สำแดง
ปฐก. 12:1 พระยาห์เวห์ตรัสแก่อับรามว่า “เจ้าจงออกจากดินแดนของเจ้า จากญาติพี่น้องของเจ้า จากบ้านบิดาของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะสำแดงแก่เจ้า
ปฐก. 19:19 ดูเถิด ผู้รับใช้ของท่านเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านแล้ว และท่านได้สำแดงความกรุณาอันยิ่งใหญ่ในการช่วยชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สามารถหนีไปที่เนินเขา เกรงว่าภัยพิบัตินั้นจะตามทัน และข้าพเจ้าจะตายเสีย
ปฐก. 24:12 เขาอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอับราฮัมนายของข้าพระองค์ ขอประทานความสำเร็จแก่ข้าพระองค์ในวันนี้ และขอทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่อับราฮัมนายของข้าพระองค์
ปฐก. 24:14 ขอให้หญิงสาวคนที่ข้าพระองค์พูดกับนางว่า ‘โปรดลดเหยือกของเธอลง ให้ฉันดื่มน้ำ’ และผู้ซึ่งตอบว่า ‘เชิญดื่มเถิด และดิฉันจะให้น้ำแก่อูฐของท่านด้วย’ นั้น เป็นคนที่พระองค์ทรงกำหนดให้เป็นภรรยาอิสอัคผู้รับใช้ของพระองค์ อย่างนี้ข้าพระองค์จะทราบได้ว่า พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่นายของข้าพระองค์”
ปฐก. 35:1 พระเจ้าตรัสแก่ยาโคบว่า “ลุกขึ้นไปเบธเอล และอาศัยอยู่ที่นั่น ทำแท่นบูชาที่นั่นแด่พระเจ้าผู้สำแดงพระองค์แก่เจ้าเมื่อเจ้าหนีไปจากเอซาวพี่ชายของเจ้า”
ปฐก. 35:7 ที่นั่นยาโคบสร้างแท่นบูชาไว้ และเรียกสถานที่นั้นว่าเอลเบธเอล เพราะว่าที่นั่น พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่ยาโคบเมื่อท่านหนีพี่ชายไป
ปฐก. 35:9 เมื่อยาโคบออกจากปัดดานอารัม พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่ยาโคบอีก และทรงอวยพรท่าน
ปฐก. 39:21 แต่ว่าพระยาห์เวห์ทรงอยู่กับโยเซฟ ทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อท่าน และทรงให้พัศดีโปรดปรานท่าน
ปฐก. 41:25 โยเซฟจึงทูลฟาโรห์ว่า “พระสุบินของฟาโรห์มีความหมายอย่างเดียวกัน พระเจ้าทรงสำแดงให้ฟาโรห์ทราบสิ่งที่พระองค์จะทรงทำ
ปฐก. 41:28 เป็นจริงอย่างที่ข้าพระบาททูลฟาโรห์ คือพระเจ้าทรงสำแดงให้ฟาโรห์ทรงทราบสิ่งที่พระองค์จะทรงทำ
ปฐก. 41:39 ฟาโรห์จึงตรัสกับโยเซฟว่า “เพราะพระเจ้าได้ทรงสำแดงเรื่องทั้งสิ้นนี้แก่เจ้า จึงไม่มีใครที่มีความเข้าใจและมีปัญญาเหมือนเจ้า
ปฐก. 48:3 ยาโคบจึงพูดกับโยเซฟว่า “พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ได้สำแดงพระองค์แก่พ่อที่ตำบลลูสในดินแดนคานาอัน ทรงอวยพรแก่พ่อ
อพย. 6:3 เราปรากฏแก่อับราฮัม แก่อิสอัค และแก่ยาโคบด้วยนามว่าพระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ แต่เราไม่ได้สำแดงให้พวกเขารู้จักในนามยาห์เวห์
อพย. 33:13 และบัดนี้ ถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ขอโปรดสำแดงพระมรรคาของพระองค์แก่ข้าพระองค์ แล้วข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ และขอทรงนับชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์”
อพย. 33:18 โมเสสจึงกราบทูลว่า “ขอทรงสำแดงพระสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์เถิด”
อพย. 34:7 ผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงจนถึงพันๆ ชั่วอายุคน ผู้ประทานอภัยการล่วงละเมิด การทรยศและบาป แต่จะไม่ทรงละเว้นการลงโทษอย่างแน่นอน และทรงให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานถึงสามชั่วสี่ชั่วอายุคน”
ลนต. 10:3 โมเสสจึงบอกอาโรนว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘ท่ามกลางผู้ที่อยู่ใกล้เรา เราจะสำแดงความบริสุทธิ์ของเรา ต่อหน้าประชาชนทั้งปวง เราจะต้องได้รับการยกย่อง’ ” ฝ่ายอาโรนก็นิ่งอยู่
กดว. 8:4 การทำคันประทีปให้ทำดังนี้ คือเป็นงานทองคำที่ใช้ค้อนทุบ เป็นการทุบด้วยค้อนตั้งแต่ฐานขึ้นไปถึงดอก ตามแบบที่พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่โมเสส เขาจึงทำคันประทีปตามนั้น
กดว. 12:6 พระองค์ตรัสว่า “จงฟังถ้อยคำของเรา ถ้าจะมีผู้เผยพระวจนะขึ้นในพวกเจ้า เรา ยาห์เวห์จะสำแดงตัวต่อคนนั้นเป็นนิมิต เราจะพูดกับเขาทางฝัน
กดว. 14:17 บัดนี้ข้าพระองค์ทูลวิงวอน ขอองค์เจ้านายทรงสำแดงฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ตามที่พระองค์ตรัสไว้ว่า
กดว. 16:5 ท่านจึงพูดกับโคราห์และพรรคพวกของเขาว่า “พรุ่งนี้เช้าพระยาห์เวห์จะทรงสำแดงให้รู้ว่า ใครเป็นของพระองค์และใครเป็นคนบริสุทธิ์ และจะทรงให้คนนั้นเข้าใกล้พระองค์ ใครคือคนที่พระองค์ทรงเลือก พระองค์จะโปรดให้เขาเข้าไปใกล้พระองค์
กดว. 20:13 น้ำนั้นคือน้ำแห่งเมรีบาห์ เพราะว่าคนอิสราเอลได้โต้เถียงพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงสำแดงความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางพวกเขา
กดว. 23:3 แล้วบาลาอัมทูลบาลาคว่า “ขอทรงยืนอยู่ใกล้เครื่องบูชาที่เป็นของฝ่าพระบาท ส่วนข้าพระบาทจะไป บางทีพระยาห์เวห์จะเสด็จมาพบกับข้าพระบาท และพระองค์ทรงสำแดงสิ่งใดแก่ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จะทูลต่อฝ่าพระบาท” แล้วเขาก็ขึ้นไปยังที่สูง
กดว. 24:14 นี่แน่ะ บัดนี้ข้าพระบาทจะกลับไปยังชนชาติของข้าพระบาท มาเถิด ข้าพระบาทจะสำแดงให้ฝ่าพระบาททรงทราบว่า ชนชาตินี้จะทำอะไรกับชนชาติของฝ่าพระบาทในวันข้างหน้า”
ฉธบ. 3:24 ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย พระองค์เพิ่งทรงสำแดงความยิ่งใหญ่และพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะมีพระเจ้าองค์ไหนเล่าในสวรรค์ หรือในแผ่นดินโลกที่ทรงสามารถทำกิจการต่างๆ และการอิทธิฤทธิ์เหมือนพระองค์ทรงกระทำ
ฉธบ. 4:35 ที่ได้ทรงสำแดงแก่ท่านนั้นก็เพื่อท่านจะทราบว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกเลย
ฉธบ. 5:24 และท่านทั้งหลายกล่าวว่า ‘นี่แน่ะ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทรงสำแดงพระสิริและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ และเราได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากท่ามกลางเพลิง ในวันนี้เราได้เห็นพระเจ้าตรัสกับมนุษย์ และมนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ได้
ฉธบ. 6:22 และพระยาห์เวห์ทรงสำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่และน่ากลัวเหนืออียิปต์ เหนือฟาโรห์ และเหนือราชวงศ์ของท่าน ต่อหน้าต่อตาเราทั้งหลาย
ฉธบ. 13:1 “ถ้าในท่ามกลางท่านเกิดมีผู้เผยพระวจนะหรือผู้ฝันเห็นเหตุการณ์ขึ้น และสำแดงหมายสำคัญหรือการอัศจรรย์แก่ท่าน
ฉธบ. 13:17 ห้ามสิ่งที่ต้องทำลายถวายนั้นติดมือท่านไป เพื่อว่าพระยาห์เวห์จะทรงหันจากพระพิโรธยิ่งของพระองค์ และทรงสำแดงพระกรุณาต่อท่าน และทรงรักเอ็นดูท่าน และให้ท่านทวีมากขึ้น ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่านนั้น
ฉธบ. 29:29 “สิ่งลี้ลับทั้งปวงเป็นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทั้งหลาย แต่สิ่งที่ทรงสำแดงนั้นเป็นของเราทั้งหลายและของลูกหลานของเราเป็นนิตย์ เพื่อเราจะทำตามถ้อยคำทั้งสิ้นของธรรมบัญญัตินี้
ฉธบ. 34:1 แล้วโมเสสก็ขึ้นไปจากที่ราบโมอับ ถึงภูเขาเนโบถึงยอดปิสกาห์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามเมืองเยรีโค และพระยาห์เวห์ทรงสำแดงให้ท่านเห็นแผ่นดินนั้นทั้งหมด คือกิเลอาดจนถึงดาน
วนฉ. 13:23 แต่ภรรยาบอกเขาว่า “ถ้าพระยาห์เวห์ทรงหมายจะฆ่าเราเสีย พระองค์คงจะไม่รับเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและธัญบูชาจากมือของเรา หรือทรงสำแดงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแก่เราหรือประกาศเรื่องเช่นนี้แก่เราในเวลานี้”
นรธ. 1:8 แต่นาโอมีกล่าวแก่บุตรสะใภ้ทั้งสองว่า “ไปเถอะ ขอให้ต่างคนต่างกลับไปบ้านแม่ของตน ขอพระยาห์เวห์ทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อเจ้า ดังที่เจ้าได้ทำต่อผู้ตายและต่อแม่
1ซมอ. 3:7 ซามูเอลไม่เคยรู้จักพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ยังไม่เคยทรงสำแดงพระดำรัสของพระองค์แก่เขา
1ซมอ. 3:21 และพระยาห์เวห์ทรงปรากฏอีกที่ชิโลห์ เพราะพระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์แก่ซามูเอลที่ชิโลห์ โดยพระดำรัสของพระยาห์เวห์ และถ้อยคำของซามูเอลมาถึงคนอิสราเอลทั้งปวง
1ซมอ. 8:9 บัดนี้จงฟังเสียงของพวกเขา แต่เจ้าต้องตักเตือนพวกเขาอย่างจริงจัง และสำแดงให้พวกเขาทราบถึงกฎของกษัตริย์ผู้ที่จะครอบครองพวกเขา”
1ซมอ. 9:15 พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ซามูเอลแล้วในวันก่อนวันที่ซาอูลมาถึงว่า
1ซมอ. 14:41 ดังนั้นซาอูลจึงทูลพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “ขอทรงสำแดงฝ่ายถูก” โยนาธานและซาอูลถูกฉลาก แต่ฝ่ายพวกทหารรอดไป
1ซมอ. 20:14 ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ขอท่านสำแดงความรักมั่นคงแห่งพระยาห์เวห์ต่อฉัน แต่ถ้าฉันตาย
1ซมอ. 26:21 แล้วซาอูลตรัสว่า “ข้าทำผิดแล้ว ดาวิดบุตรของข้า จงกลับไปเถิด เราจะไม่ทำร้ายเจ้าอีกต่อไป เพราะในวันนี้ชีวิตของเราก็ประเสริฐในสายตาของเจ้า ดูเถิด เราสำแดงตัวเป็นคนเขลาและทำผิดมากมาย”
2ซมอ. 2:6 บัดนี้ขอพระยาห์เวห์สำแดงความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ต่อพวกท่าน และข้าพเจ้าจะทำความดีนี้ต่อพวกท่านเพราะสิ่งนี้ที่ท่านได้ทำ
2ซมอ. 3:8 อับเนอร์ก็โกรธมากเพราะถ้อยคำของอิชโบเชท จึงทูลว่า “ข้าพระบาทเป็นหัวสุนัขของยูดาห์หรือ? ทุกวันนี้ข้าพระบาทได้สำแดงความจงรักภักดีต่อพงศ์พันธุ์ของซาอูลเสด็จพ่อของฝ่าพระบาท และต่อพี่น้อง และต่อมิตรสหายของเสด็จพ่อของฝ่าพระบาท ไม่ได้มอบฝ่าพระบาทไว้ในมือของดาวิด วันนี้ฝ่าพระบาทยังกล่าวหาข้าพระบาทด้วยเรื่องผู้หญิงคนนี้
2ซมอ. 7:27 เพราะพระองค์ พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอล ได้ทรงสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ตรัสว่า ‘เราจะสร้างราชวงศ์ให้เจ้า’ เพราะฉะนั้น ผู้รับใช้ของพระองค์จึงมีใจกล้าวิงวอนต่อพระองค์ด้วยคำอธิษฐานนี้
2ซมอ. 22:26 “พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ตำหนิต่อผู้ที่ไร้ตำหนิ
2ซมอ. 22:27 พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าบริสุทธิ์ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ พระองค์ทรงสำแดงเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ที่คดโกง
2ซมอ. 22:51 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์ และทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้นั้น คือดาวิดและพงศ์พันธุ์ของท่านเป็นนิตย์
1พกษ. 1:52 และซาโลมอนตรัสว่า “ถ้าแม้เขาสำแดงตัวได้ว่าเป็นคนดี ผมสักเส้นเดียวของเขาจะไม่ตกลงยังพื้นดิน แต่ถ้าพบความอธรรมอยู่ในตัวเขา เขาจะต้องถึงแก่ความตาย”
1พกษ. 3:6 และซาโลมอนทูลว่า “พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่แก่ดาวิดผู้เป็นบิดาของข้าพระองค์และเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะว่าท่านดำเนินต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และความชอบธรรม ด้วยจิตใจซื่อตรงต่อพระองค์ และพระองค์ทรงรักษาความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่นี้ไว้เพื่อท่าน และได้ประทานบุตรชายคนหนึ่งแก่ท่าน ให้นั่งบนบัลลังก์ของท่านในวันนี้
1พกษ. 8:23 และทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือที่แผ่นดินเบื้องล่าง ผู้ทรงรักษาพันธสัญญา และสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยสุดใจ
1พกษ. 8:66 ในวันที่แปด พระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เขาทั้งหลายก็ถวายพระพรแด่พระราชา และกลับไปยังเต็นท์ของตนด้วยจิตใจชื่นบานและยินดี เนื่องด้วยความดีทั้งสิ้น ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ และแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
1พกษ. 16:27 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของอม-รีซึ่งทรงทำ และพระราชอำนาจซึ่งทรงสำแดง ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?
1พกษ. 22:45 ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮชาฟัท และพระราชอำนาจที่ทรงสำแดง และสงครามที่ทรงกระทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์ แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?
2พกษ. 8:10 และเอลีชาตอบเขาว่า “จงไปทูลพระราชาว่า ‘พระองค์จะหายประชวรแน่’ แต่พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์แน่”
2พกษ. 8:13 และฮาซาเอลตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านผู้เป็นเพียงสุนัข เป็นใครเล่าที่จะทำสิ่งใหญ่นี้?” เอลีชาตอบว่า “พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า ท่านจะเป็นกษัตริย์ครอบครองซีเรีย”
2พกษ. 20:13 และเฮเซคียาห์ได้ทรงต้อนรับพวกเขา และทรงพาพวกเขาชมคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระองค์ ให้ชมเงิน ทองคำ เครื่องเทศ น้ำมันอย่างดี และคลังพระแสงของพระองค์ และทุกอย่างซึ่งมีในท้องพระคลัง ไม่มีสิ่งใดในพระราชวังหรือในราชอาณาจักรทั้งสิ้นของพระองค์ ซึ่งเฮเซคียาห์ไม่ได้สำแดงแก่เขา
2พกษ. 20:15 ท่านทูลว่า “พวกเขาเห็นอะไรในพระราชวังของพระองค์บ้าง?” และเฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “เขาเห็นทุกอย่างในวังของเรา ไม่มีสิ่งใดในพระคลังของเราที่เราไม่ได้สำแดงแก่เขา”
1พศด. 17:25 เพราะข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงสำแดงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ว่า พระองค์จะทรงสร้างราชวงศ์ให้ เพราะฉะนั้นผู้รับใช้ของพระองค์จึงสามารถอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระองค์
2พศด. 1:8 ซาโลมอนก็ทูลพระเจ้าว่า “พระองค์ได้ทรงสำแดงความรักมั่นคงที่ยิ่งใหญ่แก่ดาวิดเสด็จพ่อของข้าพระองค์ และทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นกษัตริย์แทน
2พศด. 6:14 แล้วพระองค์ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนเหมือนพระองค์ ทั้งในฟ้าสวรรค์ และบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงรักษาพันธสัญญาและทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ด้วยสุดใจ
2พศด. 7:10 เมื่อวันที่ยี่สิบสามของเดือนที่เจ็ด พระองค์ทรงให้ประชาชนกลับบ้านของตน ด้วยใจชื่นบานและยินดีเพราะความดีซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงสำแดงแก่ดาวิด แก่ซาโลมอนและแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
2พศด. 24:22 พระราชาโยอาชไม่ได้ทรงระลึกถึงความกรุณา ที่เยโฮยาดาบิดาของเศคาริยาห์สำแดงต่อพระองค์ แต่ทรงสังหารบุตรชายของท่าน และเมื่อเขากำลังจะตาย เขาพูดว่า “ขอพระยาห์เวห์ทอดพระเนตรและแก้แค้น”
อสร. 9:8 แต่บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายทรงสำแดงพระกรุณา ชั่วครู่หนึ่งสั้นๆ และได้ประทานให้พวกข้าพระองค์มีคนที่เหลืออยู่และมีที่ยึดมั่นในสถานบริสุทธิ์ของพระองค์ เพื่อพระเจ้าของข้าพระองค์จะได้ทรงให้ตาของข้าพระองค์กระจ่างขึ้น และประทานการฟื้นใจแก่ข้าพระองค์ขึ้นบ้าง จากการเป็นทาสของข้าพระองค์
โยบ 20:27 ฟ้าสวรรค์จะสำแดงความบาปชั่วของเขา และแผ่นดินโลกจะลุกขึ้นปรักปรำเขา
โยบ 24:25 ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ผู้ใดจะพิสูจน์ได้ว่าข้าโกหก และสำแดงว่าสิ่งที่ข้ากล่าวนั้นไร้สาระ?”
โยบ 33:3 ถ้อยคำของข้าพเจ้าสำแดงความซื่อตรงแห่งจิตใจ และริมฝีปากของข้าพเจ้ารู้อะไรก็พูดออกมาอย่างจริงใจ
โยบ 36:2 “ขอทนอยู่กับข้าพเจ้าสักหน่อย และข้าพเจ้าจะสำแดงแก่ท่าน เพราะข้าพเจ้ามีบางสิ่งที่จะพูดแทนพระเจ้าอีก
โยบ 36:9 พระองค์ก็ทรงสำแดงกิจการของเขาทั้งหลายแก่เขา และสำแดงการละเมิดของเขาว่าเขาได้ประพฤติตัวด้วยความยโส
สดด. 9:16 พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระองค์ให้เป็นที่รู้จัก เมื่อทรงพิพากษา คนอธรรมติดกับดักด้วยการงานจากน้ำมือของเขาเอง ฮิกกาโยน เส-ลาห์
สดด. 16:11 พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์พระองค์มีความยินดีเปี่ยมล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์
สดด. 17:7 ขอทรงสำแดงความรักมั่นคงของพระองค์อย่างอัศจรรย์เถิด ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงช่วยบรรดาผู้ลี้ภัย ให้พ้นจากผู้ที่ลุกขึ้นสู้พวกเขาโดยพระหัตถ์ขวาของพระองค์
สดด. 18:25 พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าซื่อสัตย์ต่อผู้ที่ซื่อสัตย์ พระองค์ทรงสำแดงพระองค์ว่าไร้ตำหนิต่อผู้ที่ไร้ตำหนิ
สดด. 18:26 พระองค์ทรงสำแดงพระองค์บริสุทธิ์ต่อผู้ที่บริสุทธิ์ พระองค์ทรงสำแดงพระองค์เป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ที่คดโกง
สดด. 18:50 พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ของพระองค์ และทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้นั้น คือดาวิดและพงศ์พันธุ์ของท่านเป็นนิตย์
สดด. 19:1 ท้องฟ้าประกาศพระสิริของพระเจ้า และพื้นฟ้าสำแดงผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์
สดด. 31:21 สาธุการแด่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์ เมื่อข้าพระองค์อยู่ในเมืองที่ถูกล้อม
สดด. 33:4 เพราะพระวจนะของพระยาห์เวห์นั้นเที่ยงธรรม และพระราชกิจทั้งสิ้นสำแดงความซื่อสัตย์ของพระองค์
สดด. 48:3 ภายในป้อมของนคร พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ ว่าทรงเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่ง
สดด. 50:23 ผู้ถวายเครื่องบูชาคือการขอบพระคุณก็ให้เกียรติเรา เราจะสำแดงความรอดของพระเจ้า แก่ผู้จัดทางของตนอย่างถูกต้อง”
สดด. 59:17 ข้าแต่พระกำลังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะร้องเพลงสดุดีพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ พระเจ้าผู้ทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่ข้าพระองค์
สดด. 68:28 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงเรียกฤทธานุภาพของพระองค์มา ข้าแต่พระเจ้า ผู้ได้ทรงทำเพื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์
สดด. 77:14 พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์ ผู้ทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
สดด. 78:11 พวกเขาลืมบรรดากิจการของพระองค์ และลืมการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงสำแดงแก่พวกเขา
สดด. 85:7 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงสำแดงความรักมั่นคงของพระองค์แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย และขอประทานความรอดของพระองค์แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
สดด. 86:17 ขอทรงสำแดงหมายสำคัญแห่งความโปรดปรานแก่ข้าพระองค์ เพื่อคนที่เกลียดชังข้าพระองค์จะเห็นและอับอาย ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทรงอุปถัมภ์ข้าพระองค์และทรงปลอบโยนข้าพระองค์
สดด. 103:7 พระองค์ทรงสำแดงพระมรรคาของพระองค์แก่โมเสส กิจการของพระองค์ แก่คนอิสราเอล
สดด. 111:6 พระองค์ได้ทรงสำแดงฤทธานุภาพแห่งพระราชกิจของพระองค์แก่ประชากรของพระองค์ โดยประทานมรดกของบรรดาประชาชาติแก่พวกเขา
สดด. 147:19 พระองค์ทรงสำแดงพระวจนะของพระองค์แก่ยาโคบ กฎเกณฑ์และกฎหมายของพระองค์แก่อิสราเอล
ปญจ. 3:18 ข้าพเจ้ารำพึงในใจเกี่ยวกับบรรดามนุษย์ว่า พระเจ้าทรงทดสอบพวกเขาเพื่อจะสำแดงว่า พวกเขาเป็นเพียงสัตว์
อสย. 5:16 แต่พระยาห์เวห์จอมทัพจะได้รับการเทิดทูนไว้โดยความยุติธรรม และพระเจ้าองค์บริสุทธิ์ทรงสำแดงความบริสุทธิ์โดยความชอบธรรม
อสย. 26:10 ถ้าทรงสำแดงพระกรุณาคุณแก่คนอธรรม เขาก็ไม่เรียนรู้ความชอบธรรม เขาประพฤติชั่วในแผ่นดินเที่ยงธรรม และไม่เห็นความสง่าสูงส่งของพระยาห์เวห์
อสย. 27:11 เมื่อกิ่งของมันแห้ง ก็ถูกหัก พวกผู้หญิงมาถึงและเอามันไปก่อไฟ เพราะนี่เป็นชนชาติไร้ความเข้าใจ เพราะฉะนั้น ผู้ทรงสร้างเขาจะไม่สงสารเขา ผู้ทรงปั้นเขาจะไม่สำแดงพระกรุณาต่อเขา
อสย. 39:2 และเฮเซคียาห์ทรงเปรมปรีดิ์เพราะเขาเหล่านั้น และทรงให้พวกเขาดูคลังทรัพย์ของพระองค์ คือดูเงิน ทองคำ เครื่องเทศ น้ำมันหอม และคลังแสงทั้งหมดของพระองค์ รวมทั้งทุกอย่างที่มีอยู่ในท้องพระคลังของพระองค์ ไม่มีสิ่งใดในพระราชวังหรือในราชอาณาจักรของพระองค์ที่เฮเซคียาห์ไม่ได้ทรงสำแดงแก่เขาทั้งหลาย
อสย. 39:4 ท่านทูลว่า “พวกเขาเห็นอะไรในพระราชวังของพระองค์บ้าง?” และเฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “เขาเห็นทุกอย่างในพระราชวังของเรา ไม่มีสิ่งใดในพระคลังของเราซึ่งเราไม่ได้สำแดงแก่พวกเขา”
อสย. 40:14 ใครที่พระองค์ทรงต้องปรึกษาเพื่อจะรู้แจ้ง และใครสอนทางแห่งความยุติธรรมให้พระองค์? ใครสอนความรู้แก่พระองค์ และสำแดงให้พระองค์รู้ทางแห่งความเข้าใจ?
อสย. 42:13 พระยาห์เวห์จะเสด็จออกไปอย่างผู้กล้า พระองค์ทรงเร้าความกระตือรือร้นขึ้นอย่างนักรบ พระองค์ทรงร้อง พระองค์ทรงโห่ดัง พระองค์ทรงสำแดงอานุภาพต่อปฏิปักษ์ของพระองค์
อสย. 49:3 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา อิสราเอลผู้ซึ่งเราจะสำแดงศักดิ์ศรีของเราเอง”
อสย. 53:1 ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เราป่าวประกาศ? พระกรของพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ผู้ใด?
อสย. 60:21 ประชาชนทั้งหมดของเจ้าจะชอบธรรม พวกเขาจะได้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์เป็นนิตย์ พวกเขาจะเป็นหน่อที่เราปลูก และเป็นผลงานของมือเรา เพื่อสำแดงสง่าราศีของเราเอง
อสย. 61:3 เพื่อจัดเตรียมให้กับพวกที่ไว้ทุกข์ในศิโยน คือให้มงกุฎแทนขี้เถ้าแก่พวกเขา และให้น้ำมันแห่งความยินดีแทนการไว้ทุกข์ เสื้อคลุมแห่งการสรรเสริญแทนจิตวิญญาณที่ท้อแท้ แล้วคนจะเรียกพวกเขาว่าต้นโอ๊กแห่งความชอบธรรม ที่พระยาห์เวห์ทรงปลูกไว้เพื่อสำแดงพระสิริของพระองค์
อสย. 66:15 เพราะดูสิ พระยาห์เวห์จะเสด็จมาด้วยไฟ และรถรบของพระองค์เหมือนลมพายุ เพื่อสำแดงพระพิโรธของพระองค์อย่างเกรี้ยวกราด และสำแดงการกำราบของพระองค์ด้วยไฟ
ยรม. 3:11 แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลผู้กลับสัตย์ยังสำแดงตัวว่าชอบธรรมยิ่งกว่ายูดาห์ที่ทรยศ
ยรม. 9:24 แต่ให้ผู้อวดอวดสิ่งนี้ คือการที่เขาเข้าใจและรู้จักเราว่าเราคือพระยาห์เวห์ ผู้สำแดงความรักมั่นคง ความยุติธรรม และความชอบธรรมในโลก เพราะเราพอใจในสิ่งเหล่านี้” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
ยรม. 11:18 พระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็รู้ พระองค์ทรงเปิดเผยการกระทำของเขาแก่ข้าพระองค์
ยรม. 16:13 เพราะฉะนั้น เราจะเหวี่ยงเจ้าออกเสียจากแผ่นดินนี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเจ้าหรือบรรพบุรุษของเจ้าไม่รู้จักและที่นั่นเจ้าจะปรนนิบัติพระอื่นๆ ทั้งกลางวันและกลางคืนเพราะเราจะไม่สำแดงความกรุณาแก่เจ้าเลย’
ยรม. 24:1 หลังจากเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้จับเยโคนิยาห์โอรสของเยโฮยาคิมกษัตริย์ยูดาห์ไปเป็นเชลยจากเยรูซาเล็ม พร้อมกับเจ้านายแห่งยูดาห์ ทั้งพวกช่างและช่างเหล็ก และนำเขามายังกรุงบาบิโลนแล้ว พระยาห์เวห์ก็ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าดังนี้ นี่แน่ะ มีกระจาดสองใบใส่มะเดื่อวางไว้หน้าพระวิหารของพระยาห์เวห์
ยรม. 32:18 พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อคนเป็นพันๆ แต่ทรงตอบสนองความผิดบาปของบิดาให้ตกถึงลูกหลานสืบต่อมา พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และทรงฤทธิ์ พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ
ยรม. 32:20 ทรงเป็นผู้สำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในแผ่นดินอียิปต์ และจนถึงสมัยนี้ก็ทรงสำแดงในอิสราเอล และท่ามกลางมนุษยชาติ และทรงทำให้พระนามเลื่องลือไปอย่างทุกวันนี้
ยรม. 38:21 แต่ถ้าฝ่าพระบาทไม่ยอมมอบตัว นี่คือสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์ทรงสำแดงต่อข้าพระบาท
ยรม. 42:3 ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสำแดงหนทางแก่เรา ว่าเราควรจะไปทางไหน และขอสำแดงสิ่งที่เราควรจะทำ”
พคค. 4:16 พระยาห์เวห์เองทรงทำให้เขาทั้งหลายกระจัดกระจายไป พระองค์จะไม่สนพระทัยในเขาอีกเลย พวกเขาจึงไม่นับถือพวกปุโรหิต ไม่สำแดงความกรุณาต่อพวกผู้ใหญ่
อสค. 8:18 ดังนั้นเราเองจะทำด้วยความโกรธ นัยน์ตาของเราจะไม่ปรานี เราจะไม่สำแดงความกรุณา และแม้ว่าพวกเขาจะร้องด้วยเสียงอันดังใส่หูของเรา เราก็จะไม่ฟังพวกเขา”
อสค. 9:5 และพระองค์ตรัสกับชายคนอื่นๆ ให้ข้าพเจ้าได้ยินว่า “จงไปตลอดนครตามหลังชายคนนั้นแล้วฆ่าฟันเสีย นัยน์ตาของเจ้าทั้งหลายอย่าได้ปรานี และเจ้าอย่าสำแดงความกรุณา
อสค. 9:10 และสำหรับเราเอง นัยน์ตาเราจะไม่ปรานี และเราจะไม่สำแดงความกรุณา แต่เราจะลงโทษเหนือศีรษะของพวกเขาตามความประพฤติของเขา”
อสค. 11:25 ข้าพเจ้าจึงได้บอกถึงสิ่งต่างๆ ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าให้พวกเชลยได้รู้
อสค. 20:5 และจงกล่าวกับพวกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นที่เราเลือกสรรอิสราเอลไว้ เราปฏิญาณต่อพงศ์พันธุ์ของวงศ์วานยาโคบ โดยสำแดงตัวเราให้พวกเขารู้จักในแผ่นดินอียิปต์ เราปฏิญาณกับเขาว่า ‘เรายาห์เวห์เป็นพระเจ้าของพวกเจ้า’
อสค. 20:9 แต่เราทำโดยเห็นแก่นามของเราเอง เพื่อไม่ให้นามนั้นถูกดูหมิ่นในสายตาของประชาชาติซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ด้วย เราจึงสำแดงตัวเราต่อหน้าประชาชาติให้พวกเขารู้จัก ในการที่เรานำคนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
อสค. 20:11 เราให้กฎเกณฑ์ของเราแก่เขาทั้งหลาย และสำแดงกฎหมายของเราให้เขารู้ ถ้าเขาทำตามสิ่งเหล่านี้ก็จะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้
อสค. 20:41 เราจะโปรดปรานพวกเจ้าดั่งกลิ่นที่น่าพึงพอใจ เมื่อเรานำเจ้าออกมาจากชนชาติทั้งหลาย และรวบรวมเจ้าออกมาจากประเทศที่เจ้าถูกกระจัดกระจายไปอยู่นั้น แล้วเราจะสำแดงความบริสุทธิ์ของเราท่ามกลางเจ้า ต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งหลาย
อสค. 28:22 และกล่าวว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ ไซดอน เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า เราจะรับเกียรติท่ามกลางเจ้า และพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เมื่อเรานำการพิพากษามายังเมืองนั้น และสำแดงความบริสุทธิ์ของเราในเมืองนั้น
อสค. 28:25 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า “เมื่อเรารวบรวมพงศ์พันธุ์อิสราเอลจากท่ามกลางชนชาติทั้งหลายที่พวกเขาถูกกระจายไปอยู่นั้น เราจะสำแดงความบริสุทธิ์ของเราท่ามกลางพวกเขาต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งหลาย แล้วพวกเขาจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของเขาเอง ซึ่งเราได้ให้แก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
อสค. 35:11 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร เราจะทำต่อเจ้าตามความโกรธแค้นและความอิจฉาของเจ้า ซึ่งเจ้าแสดงต่อพวกเขาเพราะความเกลียดชังของเจ้า แล้วเราจะสำแดงตัวเราให้เป็นที่รู้จักในหมู่พวกเขาเมื่อเราพิพากษาเจ้า
อสค. 36:23 และเราจะสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ของนามยิ่งใหญ่ของเราซึ่งถูกลบหลู่ท่ามกลางประชาชาติ คือนามที่เจ้าทำให้เสื่อมเกียรติท่ามกลางพวกเขา แล้วประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ เมื่อเราสำแดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราท่ามกลางพวกเจ้าต่อหน้าต่อตาเขาทั้งหลาย
อสค. 38:16 เจ้าจะขึ้นมาต่อสู้อิสราเอลประชากรของเรา เหมือนอย่างเมฆคลุมแผ่นดิน โอ้ โกก ในเวลาภายหน้า เราจะนำเจ้ามาต่อสู้กับแผ่นดินของเรา เพื่อประชาชาติทั้งหลายจะรู้จักเรา เมื่อเราสำแดงความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าต่อตาพวกเขาผ่านตัวเจ้า
อสค. 38:23 ดังนั้นเราจะสำแดงความยิ่งใหญ่และความบริสุทธิ์ของเรา และทำให้เราเป็นที่รู้จักในสายตาของประชาชาติมากมาย แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
อสค. 39:13 ประชาชนทั้งหมดของแผ่นดินจะฝังศพพวกโกก และประชาชนจะมีชื่อเสียงในวันนั้นเมื่อเราสำแดงพระสิริของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
อสค. 39:21 “และเราจะสำแดงพระสิริของเราท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย และประชาชาติทั้งหมดจะเห็นการพิพากษาของเราซึ่งเราได้ทำไป และเห็นมือเราที่เราวางไว้บนเขา
อสค. 39:27 เมื่อเรานำพวกเขากลับมาจากชนชาติทั้งหลาย และรวบรวมเขามาจากแผ่นดินศัตรูของเขา เราจะสำแดงความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าต่อตาประชาชาติจำนวนมากผ่านเขา
อสค. 40:4 และชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองดูด้วยตาเจ้าเอง และจงฟังด้วยหูของเจ้า และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งที่เราจะสำแดงแก่เจ้า เพราะว่าที่เรานำเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อจะสำแดงแก่เจ้า จงประกาศทุกสิ่งที่เจ้าเห็นนั้นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”
ดนล. 4:27 ข้าแต่พระราชา เพราะฉะนั้นขอทรงรับคำแนะนำของข้าพระบาท ขอฝ่าพระบาททรงเลิกทำบาปเสียโดยการทำความชอบธรรม และเลิกทำบาปชั่วโดยการสำแดงความกรุณาต่อผู้ถูกบีบบังคับ เผื่อว่าความเจริญของฝ่าพระบาทอาจจะยืดยาวไปอีกได้”
ดนล. 10:1 ในปีที่สามแห่งรัชกาลไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย มีสิ่งหนึ่งได้เปิดเผยแก่ดาเนียลผู้ได้ชื่อว่า เบลเทชัสซาร์ และสิ่งนั้นก็จริง แต่การเข้าใจการสำแดงนั้นยาก ความเข้าใจนั้นผ่านมาทางนิมิต
ดนล. 11:2 “และบัดนี้ เราจะสำแดงความจริงแก่ท่านคือ จะมีพระราชาอีกสามองค์ขึ้นครองเปอร์เซีย และองค์ที่สี่จะมั่งคั่งยิ่งกว่าองค์อื่นทั้งหมด เมื่อท่านมีอำนาจด้วยความมั่งคั่งของท่านแล้ว ท่านก็จะปลุกปั่นให้ทุกคนต่อสู้กับราชอาณาจักรกรีก
ยอล. 2:30 “เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในท้องฟ้าและบนแผ่นดิน เป็นเลือด เป็นไฟและลำควัน
อมส. 7:1 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ พระองค์ทรงสร้างตั๊กแตนว้าว่อน ในเวลาที่พืชรุ่นหลังเริ่มงอกขึ้นมา และนี่แน่ะ เป็นพืชรุ่นหลัง (หลังจากส่วนของกษัตริย์ได้เกี่ยวแล้ว)
อมส. 7:4 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงเรียกให้มีการลงโทษด้วยไฟ และไฟได้เผาผลาญที่ลึกใต้พิภพและกินแผ่นดินเสีย
อมส. 7:7 พระองค์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ องค์เจ้านายทรงยืนอยู่ข้างกำแพงที่สร้างโดยใช้สายดิ่ง มีสายดิ่งอยู่ในพระหัตถ์
อมส. 8:1 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า นี่แน่ะ มีกระจาดผลไม้ฤดูร้อนกระจาดหนึ่ง
มคา. 6:8 มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ
มคา. 7:20 พระองค์จะทรงสำแดงความสัตย์ซื่อแก่ยาโคบ และความรักมั่นคงต่ออับราฮัม ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณต่อบรรพบุรุษของเรา ตั้งแต่สมัยโบราณกาล
ศคย. 1:9 แล้วข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘นายเจ้าข้า เหล่านี้คืออะไร?’ ทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าบอกว่า ‘เราจะสำแดงให้เจ้าทราบว่า เหล่านี้คืออะไร’
ศคย. 1:20 แล้วพระยาห์เวห์จึงทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นช่างเหล็ก 4 คน
มธ. 11:25 ในขณะนั้นพระเยซูทูลว่า “ข้าแต่พระบิดา ผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ ที่พระองค์ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากคนมีปัญญาและคนฉลาด แต่ทรงสำแดงแก่พวกทารก
มธ. 11:27 “พระบิดาของเราทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรา และไม่มีใครรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร และคนที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้
มก. 5:19 แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงไปหาพวกพ้องของท่านที่บ้าน แล้วบอกพวกเขาถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำแก่ท่านว่ามากเพียงไร และเล่าถึงพระเมตตาที่พระองค์ทรงสำแดงแก่ท่าน”
ลก. 1:51 พระองค์ทรงสำแดงอานุภาพด้วยพระกรของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้คนที่มีใจเย่อหยิ่งกระจัดกระจายไป
ลก. 1:58 เมื่อเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของนางได้ยินว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระเมตตาแก่นางอย่างมาก เขาทั้งหลายก็พากันชื่นชมยินดี
ลก. 1:72 ดังนั้นพระองค์จึงทรงสำแดงพระกรุณาตามที่ทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของเรา และทรงระลึกถึงพันธสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์
ลก. 2:26 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสำแดงแก่ท่านว่าท่านจะไม่ตายจนกว่าจะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ลก. 4:5 แล้วมารจึงนำพระองค์ขึ้นไปบนที่สูง สำแดงราชอาณาจักรต่างๆ ทั่วพิภพให้พระองค์เห็นภายในพริบตาเดียว
ลก. 6:47 ทุกคนที่มาหาเราและฟังคำของเราแล้วทำตาม เราจะสำแดงให้พวกท่านรู้ว่าเขาเป็นเหมือนอะไร
ลก. 10:21 ในเวลานั้นเอง พระเยซูทรงเปรมปรีดิ์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ที่พระองค์ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากคนมีปัญญาและคนฉลาด แต่ทรงสำแดงแก่พวกทารก ถูกแล้ว ข้าแต่พระบิดา พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น
ลก. 10:22 “พระบิดาของเราทรงมอบสิ่งสารพัดให้แก่เรา ไม่มีใครรู้ว่าพระบุตรเป็นใครนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาเป็นใครนอกจากพระบุตร และผู้ที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้”
ลก. 17:14 เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นแล้วจึงตรัสกับเขาว่า “จงไปสำแดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด” เมื่อพวกเขากำลังเดินไปก็หายสะอาด
ลก. 20:37 เรื่องที่พระเจ้าทรงทำให้คนที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาใหม่นั้น โมเสสก็สำแดงไว้ในเรื่องพุ่มไม้ ซึ่งเป็นที่ที่ท่านเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘พระเจ้าของอับราฮัม พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’
ลก. 24:40 เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระหัตถ์และพระบาทให้เขาเห็น
ยน. 1:18 ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรองค์เดียวผู้สถิตในพระทรวงของพระบิดา ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว
ยน. 12:38 ทั้งนี้เพื่อจะสำเร็จตามคำของอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะที่ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าใครจะเชื่อสิ่งที่เราประกาศ? และพระกรของพระเจ้าทรงสำแดงแก่ใคร?”
ยน. 14:8 ฟีลิปทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น ก็พอใจข้าพระองค์แล้ว”
ยน. 14:9 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ฟีลิป เราอยู่กับท่านนานถึงขนาดนี้แล้วท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ? คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า ‘ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น?’
ยน. 14:21 ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา และคนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา”
ยน. 14:22 ยูดาส (ไม่ใช่อิสคาริโอท) ทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์ถึงสำแดงพระองค์แก่พวกข้าพระองค์ แต่ไม่สำแดงแก่โลก?”
ยน. 15:15 เราจะไม่เรียกพวกท่านว่าบ่าวอีก เพราะบ่าวไม่ทราบว่านายทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดา เราสำแดงแก่พวกท่านแล้ว
ยน. 17:6 “ข้าพระองค์สำแดงพระนามของพระองค์ แก่บรรดาคนที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์จากโลก คนเหล่านั้นเป็นของพระองค์แล้ว และพระองค์ประทานพวกเขาแก่ข้าพระองค์ และเขาได้ปฏิบัติตามพระดำรัสของพระองค์แล้ว
ยน. 21:1 ต่อมาพระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวกอีกครั้งหนึ่งที่ทะเลทิเบเรียส พระองค์ทรงสำแดงพระองค์อย่างนี้
ยน. 21:14 นี่เป็นครั้งที่สามที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวก หลังจากที่พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตายแล้ว
กจ. 1:3 เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว พระองค์ทรงสำแดงพระองค์กับพวกเขาด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงกล่าวถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
กจ. 1:24 แล้วพวกสาวกจึงอธิษฐานว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงทราบใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงสำแดงว่าในสองคนนี้พระองค์ทรงเลือกคนไหน
กจ. 2:19 เราจะสำแดงการอัศจรรย์ในอากาศเบื้องบน และ หมายสำคัญที่แผ่นดิน เบื้องล่าง เป็นเลือด ไฟ และไอควัน
กจ. 7:3 และตรัสกับท่านว่า ‘เจ้าจงออกจากเมืองและญาติพี่น้องของเจ้า ไปยังดินแดนที่เราจะสำแดงให้เจ้า’
กจ. 10:28 จึงกล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านทราบแล้วว่า การที่คนยิวจะคบหาหรือเยี่ยมเยียนคนต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม แต่พระเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าแล้วว่า ไม่ควรถือว่าคนหนึ่งคนใดไม่บริสุทธิ์หรือเป็นมลทิน
กจ. 13:31 พระองค์ทรงสำแดงพระองค์อยู่หลายวันกับคนจากแคว้นกาลิลีที่มากรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับพระองค์ และบัดนี้คนเหล่านั้นคือสักขีพยานของพระองค์ต่อคนทั้งหลาย
กจ. 20:24 แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าสำหรับตัวเอง ขอแต่เพียงให้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าและทำพันธกิจที่ได้รับจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าให้สำเร็จ คือการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐที่สำแดงพระคุณของพระเจ้า
กจ. 26:16 แต่จงลุกขึ้นยืนเถิด เพราะว่าเรามาปรากฏแก่เจ้าเพื่อจะตั้งเจ้าให้เป็นผู้รับใช้และเป็นสักขีพยานของเหตุการณ์ที่เจ้าได้เห็นเรา และของสิ่งที่เราจะสำแดงแก่เจ้า
รม. 1:17 เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมซึ่งเกิดมาจากพระเจ้าก็ได้สำแดงออกโดยความเชื่อ และเพื่อความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า “คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ”
รม. 1:18 เพราะว่าพระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ ต่อความหมิ่นประมาทพระองค์ และความชั่วร้ายทั้งมวลของมนุษย์ ที่เอาความชั่วร้ายนั้นบีบคั้นความจริง
รม. 1:19 เพราะการที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับพวกเขา เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่เขาแล้ว
รม. 2:5 แต่เพราะท่านใจแข็งกระด้างไม่ยอมกลับใจ ท่านจึงสะสมโทษให้แก่ตัวเอง ในวันที่พระเจ้าทรงพระพิโรธ ซึ่งพระองค์จะทรงสำแดงการพิพากษาที่เที่ยงธรรมให้ประจักษ์
รม. 3:26 และเพื่อจะสำแดงในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรม และทรงให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย
รม. 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา
รม. 9:17 เพราะมีข้อพระคัมภีร์ที่กล่าวแก่ฟาโรห์ว่า “เพราะเหตุนี้เองเราจึงได้ตั้งเจ้าขึ้น เพื่อเราจะสำแดงฤทธานุภาพของเราให้ปรากฏทางตัวเจ้า และเพื่อให้นามของเราประกาศไปทั่วโลก”
1คร. 2:4 คำพูดและคำเทศนาของข้าพเจ้าไม่ใช่เป็นการพูดชักชวนด้วยปัญญาแต่เป็นการสำแดงพระวิญญาณและฤทธานุภาพ
1คร. 2:10 พระเจ้าได้ทรงสำแดงสิ่งเหล่านี้กับเราทางพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งแม้เป็นความล้ำลึกของพระเจ้า
1คร. 3:13 การงานของแต่ละคนก็จะปรากฏให้เห็น เพราะวันพิพากษานั้นจะสำแดงให้เห็น คือจะถูกเผยให้เห็นด้วยไฟ และไฟนั้นจะพิสูจน์ว่าการงานของแต่ละคนเป็นอย่างไร
1คร. 12:7 การสำแดงของพระวิญญาณนั้น พระองค์ประทานแก่แต่ละคนเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
1คร. 14:30 ถ้ามีการทรงสำแดงแก่คนอื่นที่นั่งอยู่ด้วยกัน ให้คนแรกนั้นเงียบไว้ก่อน
2คร. 8:24 เพราะฉะนั้นจงสำแดงความรักของท่านและสิ่งที่เราได้อวดเกี่ยวกับท่านให้พวกเขาเห็น และสำแดงต่อหน้าคริสตจักรทั้งหลายด้วย
2คร. 12:1 ข้าพเจ้าจำเป็นต้องอวด แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่ข้าพเจ้าจะพูดต่อไปถึงนิมิตและการสำแดงที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
2คร. 12:7 และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป เนื่องจากการสำแดงอันยิ่งใหญ่ ก็ทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นทูตของซาตานที่คอยโบยตีข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะไม่ยกตัวเกินไป
กท. 1:12 เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ได้รับข่าวประเสริฐนั้นจากมนุษย์ ไม่มีใครสอนข้าพเจ้า แต่พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า
กท. 1:16 ที่จะทรงสำแดงพระบุตรของพระองค์แก่ข้าพเจ้า เพื่อให้ข้าพเจ้าประกาศพระบุตรแก่คนต่างชาตินั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ได้ปรึกษากับมนุษย์คนใดเลย
กท. 2:2 ข้าพเจ้าขึ้นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้เล่าข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างชาติให้พวกเขาฟัง (แต่ได้เล่าให้คนสำคัญบางคนฟังเป็นส่วนตัว) เกรงว่าข้าพเจ้าอาจจะวิ่งแข่งหรือวิ่งอย่างไร้ประโยชน์
กท. 3:5 พระองค์ผู้ประทานพระวิญญาณแก่ท่านทั้งหลาย และทรงสำแดงฤทธานุภาพท่ามกลางพวกท่าน ทรงทำเช่นนั้นโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ หรือโดยความเชื่อของพวกท่านตามที่ได้ฟัง?
อฟ. 1:17 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอพระเจ้าของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราคือพระบิดาผู้ทรงพระสิริ ทรงให้ท่านทั้งหลายมีจิตใจ ที่ประกอบด้วยปัญญาและการสำแดง เพื่อท่านจะรู้จักพระองค์
อฟ. 2:7 เพื่อว่าในยุคต่อๆ ไป พระองค์จะทรงสำแดงพระคุณอันอุดมเหลือล้นของพระองค์ ด้วยพระกรุณาที่มีต่อเราในพระเยซูคริสต์
อฟ. 6:19 และเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าพูด พระองค์จะประทานถ้อยคำแก่ข้าพเจ้าที่จะสำแดงความล้ำลึกของข่าวประเสริฐอย่างกล้าหาญ
1ทธ. 1:16 แต่เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้รับพระเมตตา เพื่อว่าพระเยซูคริสต์จะได้ทรงสำแดงความอดทนอย่างยิ่งต่อข้าพเจ้าซึ่งเป็นตัวเอ้นั้น เพื่อเป็นแบบอย่างแก่คนทั้งหลาย ที่จะเชื่อในพระองค์ แล้วได้รับชีวิตนิรันดร์
2ทธ. 1:10 และบัดนี้ทรงสำแดงให้ประจักษ์ โดยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผู้ทรงทำลายความตายให้สูญสิ้น และทรงทำให้ชีวิตและสภาพอมตะปรากฏชัดโดยทางข่าวประเสริฐ
ทต. 1:3 และในเวลาที่ทรงกำหนด ก็ทรงสำแดงพระวจนะของพระองค์ด้วยการประกาศที่ข้าพเจ้ารับมอบไว้ ตามพระบัญชาของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
ทต. 2:10 อย่าให้ยักยอกแต่ให้สำแดงความซื่อสัตย์และดีงามในทุกอย่าง เพื่อเขาทั้งหลายจะเทิดพระเกียรติพระดำรัสสอนของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเราในทุกๆ ด้าน
ฮบ. 9:8 โดยสิ่งนี้เอง พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงทรงสำแดงว่า ทางที่นำเข้าสู่สถานศักดิ์สิทธิ์นั้นยังไม่เปิด ตราบใดที่ห้องชั้นนอกนั้นตั้งอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น