเจ้าแล้ว และเรารับคำขอร้องของเจ้า”
(ยรม. 42:4 [THSV Free])
เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะกล่าวแก่พวกเขาว่า “ข้าพเจ้าได้ยินแล้ว นี่แน่ะ ข้าพเจ้าจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ตามคำขอร้องของพวกท่าน และพระยาห์เวห์ทรงตอบท่านประการใด ข้าพเจ้าจะบอกแก่ท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ปิดบังสิ่งใดไว้จากท่านเลย”
(กจ. 9:38 [THSV Free])
เมืองลิดดานั้นอยู่ใกล้กับเมืองยัฟฟา เมื่อพวกสาวกได้ยินว่าเปโตรอยู่ที่นั่น จึงใช้คนสองคนไปขอร้องท่านว่า “เชิญมาหาโดยด่วน”
(กจ. 25:24 [THSV Free])
เฟสทัสทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปาและท่านทั้งหลายที่อยู่ด้วยกันที่นี่ ท่านทั้งหลายได้เห็นคนนี้แล้วที่พวกยิวพากันขอร้องข้าพระบาททั้งในกรุงเยรูซาเล็มและที่นี่ โดยร้องตะโกนว่าเขาไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไป
(1คร. 16:12 [THSV Free])
ส่วนเรื่องอปอลโล ซึ่งเป็นพี่น้องของเรานั้น ข้าพเจ้าขอร้องเขาอย่างมากเพื่อให้ไปเยี่ยมท่านทั้งหลายพร้อมกับพวกพี่น้อง แต่เขายังไม่ค่อยอยากไปในเวลานี้ แต่เมื่อมีโอกาสเขาก็จะไป
(1คร. 16:15 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัส เป็นคริสเตียนพวกแรกในแคว้นอาคายา และพวกเขาได้ถวายตัวในงานปรนนิบัติบรรดาธรรมิกชน ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลาย
(2คร. 2:8 [THSV Free])
ดังนั้นข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้ยืนยันความรักต่อคนนั้นใหม่
(2คร. 5:20 [THSV Free])
เพราะฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายผ่านทางเรา เราจึงวิงวอนท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกับพระเจ้า
(2คร. 6:1 [THSV Free])
ในเมื่อเราทำงานร่วมกับพระเจ้า เราจึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไม่เกิดประโยชน์
(2คร. 8:4 [THSV Free])
พวกเขาวิงวอนเราอย่างมาก ขอร้องให้มีส่วนในคุณความดีในการช่วยเหลือธรรมิกชนด้วย
(2คร. 8:6 [THSV Free])
เพราะเหตุนี้ เราจึงขอร้องทิตัสให้ไปช่วยพวกท่านในการทำคุณความดีนี้จนสำเร็จเช่นเดียวกับที่เขาเริ่มต้นไว้
(2คร. 8:17 [THSV Free])
เพราะเขาไม่เพียงรับคำขอร้องของเราเท่านั้น แต่ยังไปหาท่านทั้งหลายด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง และเขาเองก็มีความตั้งใจอยู่แล้ว
(2คร. 9:5 [THSV Free])
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงคิดว่าจำเป็นต้องขอร้องพี่น้องเหล่านี้เพื่อให้ไปหาพวกท่านก่อน และให้ไปจัดเตรียมของบริจาคที่พวกท่านสัญญาไว้นั้น การเตรียมพร้อมเช่นนี้จะแสดงถึงการให้ด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ
(2คร. 10:1 [THSV Free])
ข้าพเจ้า เปาโล ขอร้องพวกท่านด้วยตัวเอง โดยเห็นแก่ความสุภาพอ่อนโยนและความกรุณาของพระคริสต์ ข้าพเจ้าผู้เป็นคนถ่อมตัวเมื่ออยู่กับท่านทั้งหลาย แต่เมื่ออยู่ห่างก็เป็นคนห้าวหาญต่อพวกท่าน
(2คร. 10:2 [THSV Free])
คือข้าพเจ้าขอร้องท่านว่าเมื่อมาอยู่กับพวกท่าน อย่าให้ข้าพเจ้าต้องห้าวหาญ ด้วยความมั่นใจที่ทำให้ข้าพเจ้าคิดว่า จะต้องกล้าหาญต่อบางคนซึ่งคิดว่าเราดำเนินชีวิตตามแบบมนุษย์ทั่วๆ ไป
(2คร. 12:18 [THSV Free])
ข้าพเจ้าขอร้องให้ทิตัสไป และส่งพี่น้องอีกคนหนึ่งไปด้วย ทิตัสเอาเปรียบพวกท่านหรือ? เราทั้งสองดำเนินการด้วยจิตใจอย่างเดียวกันและเดินตามรอยเดียวกันไม่ใช่หรือ?
(2คร. 13:11 [THSV Free])
สุดท้ายนี้ พี่น้องทั้งหลาย ขอลาก่อน จงกลับสู่สภาพดีดังเดิม จงฟังคำขอร้องของข้าพเจ้า จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และพระเจ้าแห่งความรักและสันติสุขจะสถิตกับท่านทั้งหลาย
(อฟ. 3:13 [THSV Free])
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า อย่าท้อถอยเพราะความยากลำบากของข้าพเจ้าเพราะเห็นแก่ท่าน สิ่งเหล่านี้เป็นศักดิ์ศรีของพวกท่าน
(ฟป. 4:3 [THSV Free])
ข้าพเจ้าขอร้องตัวท่านด้วยท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมงานอย่างแท้จริง จงช่วยผู้หญิงทั้งสองที่สู้เพื่อข่าวประเสริฐร่วมกับข้าพเจ้า เคลเมนท์ และคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้า ซึ่งชื่อของเขาทั้งหลายมีอยู่ในหนังสือแห่งชีวิตแล้ว
(1ธส. 5:12 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย เราขอร้องท่านให้นับถือคนที่ทำงานอยู่ท่ามกลางพวกท่าน และปกครองท่านและตักเตือนท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้า
(2ธส. 2:1 [THSV Free])
พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจะเสด็จมา และที่พระองค์จะทรงรวบรวมเราไปอยู่กับพระองค์นั้น เราขอร้องท่านว่า
(1ทธ. 1:3 [THSV Free])
ขณะที่ข้าพเจ้าไปยังแคว้นมาซิโดเนียนั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านอยู่ที่เมืองเอเฟซัสต่อไป เพื่อจะได้กำชับบางคนไม่ให้สอนผิดแปลกไป
(1ทธ. 2:1 [THSV Free])
เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน
(1ทธ. 5:1 [THSV Free])
อย่าต่อว่าผู้ชายอาวุโส แต่จงขอร้องเขาเป็นเหมือนบิดา จงถือว่าพวกชายหนุ่มเป็นเหมือนพี่หรือน้อง
(ฟม. 1:9 [THSV Free])
แต่โดยความรัก ข้าพเจ้าจะขอร้องท่านดีกว่า ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นทูตของพระเยซูคริสต์ และขณะนี้ถูกคุมขังเนื่องจากการประกาศพระองค์
(ฟม. 1:10 [THSV Free])
ข้าพเจ้าขอร้องท่านเรื่องโอเนสิมัส ลูกของข้าพเจ้า ผู้ซึ่งได้มาเป็นบุตรระหว่างที่ข้าพเจ้าถูกคุมขังอยู่
(ฮบ. 13:19 [THSV Free])
ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านมากขึ้นให้อธิษฐานเช่นนั้น เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้กลับไปอยู่กับท่านเร็วยิ่งขึ้น
(1ปต. 2:11 [THSV Free])
ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่าน ผู้เป็นคนแปลกถิ่นและคนต่างด้าว ให้เว้นจากตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งต่อสู้กับวิญญาณจิต
ขอร้อง จาก ฉบับ TBS1971 จำนวน 13 ข้อ
(นรธ. 3:11 [TBS1971])
ลูกเอ๋ย เจ้าอย่ากลัวเลย สิ่งที่เจ้าขอร้องเราจะกระทำตาม บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเราทราบดีอยู่ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงที่ดี
(1ซมอ. 25:35 [TBS1971])
แล้วดาวิดก็รับบรรดาสิ่งที่นางนำมาจากมือของนาง และดาวิดกล่าวแก่นางว่า “จงกลับไปยังบ้านเรือนของเจ้าด้วยสวัสดิภาพเถิด ดูซิเราได้ฟังเสียงของเจ้าแล้ว และเราก็ได้อนุโลมตามคำขอร้องของเจ้า”
(โยบ 8:8 [TBS1971])
“ข้าขอร้อง ให้ท่านถามคนโบราณดู และคิดดูว่า บรรพบุรุษค้นพบสิ่งใดบ้าง
(ยรม. 42:4 [TBS1971])
เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ข้าพเจ้าได้ยินท่านแล้ว ดูเถิด ข้าพเจ้าจะอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ตามคำขอร้องของท่านทั้งหลาย และพระเจ้าทรงตอบท่านประการใด ข้าพเจ้าจะบอกแก่ท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ปิดบังสิ่งใดไว้จากท่านเลย”
(2คร. 5:20 [TBS1971])
ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า
(2คร. 10:2 [TBS1971])
คือข้าพเจ้าขอร้องท่านว่า เมื่อข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน อย่าให้ข้าพเจ้าต้องแสดงความห้าวหาญ ด้วยความแน่ใจอย่างที่ข้าพเจ้าคิดบังอาจสำแดงต่อบางคน ที่นึกเห็นว่าเรายังประพฤติตามโลกียวิสัยนั้น
(อฟ. 3:12 [TBS1971])
ในพระองค์นั้นเราจึงมีใจกล้าและมีโอกาสที่จะเข้าไปให้ถึงพระองค์ ด้วยความไว้ใจเพราะความเชื่อในพระองค์ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขอร้องท่านว่า
(ฟป. 4:3 [TBS1971])
ข้าพเจ้าขอร้องท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมแอกแท้ๆ ของข้าพเจ้า ให้ท่านช่วยผู้หญิงเหล่านั้น เพราะว่าเขาได้ทำงานเพื่อข่าวประเสริฐเคียงข้างกับข้าพเจ้าและเคลเมนท์ รวมทั้งคนอื่นที่เป็นเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้า ซึ่งชื่อของเขาเหล่านั้นมีอยู่ในหนังสือชีวิตแล้ว
(1ทธ. 1:3 [TBS1971])
เมื่อข้าพเจ้าได้ไปยังแคว้นมาซิโดเนีย ข้าพเจ้าได้ขอร้องให้ท่านคอยอยู่ในเมืองเอเฟซัส เพื่อท่านจะได้กำชับบางคนไม่ให้เขาสอนแปลกออกไป
(1ทธ. 2:1 [TBS1971])
เหตุฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลายให้วิงวอนอธิษฐานทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อคนทั้งปวง
(1ทธ. 5:1 [TBS1971])
ในการตักเตือนนั้น อย่าตำหนิชายผู้มีอาวุโส แต่จงขอร้องเขาเสมือนเป็นบิดา จงถือว่าคนหนุ่มๆ ทั้งหลายเป็นเสมือนพี่หรือน้อง
(ฟม. 1:9 [TBS1971])
แต่เพราะเห็นแก่ความรัก ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าขอร้องท่านดีกว่า ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นทูตของพระเยซูคริสต์ และบัดนี้ได้ถูกจำจองเพื่อพระองค์ด้วย
(ฟม. 1:10 [TBS1971])
ข้าพเจ้าขอร้องท่านเรื่องโอเนสิมัสลูกของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เป็นบิดาของเขาเมื่อข้าพเจ้าถูกจำจองอยู่
ทั้งหมด 294 ข้อ ใหม่ 141 ข้อ เดิม 153 ข้อ
วิงวอน ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ จำนวน 116 ข้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น