ยอห์น 1:1 THSV11 ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
2 ทิโมธี 3:16 THSV11 พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และ เป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม
ฮีบรู 11:3 THSV11 โดยความเชื่อ เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น
ยน. 8:44
พวกท่านมาจากพ่อของท่านคือมาร
และท่านอยากจะทำตามความปรารถนาของพ่อ
มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรกและไม่ได้ตั้งอยู่ในสัจจะ
เพราะมันไม่มีสัจจะ
เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง
เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา
สดด.
4:2 ข้าแต่ท่านผู้สูงศักดิ์
ท่านจะหมิ่นศักดิ์ศรีของข้าพเจ้าไปอีกนานเท่าใด?
ท่านจะรักคำไร้ค่า และแสวงการมุสาอีกนานเท่าใด? เส-ลาห์
สดด. 7:14 ดูสิ เขาก่อกรรมชั่วขึ้นแล้ว กำลังตั้งครรภ์ความชั่วช้า และคลอดการมุสาออกมา
สดด. 52:3 เจ้ารักชั่วมากกว่าดี รักการมุสามากกว่าการพูดความจริง เส-ลาห์
สดด.
59:12 เพราะบาปจากปากของเขา
และเพราะถ้อยคำจากริมฝีปากของเขา
ขอให้เขาติดกับโดยความเย่อหยิ่งของเขา
เพราะการแช่งสาปและการมุสาซึ่งเขาเปล่งออกมานั้น
ยรม.
13:25 นี่เป็นส่วนของเจ้า เป็นส่วนที่เราได้ตวงออกให้แก่เจ้า
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ เพราะเจ้าได้ลืมเราเสีย
และไว้วางใจในการมุสา
ยรม.
27:14 อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะผู้กล่าวแก่พระองค์ว่า
‘พระองค์จะไม่ปรนนิบัติกษัตริย์บาบิโลน’
เพราะซึ่งเขาทั้งหลายเผยพระวจนะแก่พระองค์นั้นเป็นการมุสา
รม.
3:7
แต่ถ้าสัจจะของพระเจ้าปรากฏมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการมุสาของข้าพเจ้า
จนทำให้พระองค์ได้รับเกียรติแล้ว
ทำไมข้าพเจ้าต้องถูกพิพากษาว่าเป็นคนบาป?
ยอห์น 10:10 THSV11 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์
มารคือ ทูตสวรรค์ชั่ว,กบฎ ที่ถูกไล่ลงมาจากสวรรค์
วว. 12:7 ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มีคาเอล กับบรรดาทูตสวรรค์ของท่านต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้
วว. 12:8 แต่มันพ่ายแพ้และพบว่าไม่มีที่อยู่สำหรับพวกมันในสวรรค์อีกต่อไป
วว. 12:9 พญานาคใหญ่ตัวนั้นคืองูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตานผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก มันถูกโยนลงมาที่แผ่นดินโลก และเหล่าบริวารของมันถูกโยนลงมากับมันด้วย
วว. 12:10 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังในสวรรค์กล่าวว่า “บัดนี้ความรอดและฤทธิ์เดช และอาณาจักรของพระเจ้าของเรา และสิทธิอำนาจของพระคริสต์ของพระองค์มาถึงแล้ว เพราะว่าผู้กล่าวหาพี่น้องของเรา ถูกโยนลงไปแล้ว คือผู้ที่กล่าวหาพวกเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของเราทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น
วว. 12:11 พวกเขาชนะมารด้วยพระโลหิตของพระเมษโปดก และด้วยคำพยานของพวกเขาเอง และพวกเขาไม่ได้รักตัวกลัวตาย
วว. 12:12 เพราะเหตุนี้จงรื่นเริงยินดีเถิด สวรรค์และบรรดาผู้ที่อยู่ในสวรรค์ แต่วิบัติจะมีแก่แผ่นดินโลกและทะเล เพราะว่ามารได้ลงมาหาเจ้าทั้งหลาย ด้วยความเดือดดาลอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ว่าเวลาของมันมีน้อย”
ลูกา 10:18 TNCV พระเยซูตรัสตอบว่า “เราเห็นซาตานตกจากฟ้าสวรรค์เหมือนฟ้าแลบ
@
@
พระเจ้าสร้างมนุษย์
ปฐก. 1:26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในท้องฟ้าและฝูงสัตว์ใช้งาน ให้ปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมด และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินทั้งหมด”
ปฐก. 1:27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
สดด. 8:3 เมื่อข้าพระองค์มองดูฟ้าสวรรค์อันเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ดวงจันทร์และดวงดาวซึ่งพระองค์ได้ทรงสถาปนาไว้
สดด. 8:4 มนุษย์เป็นผู้ใดเล่า ที่พระองค์ทรงระลึกถึงเขา? และบุตรของมนุษย์เป็นใครเล่า ที่พระองค์ทรงห่วงใยเขา?
สดด. 8:5 พระองค์ทรงสร้างเขาให้ต่ำกว่าพระองค์แต่หน่อยเดียว และทรงสวมศักดิ์ศรีกับความมีอำนาจให้เขา
สดด. 8:6 พระองค์ทรงให้เขาปกครองผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้เท้าเขา
1 โครินธ์ 6:2 THSV11 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าธรรมิกชนจะพิพากษาโลก? และถ้าพวกท่านจะพิพากษาโลก ท่านไม่เหมาะจะพิพากษาเรื่องเล็กน้อยหรือ?
1 โครินธ์ 6:3 THSV11 พวกท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์? ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งควรจะพิพากษาเรื่องของชีวิตนี้
@
1 โครินธ์ 6:3 THSV11 พวกท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเราจะพิพากษาพวกทูตสวรรค์? ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งควรจะพิพากษาเรื่องของชีวิตนี้
@
พระเจ้าตรัสกับมนุษย์
ปฐก. 2:7 พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีจากพื้นดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูกของเขา มนุษย์จึงกลายเป็นผู้มีชีวิตอยู่
ปฐก. 2:15 พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอาศัยอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและดูแลสวน
ปฐก. 2:16 พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตรัสสั่งมนุษย์นั้นว่า “ผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ตามใจชอบ
ปฐก. 2:17 แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่”
@
มารมาหลอกมนุษย์ แล้วมนุษย์ก็ถูกมารหลอก
ปฐก. 3:1 ในบรรดาสัตว์ป่าทั้งหมด ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า “จริงหรือ? ที่พระเจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวกเจ้ากินผลจากต้นไม้ทุกต้นในสวนนี้’ ”
ปฐก. 3:2 หญิงนั้นจึงตอบงูว่า “ผลของต้นไม้ในสวนนี้เรากินได้
ปฐก. 3:3 เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสว่า ‘ห้ามพวกเจ้ากินและถูกต้องเลย มิฉะนั้นพวกเจ้าจะตาย’ ”
ปฐก. 3:4 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า “พวกเจ้าจะไม่ตายแน่
ปฐก. 3:5 เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า พวกเจ้ากินผลจากต้นไม้นั้นวันใด ตาของพวกเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วพวกเจ้าจะเป็นเหมือนอย่างพระเจ้า คือรู้ความดีและความชั่ว”
ปฐก. 3:6 เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นดีน่ากิน ทั้งเป็นต้นไม้น่าปรารถนาที่ทำให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีที่อยู่กับเธอกินด้วย เขาก็กิน
@
เมื่อความบาปเข้าครอบงำมนุษย์
ปฐก. 3:7 ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงรู้ว่าพวกเขาเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดกายไว้
ปฐก. 3:8 เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระยาห์เวห์พระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาของเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้กลางสวน ให้พ้นจากพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้า
ปฐก. 3:9 พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเรียกชายนั้นและตรัสถามเขาว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน?”
ปฐก. 3:10 ชายนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็กลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย”
ปฐก. 3:11 พระองค์จึงตรัสว่า “ใครบอกเจ้าว่าเจ้าเปลือยกาย? เจ้ากินผลจากต้นไม้ที่เราสั่งไม่ให้กินนั้นแล้วหรือ?”
ปฐก. 3:12 ชายนั้นทูลว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กับข้าพระองค์ เธอส่งผลจากต้นไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน”
ปฐก. 3:13 พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสถามหญิงนั้นว่า “นี่เจ้าทำอะไรลงไป?” หญิงนั้นทูลว่า “งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน”
ปฐก. 3:14 พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตรัสกับงูว่า “เพราะเหตุที่เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจะต้องถูกสาปแช่งมากกว่าสัตว์ใช้งานและสัตว์ป่าทั้งปวง จะต้องเลื้อยไปด้วยท้อง จะต้องกินผงคลีดินตลอดชีวิตของเจ้า
ปฐก. 3:15 เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้า และพงศ์พันธุ์ของนางด้วย เขาจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ
ปฐก. 3:16 พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากมากขึ้นแก่เจ้า และเมื่อเจ้ามีครรภ์ เจ้าจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด ถึงกระนั้น เจ้าจะยังปรารถนาในสามีของเจ้า และเขาจะปกครองตัวเจ้า”
ปฐก. 3:17 พระองค์จึงตรัสแก่ชายนั้นว่า “เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลจากต้นไม้ที่เราสั่งไม่ให้กินผลจากต้นนั้น แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากตลอดชีวิต
ปฐก. 3:18 ต้นไม้และพืชที่มีหนามจะงอกขึ้นบนดินแก่เจ้า และเจ้าจะกินพืชตามท้องทุ่ง
ปฐก. 3:19 เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับไปเป็นดิน เพราะเจ้าถูกนำมาจากดิน และเพราะเจ้าเป็นผงคลีดิน และเจ้าจะกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม”
ปฐก. 3:20 อาดัมเรียกภรรยาของเขาว่า “เอวา” เพราะนางเป็นมารดาของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
ปฐก. 4:6 พระยาห์เวห์จึงตรัสถามคาอินว่า “ทำไมเจ้าโกรธ? ทำไมหน้าเจ้าบูดบึ้ง?
ปฐก. 4:7 ถ้าเจ้าทำดี เจ้าก็จะเป็นที่ยอมรับไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้น”
ปฐก. 4:8 ฝ่ายคาอินพูดกับอาเบลน้องชายของเขาว่า “ให้เราไปที่ทุ่งนากันเถอะ” เมื่ออยู่ในทุ่งด้วยกัน คาอินก็โถมเข้าฆ่าอาเบลน้องชายของเขา
ปฐก. 4:9 พระยาห์เวห์ตรัสถามคาอินว่า “อาเบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน?” คาอินจึงทูลว่า “ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์เป็นผู้ดูแลน้องหรือ?”
@
พระเจ้าช่วยปกปิด แก้ไข และไถ่บาปมนุษย์
ปฐก. 3:21 พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงทำเสื้อด้วยหนังสัตว์ให้อาดัมและภรรยาของเขาสวมปกปิดกาย
รม. 5:12 เพราะเหตุนี้ บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป
รม. 5:13 ความจริงบาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีธรรมบัญญัติ แต่ที่ไหนไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่ถือว่ามีบาป
รม. 5:14 อย่างไรก็ตาม ความตายก็ได้ครอบงำตลอดมา ตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสส แม้คนที่ไม่ได้ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัม ผู้ซึ่งเป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง
รม. 5:15 แต่ของประทานแห่งพระคุณก็ไม่เหมือนการละเมิดนั้น เพราะว่าถ้าคนจำนวนมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆ เดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ ก็มีบริบูรณ์แก่คนจำนวนมาก
รม. 5:16 และของประทานนั้นก็ไม่เหมือนกับผลซึ่งเกิดจากบาปของคนเดียวนั้น เพราะว่าการพิพากษาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดเพียงครั้งเดียวนั้น ได้นำไปสู่การลงโทษ แต่ของประทานจากพระเจ้าภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้น นำไปสู่ความชอบธรรม
รม. 5:17 เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนเดียวนั้น มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์
รม. 5:18 ฉะนั้นการลงโทษได้มาถึงทุกคนเพราะการละเมิดครั้งเดียวอย่างไร การกระทำอันชอบธรรมครั้งเดียว ก็นำการปลดปล่อยและชีวิตมาถึงทุกคนอย่างนั้น
รม. 5:19 เพราะว่าคนจำนวนมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่ไม่เชื่อฟังอย่างไร คนจำนวนมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังอย่างนั้น
รม. 5:20 เมื่อมีธรรมบัญญัติ ก็ทำให้มีการละเมิดธรรมบัญญัติปรากฏมากขึ้น แต่ที่ไหนมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั้นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น
รม. 5:21 เพื่อว่าบาปได้ครอบงำทำให้ถึงความตายอย่างไร พระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงชีวิตนิรันดร์ โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอย่างนั้น
โรม 10:9 THSV11 คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด
โรม 10:10 THSV11 เพราะว่าการเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด
( 1. เชื่อในใจว่า พระเจ้า(พระบิดา)ได้ทรงให้พระองค์(พระเยซูคริสต์)เป็นขึ้นมาจากความตาย ก็นำไปสู่ความชอบธรรม ที่ท่านจะรอด และ 2. ยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็นำไปสู่ความรอด )
ความเชื่อ ให้เชื่อด้วยหัวใจ จิตวิญญาณ จะเกิดผล และจะสำเร็จ
รม. 10:11 เพราะมีข้อพระคัมภีร์ว่า “ทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย”
รม. 10:12 พวกยิวและพวกกรีกนั้นไม่ต่างกัน เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของทุกคน และประทานอย่างบริบูรณ์แก่ทุกคนที่ทูลขอต่อพระองค์
รม. 10:13 เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด
@
รูปเคารพ กับมนุษย์ และพระเจ้า
อิสยาห์ 2:2 THSV11 ในวาระสุดท้ายจะเป็นดังนี้ คือภูเขาแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ จะถูกสถาปนาขึ้นเป็นที่สูงสุดของภูเขาทั้งหลาย และจะถูกยกขึ้นให้อยู่เหนือบรรดาเนินเขา ประชาชาติทั้งหมดจะหลั่งไหลเข้ามาหา
อสย. 2:3 และชนชาติจำนวนมากจะมาและกล่าวว่า “มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระยาห์เวห์ ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์” เพราะว่าธรรมบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระยาห์เวห์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม
อสย. 2:4 พระองค์จะทรงวินิจฉัยระหว่างประชาชาติทั้งหลาย และจะทรงตัดสินความให้ชนชาติจำนวนมาก และพวกเขาจะตีดาบของเขาให้เป็นผาลไถนา และหอกของเขาทั้งหลายให้เป็นขอลิดแขนง ประชาชาติจะไม่ยกดาบขึ้นต่อสู้กัน และเขาจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป
อสย. 2:5 โอ เชื้อสายของยาโคบเอ๋ย มาเถิด ให้เราดำเนิน ในความสว่างของพระยาห์เวห์
อสย. 2:6 เพราะว่าพระองค์ทรงละทิ้งชนชาติของพระองค์เสีย คือเชื้อสายของยาโคบ เพราะว่าเขาเต็มด้วยผู้ทำนาย จากตะวันออก และเต็มด้วยหมอดูเหมือนคนฟีลิสเตีย และพวกเขาตีสนิทกับคนต่างชาติ
อสย. 2:7 แผ่นดินของเขาเต็มด้วยเงินและทองคำ ทรัพย์สมบัติของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด แผ่นดินของเขาเต็มด้วยพวกม้าศึก รถรบทั้งหลายของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด
อิสยาห์ 2:8 THSV11 แผ่นดินของเขาเต็มด้วยรูปเคารพ พวกเขากราบไหว้ผลงานจากมือของเขา และกราบไหว้สิ่งที่นิ้วมือของเขาได้ทำ
อิสยาห์ 2:9 THSV11 มนุษย์จึงตกต่ำ และคนก็ต่ำต้อยลง อย่าอภัยให้ เขาทั้งหลายเลย
สดด. 115:2 ทำไมบรรดาประชาชาติจะกล่าวว่า “พระเจ้าของเขาทั้งหลายอยู่ไหนเล่า?”
สดด. 115:3 พระเจ้าของเราทั้งหลายอยู่ในฟ้าสวรรค์ สิ่งใดที่พอพระทัย พระองค์ก็ทรงกระทำ
สดด. 115:4 รูปเคารพของคนเหล่านั้นเป็นเงินและทองคำ เป็นผลงานของมือมนุษย์
สดด. 115:5 รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้ มีตา แต่ดูไม่ได้
สดด. 115:6 มีหู แต่ฟังไม่ได้ มีจมูก แต่ดมไม่ได้
สดด. 115:7 มีมือ แต่คลำไม่ได้ มีเท้า แต่เดินไม่ได้ รูปเหล่านั้นทำเสียงในคอไม่ได้
สดด. 115:8 ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น ทุกคนที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน
สดด. 115:9 อิสราเอลเอ๋ย จงวางใจในพระยาห์เวห์เถิด พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย
สดด. 115:12 พระยาห์เวห์ทรงระลึกถึงเราทั้งหลาย พระองค์จะทรงอวยพร จะทรงอวยพรวงศ์วานอิสราเอล จะทรงอวยพรวงศ์วานอาโรน
สดด. 115:13 พระองค์จะทรงอวยพรบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่
สดด. 115:14 ขอพระยาห์เวห์ทรงให้พวกท่านเพิ่มพูนขึ้น ทั้งท่านและลูกหลานของท่าน
สดด. 115:15 ขอให้พวกท่านรับพระพรจากพระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
สดด. 115:16 ฟ้าสวรรค์สูงสุดเป็นของพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ประทานแผ่นดินโลกแก่มนุษย์ทั้งหลาย
สดด. 115:17 คนตายไม่สรรเสริญพระยาห์เวห์ และทุกคนที่ลงไปสู่ที่สงัดก็เช่นกัน
สดด. 115:18 แต่เราทั้งหลายจะถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเป็นนิตย์ สรรเสริญพระยาห์เวห์
@
มนุษย์ กับพระเจ้า
อฟ. 1:17 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอพระเจ้าของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราคือพระบิดาผู้ทรงพระสิริ ทรงให้ท่านทั้งหลายมีจิตใจ ที่ประกอบด้วยปัญญาและการสำแดง เพื่อท่านจะรู้จักพระองค์
อฟ. 1:18 ขอให้ตาใจของพวกท่านสว่างขึ้น เพื่อจะได้รู้ว่าพระองค์ประทานความหวังอะไรแก่ท่านในการทรงเรียกพวกท่านนั้น และรู้ว่ามรดกที่มีศักดิ์ศรีของพระองค์สำหรับพวกธรรมิกชนนั้นบริบูรณ์เพียงไร
อฟ. 1:19 และรู้ว่าฤทธานุภาพของพระองค์ยิ่งใหญ่มากมายเพียงไรสำหรับเราที่เชื่อนั้น เป็นฤทธิ์เดชเดียวกับการทำกิจอันทรงอานุภาพและทรงพลังของพระองค์
อฟ. 1:20 ซึ่งทรงทำในพระคริสต์เมื่อทรงทำให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย และทรงให้ประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน
อฟ. 1:21 สูงส่งเหนือกว่าทุกภูตผีที่ครอบครอง ทุกภูตผีที่มีอำนาจ ทุกภูตผีที่มีฤทธิ์เดชและทุกภูตผีที่ปกครอง และเหนือกว่านามทั้งหมดที่ถูกกล่าวถึง ไม่เพียงในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย
อฟ. 1:22 พระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และประทานพระคริสต์แก่คริสตจักรให้เป็นเจ้านายเหนือทุกๆ สิ่ง
อฟ. 1:23 คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์ ซึ่งเป็นความบริบูรณ์ของพระองค์ ผู้ทรงเติมทุกอย่างในทุกแห่งให้เต็มบริบูรณ์
อฟ. 2:4 แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงรักเราโดยความรักอันใหญ่หลวงของพระองค์
อฟ. 2:5 ถึงแม้ว่าเราเป็นคนตายเนื่องจากการละเมิด พระองค์ยังทรงทำให้มีชีวิตอยู่ร่วมกับพระคริสต์ (พวกท่านได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณ)
อฟ. 2:6 และพระองค์ทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์ และทรงให้เรานั่งด้วยกันกับพระองค์ในสวรรคสถานในพระเยซูคริสต์
@
ลก. 16:19 “มีเศรษฐีคนหนึ่งนุ่งห่มผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อดี อยู่อย่างรื่นเริงฟุ่มเฟือยทุกๆ วัน
ลก. 16:20 และมีคนยากจนคนหนึ่งชื่อลาซารัส เป็นแผลทั้งตัว นอนอยู่ที่ประตูรั้วบ้านของเศรษฐี
ลก. 16:21 เขาอยากจะกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของเศรษฐีคนนั้น แม้สุนัขก็มาเลียแผลของเขา
ลก. 16:22 ต่อมาคนยากจนนั้นตาย และพวกทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่กับอับราฮัม ส่วนเศรษฐีคนนั้นก็ตายด้วย และถูกฝังไว้
ลก. 16:23 และเมื่อเขาเป็นทุกข์ทรมานอยู่ในแดนคนตาย เขาแหงนหน้าดู เห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และลาซารัสก็อยู่กับท่าน
ลก. 16:24 เศรษฐีจึงร้องว่า ‘อับราฮัมบิดาเจ้าข้า ขอเมตตาข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็น เพราะข้าพเจ้าต้องทุกข์ระทมอยู่ในเปลวไฟนี้’
ลก. 16:25 แต่อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าจงระลึกว่าเมื่อเจ้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าได้สิ่งที่ดีสำหรับตัว และลาซารัสได้แต่สิ่งเลว เวลานี้เขาได้รับการปลอบโยนแล้ว แต่เจ้าได้รับแต่ความทุกข์ระทม
ลก. 16:26 ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างเรากับพวกเจ้าก็มีเหวใหญ่ตั้งขวางอยู่ เพื่อว่าถ้าใครอยากจะข้ามจากที่นี่ไปถึงพวกเจ้าก็ทำไม่ได้ หรือถ้าจะข้ามจากที่นั่นมาถึงเราก็ทำไม่ได้’
ลก. 16:27 เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ‘ถ้าอย่างนั้น บิดาเจ้าข้า ขอท่านใช้ลาซารัสไปที่บ้านบิดาของข้าพเจ้า
ลก. 16:28 เพราะว่าข้าพเจ้ามีน้องชายห้าคน ให้ลาซารัสไปเตือนพวกเขา เพื่อไม่ให้เขาต้องมาอยู่ในที่ทุกข์ทรมานแห่งนี้’
ลก. 16:29 แต่อับราฮัมตอบว่า ‘เขามีโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะแล้ว ให้พวกเขาฟังคนเหล่านั้นเถิด’
ลก. 16:30 เศรษฐีคนนั้นจึงกล่าวว่า ‘ไม่ได้ อับราฮัมบิดาเจ้าข้า แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งจากพวกคนตายไปหาพวกเขา เขาคงจะกลับใจใหม่’
ลก. 16:31 อับราฮัมจึงตอบเขาว่า ‘ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีใครเป็นขึ้นมาจากตาย เขาก็ยังจะไม่เชื่อ’ ”
==============
อพย. 13:9 สำหรับท่าน พิธีนี้จะเป็นดังเครื่องหมายที่มือของท่าน และดังเครื่องเตือนใจที่หน้าผากของท่าน เพื่อพระธรรมของพระยาห์เวห์จะได้อยู่ในปากของท่าน เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงนำท่านออกมาจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์
อพย. 13:16 พิธีนี้จะเป็นดังเครื่องหมายที่มือของท่าน และดังสัญลักษณ์ที่หน้าผากของท่าน เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงนำพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์”
ลนต. 19:28 ห้ามเชือดเนื้อของเจ้าเพราะเหตุมีคนตาย หรือสักเป็นเครื่องหมายใดๆ ลงที่ตัวเจ้า เราคือยาห์เวห์
กดว. 34:7 “และนี่จะเป็นอาณาเขตด้านเหนือของเจ้า คือ เจ้าจงขีดเครื่องหมายจากทะเลใหญ่เรื่อยไปถึงภูเขาโฮร์
กดว. 34:8 จากภูเขาโฮร์เจ้าจงขีดเครื่องหมายเรื่อยไปจนถึงทางเข้าเมืองฮามัท และสุดปลายของอาณาเขตด้านนี้คือเศดัด
กดว. 34:9 แล้วอาณาเขตจะลงไปที่ศิโฟรน ไปสิ้นสุดที่ฮาซาเอนัน นี่คืออาณาเขตด้านเหนือของเจ้า
กดว. 34:10 “เจ้าจงทำเครื่องหมายอาณาเขตด้านตะวันออกของเจ้าจากฮาซาเอนันถึงเชฟาม
กดว. 34:11 และอาณาเขตจะลงมาจากเชฟามถึงริบลาห์ทางตะวันออกของเมืองอายิน จากนั้นอาณาเขตจะลงมาถึงไหล่ทะเลคินเนเรททางด้านตะวันออก
กดว. 34:12 และอาณาเขตจะลงมาถึงแม่น้ำจอร์แดนไปสิ้นสุดที่ทะเลตาย นี่คืออาณาเขตโดยรอบของแผ่นดินของเจ้า”
รม. 4:11 และท่านได้เข้าสุหนัต เป็นเครื่องหมายสำคัญ เป็นตรารับรองความชอบธรรม ซึ่งเกิดโดยความเชื่อที่ท่านได้มีอยู่เมื่อท่านยังไม่ได้เข้าสุหนัต เพื่อท่านจะได้เป็นบิดาของทุกคนที่เชื่อ ทั้งที่เขายังไม่ได้เข้าสุหนัต เพื่อพระเจ้าจะทรงถือว่าเขาเป็นผู้ชอบธรรมด้วย
ฮบ. 9:9 ซึ่งเป็นเครื่องหมายของยุคปัจจุบัน การนำของถวายและเครื่องบูชามาถวายตามแบบนี้ไม่สามารถชำระมโนธรรมของผู้ถวายนั้น
วว. 13:16 และมันยังบังคับทุกคน ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต คนมั่งมีและคนยากจน เสรีชนและทาสให้รับเครื่องหมายไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผากของพวกเขา
วว. 13:17 เพื่อไม่ให้ใครสามารถซื้อหรือขายได้ ถ้าหากไม่มีเครื่องหมายที่เป็นชื่อของสัตว์ร้าย หรือเป็นตัวเลขของชื่อมัน
วว. 14:9 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นองค์ที่สามก็ตามไปประกาศด้วยเสียงดังว่า “ถ้าใครบูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และรับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา
วว. 14:10 คนนั้นจะต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งความกริ้วของพระเจ้าที่เทลงในถ้วยแห่งพระพิโรธของพระองค์โดยไม่เจือปนสิ่งใด และเขาจะถูกทรมานด้วยไฟและกำมะถัน ต่อหน้าบรรดาทูตสวรรค์บริสุทธิ์และเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก
วว. 14:11 และควันแห่งการทรมานของเขาจะพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์ พวกที่บูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน และใครที่รับเครื่องหมายซึ่งเป็นชื่อของมัน จะไม่ได้หยุดพักเลยทั้งกลางวันและกลางคืน”
วว. 14:12 นี่แหละคือความทรหดอดทนที่พวกธรรมิกชนจะต้องมี คือพวกที่ถือรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า และจงรักภักดีต่อพระเยซู
@
วว. 16:2 ทูตสวรรค์องค์แรกจึงออกไป และเทชามของตนลงบนแผ่นดินโลก แล้วคนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และพวกที่บูชารูปของมันก็มีแผลร้ายที่เจ็บปวดเกิดขึ้นตามตัว
@
วว. 19:20 แต่สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมกับผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ที่ทำหมายสำคัญต่อหน้ามัน และใช้หมายสำคัญนั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และคนทั้งหลายที่บูชารูปของมัน ทั้งสองถูกโยนลงไปทั้งเป็นในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน
วว. 20:4 ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งอยู่บนนั้นได้รับมอบอำนาจในการพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นดวงวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกตัดศีรษะเพราะการเป็นพยานถึงพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายหรือรูปของมัน และไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา เขาทั้งหลายกลับมีชีวิตขึ้นอีกและครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี
วว. 20:10 ส่วนมารที่ล่อลวงเขาทั้งหลายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จอยู่นั้น และพวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์
วว. 22:3 ทุกสิ่งที่ถูกสาปแช่งจะไม่มีอีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและของพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ที่นั่น และบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะนมัสการพระองค์
วว. 22:4 พวกเขาจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์ และพระนามของพระองค์จะอยู่บนหน้าผากของเขาทั้งหลาย
วว. 22:5 กลางคืนจะไม่มีอีกต่อไป เขาไม่จำเป็นต้องมีแสงตะเกียงหรือแสงอาทิตย์ เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าจะทรงเป็นแสงสว่างของเขาทั้งหลาย และเขาจะครอบครองอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์
2คร. 1:22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย
กท. 6:17 ตั้งแต่นี้ไป ขออย่าให้ใครมารบกวนข้าพเจ้าเลย เพราะว่าข้าพเจ้ามีรอยประทับตราของพระเยซูติดอยู่ที่กายของข้าพเจ้าแล้ว
อฟ. 1:13 ในพระคริสต์ ท่านทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นด้วย คือเมื่อพวกท่านได้ยินสัจวาทะคือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และวางใจในพระองค์แล้ว พวกท่านก็ได้รับการประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามที่ทรงสัญญาไว้
อฟ. 4:30 และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย ด้วยพระวิญญาณนั้นท่านได้รับการประทับตราไว้สำหรับวันที่จะได้รับการไถ่
วว. 7:2 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งปรากฏขึ้นมาจากทิศตะวันออก ถือตราประทับของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ และท่านร้องด้วยเสียงดังต่อทูตทั้งสี่ผู้ซึ่งได้รับมอบอำนาจให้ทำอันตรายแก่แผ่นดินและทะเลนั้น
วว. 7:3 ว่า “จงอย่าทำอันตรายแผ่นดิน ทะเล หรือต้นไม้ จนกว่าเราจะได้ประทับตราบนหน้าผากของบรรดาผู้รับใช้ของพระเจ้าของเรา”
วว. 7:4 และข้าพเจ้าได้ยินว่าจำนวนผู้ที่ได้รับการประทับตรามี 144,000 คนพวกที่ได้รับการประทับตราแล้วนั้นมาจากทุกเผ่าในอิสราเอล
วว. 7:5 พวกที่มาจากเผ่ายูดาห์ที่ได้รับการประทับตรามี 12,000 คน พวกที่มาจากเผ่ารูเบนมี 12,000 คน พวกที่มาจากเผ่ากาดมี 12,000 คน
วว. 7:6 พวกที่มาจากเผ่าอาเชอร์ มี 12,000 คน พวกที่มาจากเผ่านัฟทาลีมี 12,000 คน พวกที่มาจากเผ่ามนัสเสห์มี 12,000 คน
วว. 7:7 พวกที่มาจากเผ่าสิเมโอน มี 12,000 คน พวกที่มาจากเผ่าเลวีมี 12,000 คน พวกที่มาจากเผ่าอิสสาคาร์มี 12,000 คน
วว. 7:8 พวกที่มาจากเผ่าเศบูลุน มี 12,000 คน พวกที่มาจากเผ่าโยเซฟมี 12,000 คน พวกที่มาจากเผ่าเบนยามินที่ได้รับการประทับตรามี 12,000 คน
วว. 9:4 พระองค์ตรัสบอกพวกมันไม่ให้ทำร้ายหญ้าบนแผ่นดินโลก หรือพืชเขียว หรือต้นไม้ แต่ให้ทำร้ายเฉพาะคนทั้งหลาย ที่ไม่มีตราของพระเจ้าบนหน้าผากของเขา
วว. 9:5 พระองค์ไม่ให้ฆ่าคนพวกนั้น แต่ให้ทรมานเขาห้าเดือน ความทรมานของพวกเขานั้นเป็นเหมือนอย่างความทรมานเมื่อถูกแมงป่องต่อย
วว. 9:6 ตลอดระยะเวลานั้น คนทั้งหลายจะแสวงหาความตาย แต่จะไม่พบ เขาอยากจะตาย แต่ความตายจะหนีจากพวกเขาไป
**********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น